ราคาหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น Mazda Motor, Mitsubishi Motor, Toyota และ Honda ลดลง 6%, 4.9%, 3.69% และ 2.91% ตามลำดับ ส่วน Nissan ซึ่งมีโรงงาน 2 แห่งในเม็กซิโก ลดลง 2.92% ขณะที่ Kia Motors ของเกาหลีใต้ ซึ่งมีโรงงานผลิตในเม็กซิโก ลดลง 2.76% ผู้ผลิตรถยนต์จีน Nio และ Xpeng ลดลง 3.94% และ 1.97% ตามลำดับ
วิลล์ ชาร์ฟ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอธิบายว่า อัตราภาษีใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. จะบังคับใช้กับ “รถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาที่ผลิตในต่างประเทศ” นอกเหนือจากภาษีเดิมที่มีอยู่ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับสหรัฐฯ มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ (3.39 ล้านล้านบาท) ในแต่ละปี
คาร์ล บราวเออร์ นักวิเคราะห์จาก iSeeCars กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายที่จำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐฯ ต่างพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลกสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น แม้จะมีการประกอบรถในสหรัฐฯ ก็ตาม บราวเออร์ระบุว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจกระทบต่อกำไรของผู้ผลิตรถยนต์ หรือถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาที่สูงขึ้น
บราวเออร์ กล่าวต่อไปว่า รถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐฯ ก็จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่เช่นกัน แม้จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า โดยขึ้นอยู่กับสัดส่วนของชิ้นส่วนที่มาจากต่างประเทศ “ไม่มีผู้จำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐฯ รายใดที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีเหล่านี้ได้”
ด้าน เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) แสดงความไม่เห็นด้วยต่อมาตรการภาษีใหม่นี้ พร้อมยืนยันว่าสหภาพยุโรปจะยังคงมุ่งหาทางออกผ่านการเจรจา ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน
(1 ดอลลาร์ = 33.90 บาท)
ที่มา: CNBC