โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สิงคโปร์เตรียมคนสู่อนาคตอย่างไร?

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 16 ม.ค. 2563 เวลา 21.00 น.

โลกอนาคตกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจอัตโนมัติ (Automation Economy) สังคมโลกเปลี่ยนไปอย่างมากเนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ

คือผลพวงจากการพัฒนาเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของ Big Data, Cloud Computing, Machine Learning ในยุค 4.0 มนุษย์จะต้องทำงานคู่ขนานไปกับหุ่นยนต์ หรือที่เรียกว่า Cobot (Collaborative Robots)

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองตามไปด้วย สิงคโปร์เป็นประเทศหนึ่งซึ่งได้ปรับวิธีคิดและวิธีทำงานเพื่อตอบโจทย์อุปสงค์ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0เพราะว่าคนเรากำลังจะถูกระบบอัตโนมัติมาทำงานแทนข้อมูลMcKinsey Globalชี้ว่างานในสิงคโปร์จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติ44%กำลังแรงงานจึงจำเป็นต้องยกทักษะ(upskill)และฝึกอบรมใหม่(retrain)ในอนาคตอันใกล้

ภาคการศึกษาสิงคโปร์จึงได้พยายามพัฒนาระบบการศึกษาแบบองค์รวม ซึ่งเน้นให้ผู้เรียน เน้น "เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ (How to Learn)" มากกว่า "เรียนรู้อะไร (What to Learn)" รวมถึงพัฒนาการศึกษาให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเศรษฐกิจมากขึ้น

ในเชิงยุทธศาสตร์ เราจะเห็นได้ว่า สิงคโปร์ได้ใช้ความริเริ่ม3ประการที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์อนาคต ได้แก่1)สมาร์ทเนชั่นสิงคโปร์ (Smart Nation Singapore) 2)สกีลฟิวเจอร์ (Skill Future Singapore)และ3)จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาใหม่ให้เน้นเรื่องการยกระดับทักษะ รวมทั้งให้ความรู้กับกำลังแรงงานและความเป็นพลเมืองอย่างมีเอกลักษณ์สำหรับยุค4.0

สิงคโปร์เน้นการสร้างความรู้ทางดิจิทัล และสมรรถนะทางเทคโนโลยีให้กับประชากรผ่านโครงการ Smart Nation และ Skill Future สร้างให้เกิดผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์สร้างโอกาสทางการศึกษาเช่น ความร่วมมือระหว่าง Yale-NUS College, Singapore University Technology and Design และ Duk-NUS Medical School ตลอดจนสร้างความเป็นพลเมืองโลกความเข้าใจโลกให้มากขึ้น

การศึกษาแบบดั้งเดิมผ่านการสอนให้ความรู้ (information transfer)จะไม่เพียงพออีกต่อไปอย่างไรก็ตามการศึกษาผ่านสถาบันอุดมศึกษาแบบดั้งเดิมก็ยังคงมีความสำคัญอยู่ หากแต่จำเป็นต้องมีการสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลให้มากขึ้น ทางด้านการวิจัยก็ต้องตอบโจทย์วาระ (Agenda) มากขึ้น แหล่งทุนจากภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐในการยกระดับทักษะ (upskill) ประชากรก็มีความสำคัญ

การเตรียมความพร้อมเรื่องคนเป็นเรื่องสำคัญในยุค4.0ทัศนคติความคิดแบบยืดหยุ่น (flexible minds) จะสำคัญมากต่อการจ้างงานในอนาคต งานแห่งอนาคตจะเน้นกำลังแรงานที่มีความสามารถในการปรับตัวได้ดี (adaptive workforce) นอกจากนี้ กำลังแรงงานจะต้องเปลี่ยนเป็นกำลังแรงงานที่ลื่นไหล (liquid workforce) แทนโมเดลการทำงานแบบไซโล กำลังแรงงานหรือคนที่มีคุณค่าในยุค 4.0 คือคนที่มีทักษะในการทำงานสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (skill of ideation)มีกรอบความคิดที่ใหญ่ และมีความสามารถในการสื่อสารเรื่องที่ซับซ้อนได้

