1. สิ่งสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนต้องการคือความสุข เราจะเรียกความสุขว่าอย่างไรก็ตามแต่ ทว่า ความสุขก็คือภาวะแห่งความสันติ เบิกบาน ตื่นรู้ พ้นไปจากความวิตกกังวลทั้งปวง
2. สุขนอกกาย มิใช่ความสุขแท้ เป็นเพียงสุขเพื่อประทังชีวิตให้พออยู่ได้ ความสุขที่แท้จริง จะต้องไม่ยึดโยงไว้กับวัตถุหรือบุคคล ความสุขแท้เกิดได้ต่อเมื่ออบรมจิตใจไว้ดีแล้วเท่านั้น
3. การงานมิใช่เครื่องมือแสวงหาเงินตรา แต่เป็นเครื่องมือขัดเกลากิเลส อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่จงทำเพื่อสิ่งที่ล้ำค่าไปกว่านั้น จงทำงานเพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์
4. ไม่มีอดีตหรืออนาคต ที่เรามีอยู่คือปัจจุบัน อย่าเผาเวลาปัจจุบันไปกับเงาของอดีตและอนาคต
5. คนที่สำคัญในชีวิตมิใช่ใครอื่น แต่เป็นบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ผู้ใดอยู่ตรงหน้าของเรา เขาคือคนเดียวในโลกที่เป็นของจริง
6. คำพูดทำลายน้ำใจคนจงอย่าพูด สิ่งใดเป็นการโกหกจงอย่าพูด คำนินทาลับหลังจงอย่าพูด จงประณีตในการสื่อสารด้วยวาจา ผู้ใดถือสัจจะเป็นสำคัญ ผู้นั้นย่อมเป็นที่เชื่อถือในหมู่ชน
7. เมื่อพูดน้อยลง ความคิดย่อมเฉียบคมขึ้น ใช้คำพูดอย่างประหยัด คุณค่าคำพูดมีมากกว่าเพชรนิลจินดา
8. ท้องฟ้า ก้อนเมฆ ต้นไม้คือเพื่อนแท้ อยู่ใกล้ชิดสิ่งเหล่านี้ช่วยให้จิตใจสงบ ความสงบช่วยให้เท่าทันกิเลสได้
9. ใช้เงินเท่าที่จำเป็น มีน้อยใช้น้อย มีมากก็ใช้น้อย แล้วเราจะเป็นนายชีวิตของตนเอง
10. อย่าสะสมสิ่งใดเลย เพราะการสะสมก่อให้เกิดการยึดติด และการยึดติดเป็นเหตุสำคัญแห่งทุกข์ เก็บเกี่ยวทุกสิ่งไว้ในความทรงจำ ทิ้งสิ่งรกรุงรังเพื่อให้ชีวิตคม ชัดเจน และรวดเร็วขึ้น
11. ปัญญารวดเร็วเพราะรู้จักสร้างจังหวะให้ชีวิตตน แม้จังหวะชีวิตเป็นไปด้วยสถานการณ์ เราย่อมเป็นทาสสถานการณ์ ชีวิตย่อมหาอิสระไม่ได้
12. เงินตรา อำนาจ ชื่อเสียง เป็นของมีคม จงใช้อย่างระมัดระวัง
13. เรียนรู้โลกภายนอก ต้องรู้หลายสิ่ง เรียนรู้โลกภายใน รู้เพียงสิ่งเดียว “จงรู้สึกตัวอยู่เสมอ”
14. ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ มิใช่ศาสนาใด นอกจากความรัก ความรักคือศาสนาสำคัญของโลก มีแต่รักเท่านั้นที่โอบอุ้มให้โลกอยู่ได้
15. มนุษย์ทุกคนมีส่วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ดุจญาติพี่น้อง แม้ปรารถนาให้โลกน่าอยู่ จงให้ความรักแก่คนรอบข้าง ความรักจักงอกงาม ผลิบาน ส่งกลิ่นหอมไปไกล
