ที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่นถือเป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมในการท่องเที่ยวของคนไทยมาโดยตลอดนะครับ โดยเฉพาะหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่า 15 วันให้กับคนไทย ก็ทำให้คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันตลอดปี ตามสถานที่ยอดฮิตนี่เรียกว่าเดิน ๆ อยู่แทบจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่เมืองไทย รู้สึกอบอุ่นมาก มีแต่เสียงคนไทยอันคุ้นเคย
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงไม่ว่าจะน้ำท่วม แผ่นดินไหว ไต้ฝุ่น คนไทยก็ยังคงไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างต่อเนื่อง แต่จนมาถึงข่าวที่กำลังเป็นประเด็นทั่วโลกอยู่ในตอนนี้ ก็คือการระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ โควิด-19 ในญี่ปุ่น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เพราะถ้าเป็นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไต้ฝุ่น เราก็ยังมั่นใจได้ว่าแป๊บเดียวก็จะหาย แต่ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสนี้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะไปหยุดอยู่ที่ไหน
พอตอนนี้การระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ในสถานการณ์ที่น่ากังวล ก็เลยมีการประกาศเตือนจากกระทรวงสาธารณสุขถึงการเดินทางไปญี่ปุ่น ว่าควรงดการเดินทางในช่วงนี้ เพราะตอนนี้ญี่ปุ่นเองก็เรียกว่าเกิดการระบาดในวงกว้าง ทำให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนก็ซื้อตั๋ว จองที่พักกันมาแล้ว หนักหน่อยก็จองล่วงหน้ากันมาเป็นปี เดินทางเป็นครอบครัว จะไปเที่ยวก็กังวล แต่จะยกเลิกตั๋วก็เจ็บปวดใจ อืม..แล้วจะทำยังไงดี เราลองมาวิเคราะห์พูดคุยกันทีละกรณีดีกว่า
- ถ้ายังไม่ได้ซื้อตั๋ว ยังไม่ได้จองที่พัก แต่เล็ง ๆ เอาไว้ว่าอยากจะไป อาจจะเจอตั๋วราคาถูกกระชากใจ จนเริ่มลังเลว่าควรจะซื้อตั๋วดีไหม ถ้าเป็นแบบนี้ ตามความเห็นของผมคือ อย่าเพิ่งซื้อดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นตั๋วช่วงดูซากุระ ตั๋วดูโอลิมปิค หรือแม้แต่ตั๋วบินไปชมใบไม้เปลี่ยนสีปลายปี เพราะมาจนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์มันจะเป็นอย่างไรต่อ มันอาจจะจบลงในอีกไม่กี่วัน หรือบานปลายไปเรื่อย ๆ อันนี้ก็ยังตอบไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ได้ซื้อตั๋ว ผมว่าก็อย่าเพิ่งเดินทางเลย ญี่ปุ่นยังไงก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องได้ไป ตอนนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะเก็บเงิน นอนดูหนังเล่นกับแมวอยู่บ้าน ไม่ก็เที่ยวในประเทศ เที่ยวอะไรใกล้ ๆ ไปก่อน เพราะจริง ๆ ตอนนี้การเดินทางไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนมีความเสี่ยงอยู่ดี ถ้าเริ่มเก็บเงินตอนนี้ พอไวรัสหายเราก็มีเงินเที่ยวแบบรวย ๆ เริ่ด ๆ พอดี
- ถ้าซื้อตั๋วไปแล้ว จองที่พักไปหมดแล้ว จะเลื่อนหรือทิ้งตั๋วดีไหม ? กรณีนี้เป็นกรณีที่ระทมที่สุด ไวรัสก็กลัว เสียดายเงินก็เสียดาย จะให้ฟันธงเลยก็ไม่ได้ คงต้องบอกว่าอันนี้ก็คงต้องแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน ขั้นแรกคงต้องดูก่อนว่าตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่จองไปนั้นมันเลื่อนได้หรือไม่ เพราะในตอนนี้มีโรงแรมในญี่ปุ่นรวมถึงสายการบินที่บินไปญี่ปุ่นหลายรายที่เต็มใจให้ลูกค้ายกเลิกเนื่องจากสถานการณ์ไวรัส ถ้าหากสามารถเลื่อนได้ ก็น่าจะเลื่อนออกไปก่อน ส่วนถ้าเลื่อนไม่ได้จริง ๆ ก็จะต้องตัดสินใจว่าจะทิ้งตั๋ว ทิ้งที่พักหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็คงจะต้องมาลองพิจารณาดูว่า ทริปที่เรากำลังจะไปเนี่ย สมาชิกที่จะไปเป็นใครบ้าง ถ้าเป็นผู้สูงอายุ หรือเป็นเด็กเล็ก ความเสี่ยงต่อการติดโรคแล้วมีอันตรายถึงชีวิตก็สูงกว่า ส่วนถ้าไปคนเดียวหรือกลุ่มเพื่อนไม่กี่คน ก็ต้องดูความพร้อม ว่าเราจะพร้อมในการป้องกันไวรัสไหม เพราะถ้าไปแล้วต้องเที่ยวแบบหวาดระแวงก็อาจจะเที่ยวได้ไม่สนุกก็เป็นได้