มหาวิทยาลัยต้องเผชิญความท้าทายหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบนิเวศสำหรับผู้ประกอบการ การสร้างคนที่มี Growth Mindset นักศึกษาผู้เรียนจะต้องทำงานกลุ่มและสามารถแก้ปัญหาความท้าทายแบบเปิดได้ (open-ended challenge)จัดให้มีการเรียนรู้แบบการแก้ไขปัญหาและการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Problem-based Learning and Experiential Learning)

การเตรียมความพร้อมของสิงคโปร์ สำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาและการเรียนรู้ของผู้ใหญ่นั้น ประกอบด้วย3ส่วนหลักได้แก่1)สร้างเครือข่ายเชิงกว้างและเชิงลึกในระดับนานาชาติ2)ทำให้เกิดทักษะเชิงลึก (Deep Skill)และใช้ให้เกิดประโยชน์3)สร้างศักยภาพทางดิจิทัลให้แข็งแกร่ง

การสร้างเครือข่ายเชิงกว้างและเชิงลึกในระดับนานาชาติเพื่อสร้างเครือข่ายใหม่ซึ่งคนรุ่นใหม่จะสามารถเอื้อให้เกิดนวัตกรรม โดยเป็นการรวมตัวกันของสถาบันอุดมศึกษาในสิงคโปร์และศูนย์นวัตกรรม (innovation hub) สำคัญๆ ทั่วโลก เช่น National University of Singapore (NUS)ร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วโลก โครงการแลกเปลี่ยนกับสตาร์ทอัพทั่วโลก เช่น ในปักกิ่ง อิสราเอล นิวยอร์กเซี่ยงไฮ้ ซิลิคอนวัลเลย์ เป็นต้น รวมถึงโครงการผู้นำทักษะแห่งอนาคต (Skill Future Leadership Development Initiative) ที่ได้มีขึ้นเพื่อสร้างผู้นำแห่งอนาคตของภาคเอกชนและขยายโอกาสในการได้มาซึ่งความรู้ของตลาดภูมิภาค

การพัฒนาทักษะเชิงลึก (Deep Skill)และใช้ให้เกิดประโยชน์สิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะเชิงลึก รวมถึงศักยภาพในการวิเคราะห์และการประเมิน การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ความสามารถในการร่วมมือทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ สิงคโปร์จะไม่เน้นการเรียนเพื่อให้ได้ปริญญา แต่จะเน้นความสามารถในการเรียนรู้และทักษะใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต รวมถึงจำเป็นต้องมีทักษะเชิงลึกมากขึ้นเพื่อสร้างมูลค่า

ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล สิงคโปร์ได้มีโปรแกรมแบบโมดูล(Modularized Program)ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนในช่วงปี 2015-2017 สิงคโปร์เน้นเรื่องการพัฒนาทักษะมาก ดังจะเห็นได้จากมหาวิทยาลัยNanyang Technical University (NTU), Singapore University of Social Sciences (SUSS) และวิทยาลัยโปลิเทคนิคต่างๆ ได้มีหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาทักษะออกมามากถึงกว่า 500 หลักสูตร

การสร้างศักยภาพทางดิจิทัลให้แข็งแกร่งสิงคโปร์เน้นการสร้างคนที่มีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลและมีความสามารถในการป้องกันปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย โดยสิงคโปร์ได้สร้างห้องปฏิบัติการระหว่างภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลเพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล (data scientist) พร้อมๆ ไปกับให้ความสำคัญเรื่องความคิดสร้างสรรค์และเนื้อหาสาระแบบสหวิทยาการ (interdisciplinary content)

สิงคโปร์เป็นประเทศชั้นนำที่ขับเคลื่อนสู่อนาคต ยุทธศาสตร์ในการเตรียมคนสิงคโปร์สู่อนาคตมีในทุกระดับ ตั้งแต่การกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะเป็นประเทศSmart Nationการสร้างสถาบันใหม่อย่างSkill Futureเพื่อยกระดับทักษะของคนสิงคโปร์ทั้งประเทศ และการจัดตั้งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาใหม่ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยระดับโลกเพื่อเน้นทักษะแห่งอนาคต นับเป็นตัวอย่างที่ดีในการเตรียมคนอย่างองค์รวมเพื่อสร้างอนาคตให้กับประเทศในศตวรรษที่21

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...