โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลพร้อมทะยาน รับยุทธศาสตร์ 10 ปี ดันไทยเป็น Medical Hub

Wealthy Thai

อัพเดต 29 ต.ค. 2567 เวลา 02.40 น. • เผยแพร่ 24 ก.ค. 2567 เวลา 01.58 น.

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (บอร์ดเมดิคัลฮับ) ว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ 10 ปี (พ.ศ. 2568-2577) เพื่อพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของโลก
รวมถึงการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสุขภาพอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ 1.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 2.การพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และ 3.การส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์
นอกจากนี้ ยังมีการเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ที่ประชุมยังเห็นชอบประเด็นต่าง ๆ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป เช่น การเจรจากับกองทุนแห่งรัฐและประกันชีวิตเอกชนในต่างประเทศเพื่อส่งผู้ป่วยมารับการรักษาในประเทศไทย ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม และประเทศจีน
ซึ่งแน่นอนประเด็นดังกล่าวนับเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในระยะยาว วันนี้ Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อหุ้นโรงพยาบาลที่จะได้รับอานิสงส์นี้ไปพร้อมกัน
โดยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ามาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มโรงพยาบาลในระยะยาว อีกทั้งในปีนี้ยังมองว่าผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลยังคงมีแนวโน้มดีกว่าธุรกิจอื่นๆ โดยคาดว่าผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาส 2/67 จะชะลอตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโตดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 67 จะดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจโรงพยาบาล ขณะที่แนวโน้มผู้ป่วยต่างชาติยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง
ส่วนประเด็นข่าวลบที่กดดันต่างๆ จะเริ่มคลี่คลาย เช่น ประเด็นที่รัฐบาลคูเวตหยุดการสนับสนุนการรักษาพยาบาลนอกประเทศ ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลในครึ่งหลังของปี 2567 ว่าจะกลับมารักษาหรือเลือกโรงพยาบาลใด ส่วนประเด็นการปรับลดเงินเบิกจ่ายค่าความรุนแรงของโรคหรือ RW >2 คาดว่าจะประกาศเรทที่ปรับลดและทางโรงพยาบาลจะมีการปรับผลกระทบในงบภาพรวมปี 67 เราคาดการณ์ว่ากำไรปกติกลุ่มโรงพยาบาล ภายใต้ Coverage ของเราจะเติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 16,784 ล้านบาท
บล.หยวนต้า ยังคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงพยาบาล "Outperform Market" เนื่องจากกลุ่มโรงพยาบาลมีความ Defensive ปลอดภัยในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกำไรยังมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาวได้แรงหนุนจากปัจจัยสนับสนุนภาครัฐ สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub รวมถึงสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีความต้องการทางการแพทย์มากขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์เลือก BDMS ราคาเป้าหมาย 36.20 บาท เป็นหุ้น TOP Pick ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายสูงสุด จึงรับผลบวกโดยตรงจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ และบริษัทมีแผนขยายธุรกิจโรงพยาบาลต่อเนื่องหนุนการเติบโตในระยะยาว ส่วนโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมหลายตัวราคาปรับลดลงสะท้อนข่าวลบมากไปจนเริ่มน่าสนใจ ได้แก่ BCH ราคาเป้าหมาย 24.30 บาท
สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ของ BDMS ที่ 3.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 17% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้คาดว่าอยู่ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4% จากไตรมาสที่แล้ว รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผู้ป่วยไทยเติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA margin คาดอยู่ที่ 23.1% โดยแนะนำ “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมายสิ้นปี 67 ที่ 36 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกันบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับลดประมาณการกำไรของ BCH และถอดจากรายชื่อหุ้นเด่นหลังปรับลดประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนจำนวนนักท่องเที่ยวชาวคูเวตที่ลดลง แต่ยังคงแนะนำ “OUTPERFORM” เนื่องจากคาดว่าผลกำไรจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 2567 จากการเปิดศูนย์การแพทย์ใหม่และการยกระดับการบริการ
ทั้งนี้ ราคาหุ้น BCH ลดลง 14% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 2567 ระดับ 27 เท่า และได้คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ไว้ที่ 292 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 11% จากไตรมาสที่แล้ว โดยปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 67 เป็น 23 บาทจากเดิม 25 บาท ล่าสุด BCH ยังได้ผนึกพันธมิตรเกาหลี ลุยฮับศัลยกรรมความงาม เปิดศูนย์เพิ่ม 5 แห่ง ภายในปี 68 พร้อมเดินหน้าขยายโรงพยาบาลตามแผน 20 แห่ง
ถัดมาบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ของ BH อยู่ที่ 1,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้เติบโตเพียงเล็กน้อย 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1% จากไตรมาก่อน ซึ่งเป็นช่วง Low Season ทำให้การใช้บริการของกลุ่มลูกค้าชาวไทยลดลง และปัจจัยเฉพาะของกลุ่มตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม BH มีจุดเด่นในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับกำไรสุทธิปี 2567-2569 ขึ้น 6-7% และปรับราคาเป้าหมายปี 2567 เป็น 280 บาท (จากเดิม 275 บาท) โดยทิศทางไตรมาส 3/67 คาดกำไรสุทธิเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ส่วนระยะยาวมีข้อจำกัดด้าน Capacity และอัตราใช้เตียงสูงเฉลี่ย 80% เป็นปัจจัยท้าทายการเติบโต คงคำแนะนำ Trading Buy

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...