16. ขอให้มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ เช่นการเดินในสวนหลังบ้าน การให้อาหารนกปลาที่เร่ร่อน มีความสุขกับการปัดกวาดเช็ดถูกบ้าน อย่าได้แสวงหาความสุขจากกิจกรรมที่แสนพิเศษ แม้เราทำสิ่งเล็ก ๆให้กลายเป็นความพิเศษ เราย่อมสัมผัสกับความสุขได้ตลอดเวลา
17. จงอุทิศตนให้หน้าที่การงาน ทำงานด้วยความเพียร ด้วยความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อย่าทำงานอย่างแก่ตัว ไม่เช่นนั้นแล้ว การงานของเราจะกลายเป็นกิจกรรมที่เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์โดยไม่รู้ตัว
18. ทุกคนมีหน้าที่แบ่งปัน เศรษฐีก็แบ่งปันอย่างเศรษฐี ยาจกก็แบ่งปันอย่างยาจก แท้จริงแล้วทุกคนคือผู้ร่ำรวยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แจกจ่ายสิ่งที่มีอยู่เหลือเฟือให้ผู้อื่นได้ใช้ประโยชน์ พากายใจไปแห่งใด ขอให้กายใจของเราสร้างความสุขให้คนรอบข้าง
19. บทกวี บทเพลง และงานศิลปะ ช่วยให้จิตใจอ่อนโยน บทกวีแท้มิได้อยู่ในกระดาษ หากอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียงที่พบเจอ บทเพลงไพเราะ อาจมีนกน้อยเป็นผู้ขับขาน ส่วนงานศิลปะยิ่งใหญ่ คือต้นหญ้าเล็ก ๆ ที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์
20. เวลาเป็นสิ่งมีค่า มิได้หมายความว่าท่านต้องทำสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา หากแต่ท่านต้องรู้จักใช้เวลาไปกับทุกมิติของชีวิต ท่านควรมีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาแสวงหาความรู้ มีเวลาทำงาน มีเวลาอยู่กับครอบครัว เวลาอยู่กับตนเอง มีช่วงเวลาสงบนิ่งผ่อนคลาย จงจัดสมดุลชีวิต ด้วยการบริหารสิ่งที่ต้องกระทำให้ครบทุกมิติ
21. พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิต ครูอาจารย์คือผู้ให้อาชีพ ศาสดาคือผู้ให้ชีวิตใหม่
22. เมื่อท่านเป็นพ่อแม่คน ท่านจักรู้ชัดว่า ดวงตาของท่าน แขนและขาของท่าน แม้แต่ชีวิตของท่าน ก็มีค่าน้อยกว่าลูกอันเป็นที่รักของท่าน
23. คู่รักหาง่าย คู่บุญหายาก จงเป็นกัลยาณมิตรให้คนที่ท่านรัก จงเสียสละ แบ่งปัน ให้อิสระ อย่าคิดครอบครอง อย่าได้บงการให้เขาคิดเห็นเช่นเดียวกับท่าน ท่านและเขาล้วนมีความคิดจิตใจเป็นของตนเอง เคารพซึ่งกันและกัน เมตตา อาทร วันหนึ่งรักแท้อาจถือกำเนิด
24. พลังที่แท้มิได้เกิดจากความทะเยอทะยาน ทว่า เกิดจากสมาธิกำหนดรู้ในสิ่งตรงหน้า จงรักในสิ่งที่ท่านทำ ทำด้วยความรัก อดทน ขยันขันแข็ง ข้ามผ่านตนเองในวันวานไปทีละก้าว แล้วท่านจะได้พบกับบางสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าความสำเร็จ ท่านจะได้รู้แก่ใจของท่านเองว่า ความเพียรมีค่ากว่าความสำเร็จ
25. เก็บความรักและช่วงเวลางดงามไว้เป็นพลังชีวิต จงทิ้งความผิดหวัง ท้อแท้ และเสียใจไว้เบื้องหลัง ขอจงนำภาพชีวิตดีงามกลับมาในวันที่กำลังใจของท่านถดถอย