- คนที่จำเป็นต้องไปจริง ๆ ตัดสินใจจะไปแน่ ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องมาทำงานที่นี่แบบผม หรือบางคนที่ไม่สามารถเลื่อนตั๋วได้ ไม่อยากจะทิ้งตั๋วและคิดว่าตัวเองจะรับมือกับไวรัสได้ คือถ้าตัดสินใจว่าจะไปแล้ว ผมก็จะบอกว่า ถ้ามันต้องไปจริง ๆ ก็ไปเถอะครับ เพียงแต่ว่าเราก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับมันให้ดี เตรียมตัวให้พร้อม อย่าประมาท ข้อดีของการมาในช่วงนี้ก็คงจะเป็นการที่ไม่มีคนมาแย่งกันกินแย่งกันใช้นี่แหละ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมาก แต่ก็ต้องทำใจว่าเมื่อกลับมาก็อาจจะมีการถูกกักตัวเพื่อความปลอดภัยได้นะ
ถ้าเอาความรู้สึกส่วนตัวจากการสังเกตทุกคนที่อยู่ที่นี่ ผมรู้สึกว่าคนญี่ปุ่นก็ใช้ชีวิตกันตามปกติมาก ๆ ยิ่งในจังหวัดรอบนอกนี่เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จำนวนคนใส่หน้ากากอนามัยก็ไม่มากอย่างที่คิด จนบางครั้งก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยตื่นตัวกับเรื่องนี้กันมากเท่าไร ซึ่งอันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย
แต่เรื่องหนึ่งที่รู้สึกได้ว่ามันวิกฤตกว่าเมืองไทยมาก ๆ ก็คือเรื่องของการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี่แหละ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็พยายามตระเวนหาซื้อหน้ากากอนามัย แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็หมด แม้แต่จังหวัดไกล ๆ อย่างอาคิตะหรืออิวาเตะ รวมทั้งเกาะทางใต้สุดอย่างโอกินาว่า เพราะพอสินค้ามาปุ๊บ ทุกคนก็จะรุมเข้าไปซื้อทันที
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่พร้อมใจกันมาต่อคิวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด แถมมากันทั้งครอบครัว เพื่อให้ได้สิทธิในการซื้อหน้ากากอนามัยเป็นกลุ่มแรก ๆ ซึ่งแม้เขาจะจำกัดจำนวนการซื้อไม่เกินคนละ 1 ห่อ แต่ครอบครัวคนจีนที่มาต่อคิวครอบครัวหนึ่ง รวมลูกเด็กเล็กแดง อาม่า อากงก็เป็นสิบแล้วอะครับ วางขายปุ๊บก็หมดใน 5 นาที
คนญี่ปุ่นเองก็แห่กักตุนหน้ากากอนามัยกันมาก บางคนซื้อไปเพื่อป้องกันละอองเกสร เพราะมันกำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว หรือใครที่ชั่วหน่อยก็จะซื้อไปเพื่อเอาไปเก็งกำไรขายในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข่าวว่าตั้งขายราคาโหดร้ายยังไง คนก็ยังซื้อกันจนหมด เรื่องนี้ผิดกับคนญี่ปุ่นที่เราเคยเห็นข่าวว่าเวลาที่เกิดภัยพิบัติเขาก็ยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ต่อคิวรับความช่วยเหลืออย่างเป็นระเบียบ แต่กับเรื่องนี้คือกลายเป็นคนละเรื่องเลย
เอาเข้าจริงพอผมใส่หน้ากากเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศดันมีแต่คนเข้ามาแซว บางคนก็มาบอกว่าไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก พวกเรายังไม่แก่ ถึงติดก็ไม่ตายหรอกน่า อ้าว..เป็นอย่างนั้นไป แถมตอนนี้ถ้าใครรู้สึกมีไข้ ตัวร้อน ก็ไม่สามารถจะเข้ารับการตรวจหาไวรัสโควิด-19 ได้ง่าย ๆ นะครับ
ส่วนใหญ่คุณหมอเขาก็จะให้ยาแล้วไล่กลับบ้านไปนั่นแหละ เพราะเขายังเชื่อว่ามันไม่คุ้มที่จะตรวจ และคนญี่ปุ่น ต่อให้เป็นไข้ไม่สบายก็ยังจะฝืนสังขารไปทำงานกันอยู่วันยังค่ำ ใครแค่เป็นไข้ ไม่สบายแล้วลาป่วยนี่คือจะโดนคนอื่นมองว่าสำออย อู้งานไปซะอย่างนั้น นี่ยังคิดเลยว่าถ้าในบริษัทมีคนติดมาซักคนแล้วล่ะก็ คงจะติดกันหมดแน่ ๆ
ตอนนี้ผมเลยใส่หน้ากากทำงานอยู่คนเดียว ยอมปล่อยให้คนอื่นแซวไป ก็กันไว้มันก็ดีกว่าแก้นี่นา !!
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook: Eak SummerSnow
Youtube: Eak SummerSnow
ความเห็น 32
saansol
ไปเกาะโอกินาวา ปลอดภัย ไม่มีข่าวติดเชื้อ ผู้คนก็ดี ไม่หนาวสบายๆ
28 ก.พ. 2563 เวลา 13.45 น.
หมวย
พักกระเป๋าตังแปบ
25 ก.พ. 2563 เวลา 05.55 น.
Nui
น่ากลัวอยู่ในประเทศตัวเองดีกว่า
25 ก.พ. 2563 เวลา 05.00 น.
Bnak.
แล้วมึงจะรีบออกไปเสี่ยงๆก่อนทำไม มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรอ
24 ก.พ. 2563 เวลา 04.04 น.
THANABODEE
ขอให้ปลอดภัยนะครับ
23 ก.พ. 2563 เวลา 22.35 น.
ดูทั้งหมด