26. หนทางเปลี่ยนโลก เริ่มต้นที่ตนเอง การเปลี่ยนแปลงโลกที่ดีและไม่ส่งผลร้ายตกค้างมีอยู่ทางเดียว จงชำระกิเลสของท่านให้หมดสิ้น แม้ท่านเป็นผู้ไร้กิเลส การกระทำทั้งปวงของท่านจักเป็นการช่วยโลกไปโดยปริยาย
27. ท่านต้องไปให้ไกลกว่าคำว่า “ถูกกฎหมาย” เพราะกฎหมายมิได้สูงส่งไปกว่าความเมตตา มีหลายสิ่งซึ่งถือว่า ถูกกฎหมาย แต่ทำลายเพื่อนมนุษย์ จงสำนึกอยู่เสมอว่า ทรัพยากรที่ท่านครอบครองอยู่เป็นสมบัติของโลก ที่ดินของท่านมิใช่ที่ดินของท่าน ต้นไม้ในสนามหญ้าหน้าบ้านก็เป็นของโลกด้วย จงคืนสิ่งเหล่านี้ให้โลกตามสมควร
28. วัยเด็กควรใช้ชีวิตให้สนุกสนาน สังคมควรให้ความสำคัญกับความสนุกสนานของเด็ก ๆ ส่วนวัยหนุ่มสาวคือช่วงเวลาแห่งการทดลอง อย่าประสบความสำเร็จเร็วเกินไป เพราะความล้มเหลวเป็นบทเรียนที่ไม่ควรข้ามผ่าน เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ การคิดถึงแต่ตนเองเริ่มเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ผู้ใหญ่ควรทำตนเป็นสะพาน ให้เด็ก ๆ และหนุ่มสาวได้ใช้ตนเองเครื่องมือสร้างปัญญา เมื่อเข้าสู่วัยชราแล้วควรปล่อยวาง กระทำตนเป็นดอกไม้งดงามของโลก มอบรอยยิ้ม และกำลังใจให้ผู้คนไม่แบ่งแยก
29. สงครามมิใช่เรื่องไกลตัว ความโกรธ เกลียดของเราคือส่วนผสมสำคัญ ลดความโลภ โกรธ หลงของตนอยู่เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็ข่มระงับมิให้ผสมปนเปกับการกระทำและคำพูดที่หลุดจากตัวตนของท่าน
30. ขอให้ท่านฟังเสียงตนเองให้มาก เสียงของท่านมีอยู่สองเสียง หนึ่งคือ เสียงจากปัญญา สองคือ เสียงจากกิเลส จงแยกให้ออกว่า ท่านกำลังฟังเสียงตนเองในแง่ปัญญา หรือกิเลส
31. มุมหนึ่งชีวิตช่างยาวนาน มุมหนึ่งชีวิตแสนสั้น ทว่าไม่ว่ามองมุมไหน ชีวิตก็เป็นสิ่งสำคัญ จงใช้ชีวิตของท่านดุจสิ่งที่มีค่า จงแสวงหาสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของท่าน
32. สิ่งที่รู้มีน้อยนิด สิ่งที่ไม่รู้มีมากมาย สิ่งที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้ มากล้นพ้นทวี
33. อิสรภาพคืออะไรหรือ คือชีวิตเสรี พ้นจากพันฒนาการของลาภ ยศ สรรเสริญ สามสิ่งนี้จับท่านขังคุกมืด ทนทุกข์ เดียวดาย จงคิดขบด กล้าหาญ แหกคุก เพื่อค้นพบความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้
34. ธรรมะคือสิ่งที่เป็นเช่นนั้น สรรพสิ่งมิเคยหลุดรอดจากความเป็นเช่นนั้น วันนี้ท่านดีใจ วันนี้ท่านเสียใจ วันหน้าท่านดีใจ วันหน้าท่านเสียใจ เป็นเช่นนั้นเอง
35. เรามักพูดกันว่า ประสบการณ์คือสิ่งดีงาม ทว่า ทุกความกังวล และทุกความกลัว ล้วนเกิดจากประสบการณ์ทั้งสิ้น จงข้ามพ้นประสบการณ์ เข้าสู่ความสดใหม่ในปัจจุบันขณะ
36. เด็กสี่ขวบ เรียกคนอายุ 40 ว่าลุง ส่วนคนอายุ 80 เรียกคนอายุ 40 ว่าหลาน มากน้อยของใคร ๆ ไม่เคยเท่ากัน เด็ก หนุ่ม แก่ ชรา คือมายาสมมุติ
37. ท่านไม่มีวันเข้าใจชีวิตจนวันตาย เพราะชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในโลกจะเข้าใจได้ ทว่า หนทางยังพอมี เมื่อท่านยอมรับว่า ท่านไม่มีวันเข้าใจชีวิตแล้ว จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ไม่ใช่ปัญหาของท่าน เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็เป็นสิ่งงดงามทั้งนั้น ท่านคือผู้ไร้ความต้องการทั้งปวง
38. จงตื่นรู้อยู่เสมอ จงสร้างช่องว่างระหว่างท่านและสถานการณ์อยู่เสมอ อย่าจมลงในอารมณ์ของตน อย่าจมลงในความเป็นไปของโลก จงใช้ชีวิตอย่างผู้รู้ ผู้ดู เล่นเท่าที่จำเป็น แล้วถอยหลังออกมา ท่านจักพบว่า โลกในนี้มิใช่อะไรอื่นนอกจากละครหลังข่าวเรื่องยาว จงมองโลกด้วยความบันเทิง เริงใจ
39. ความตายอยู่ไม่ไกล ความจริงแล้วเราล้วนเกิดและตายอยู่ตลอดเวลา จงมองให้ลึกแล้วท่านจะเห็นอารมณ์ที่แปรเปลี่ยน ความคิดของท่านมิใช่ของท่าน สิ่งที่เป็นของท่านไม่มีอยู่จริง แต่ท่านจักมีอยู่จริง หากท่านกลายเป็นทุกสิ่งที่ไม่มีจริง
40. จงใช้ชีวิตอย่างคนเร่รอน อย่าได้ยึดถือสิ่งใดเป็นสรณะ จงมีความสุขและเบิกบานอยู่เสมอ ชีวิตเป็นเรื่องไม่คาดฝัน บางที เราอาจฝันว่า กำลังใช้ชีวิตอยู่ก็ได้
ขอให้ทุกท่านมีชีวิตอยู่เพื่อเรียนรู้
เหมือนกับผมซึ่งกำลังเรียนอยู่
ขอทุกท่านจงมีชีวิตอย่างผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด
ให้การมายังโลกนี้ของท่านเป็นการพักผ่อนที่แสนวิเศษ…
ความเห็น 11
🔶
ดีมาก
18 ส.ค. 2562 เวลา 08.29 น.
ฐิตานันท์:veewon
สูงสุดคืนสู่สามัญ ...เรียนรู้ ศึกษาจากจิตใจของตนเอง แล้วท่านจะรู้จักตัวเอง เมื่อท่านเข้าใจตัวเอง เมื่อนั้นท่านก็จะเข้าใจผู้อื่น ท่านจะไม่โกรธ ไม่เกลียดใครเลย ไม่มีคำว่าให้อภัย มีแต่เมตตากรุณาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ..มีแต่ขอบคุณสิ่งทั้งหลายที่เข้ามา และผ่านไปในชีวิตของท่าน ท่านจะขอบคุณแม้กระทั้งอากาศที่ท่านหายใจเข้า-ออก
18 ส.ค. 2562 เวลา 10.20 น.
eka
คิดเองหรือเอาคนอื่นมาเขียนต่อ ถ้าไม่ได้คิดเอง ควรให้เครดิตด้วย
18 ส.ค. 2562 เวลา 14.13 น.
ที่กล่าวมาเหมือนผมจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามหมด
18 ส.ค. 2562 เวลา 08.57 น.
ถ้าคนเรารู้จักกับในการที่จะรักษาในมาตราฐานของในความหมายคำว่าเพียงพอแล้ว ก็ย่อมที่จะทำให้ชีวิตมีแต่ความสุขเสมอ.
18 ส.ค. 2562 เวลา 08.31 น.
ดูทั้งหมด