โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

มิจฉาชีพในคราบ ‘ร่างทรง’ กับ 3 คดี 'ลวง-หลอก-ฆ่า' : เสาร์นี้ในอดีต

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 23 ก.ค. 2564 เวลา 17.00 น. • O.J.

‘ร่างทรง’ นับเป็นพิธีกรรมที่ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน ถึงแม้เราจะก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผู้ที่หันไปพึ่งส่วนใหญ่หวังที่จะได้พูดคุยติดต่อสื่อสารกับคนที่จากไปหรือองค์เทพที่ตัวเองนับถือ โดยผ่านคนที่อ้างตัวว่าเป็นสื่อกลาง

‘ความเชื่อ-ความศรัทธา’ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจของตัวเรา หากเชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ความศรัทธามักจะตามมาเสมอ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็ทำให้สบายใจ แต่ทว่าช่องโหว่จุดนี้เองที่ก่อให้เกิด ‘มิจฉาชีพ’ ในรูปแบบ ‘ร่างทรง’ โดยอาศัยความเชื่อและความศรัทธา

เสาร์นี้ในอดีต : สัปดาห์นี้เหตุการณ์อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในเดือน ก.ค. แต่เป็นเรื่องราวของมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบร่างทรง ซึ่งปรากฏบนหน้าสื่อให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะทำให้บางคนเจอความเปราะบางของชีวิต จนต้องพึ่งความเชื่อ แต่บางรายอาจจะต้องเครียดหนักเพราะโดนหลอก!!

ร่างทรงหื่นลวงสาวอ้างมีเคราะห์

'สะเดาะเคราะห์' หนึ่งในพิธีทีหลายคนเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมความสิริมงคลให้ตัวเองให้เจอแล้วสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ทว่าในบางครั้งกลับกลายเป็นฝันร้ายของผู้เสียหาย เพียงเพราะมิจฉาชีพอาศัยอาศัยช่องโหว่เรื่องความเชื่อมาเป็นกลลวง 

เรื่องราวที่หยิบมาในครั้งนี้เกิดขึ้น จ.ชลบุรี ช่วงมีนาคม 64 ที่ผ่านมา จากกรณีสาววัย 22 หายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมรถเก๋ง ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางพี่สาวได้ประกาศตามหาบนเฟซบุ๊ก ก่อนจะตรวจพบสัญญาณติดต่ออยู่บริเวณพื้นที่ ต.หนองซ้ำซาก

แต่เมื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังที่จุดเกิดเหตุก็สามารถจับกุม นายปิยะวัฒน์ เพิ่มยิ่งยง อายุ 43 ปี โดยอ้างตัวเป็นร่างทรง ยอมรับว่าเสพยา และรับว่าสาววัย 22 บุคคลที่ถูกตามหารู้จักกันจริง แต่ไม่ได้ลวงไปทำอนาจารแต่อย่างใด

แต่ทว่าพี่สาวผู้เสียหายได้แฉว่า ตนได้รับแชทจาก นายปิยวัฒน์ว่า ให้ไปทำพิธีแก้กรรม แต่ได้ปฏิเสธไป ต่อมาทราบว่าร่างทรงได้โทรหาน้องสาวให้ขับรถมารับไปทำธุระ จนมารู้ข่าวน้องหายก็โพสต์ตามหา และรู้ว่าถูกล่อลวงให้เสพยาและทำอนาจาร โดยมีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นร่างทรง พูดจาหว่านล้อมให้หลงเชื่อในทำนองว่ามีเคราะห์ต้องแก้กรรม ทำพิธียกบายศรีเสริมความเป็นมงคล แล้วชีวิตจะราบรื่น สุดท้ายเป็นการหลอกลวง

ร่างทรงลวงทรัพย์ สูญเงินเป็นล้าน!

อย่างที่เผยไปข้างต้นมิจฉาชีพมักนำ ‘ความเชื่อ’ มาเป็นกลลวงและแฝงมากับความช่วยเหลือโดยอาศัยช่วงผู้เสียหายสภาพจิตใจย่ำแย่และต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ก่อนที่จะหลอกล่อเหยื่อทีละเล็กทีละน้อย จนสูญเงินเป็นล้าน 

จึงได้หยิบเรื่องราวของหญิงวัย อายุ 51 เจ้าของธุรกิจทำหลังคา ซึ่งเจ้าตัวได้เข้าร้องเรียนกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร  หลังตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นร่างทรง หลอกลงทุนสูญเงินกว่าสิบล้านตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน 

ผู้เสียหายเผยว่าได้รู้จัก น.ส.ศิริพร อ้างว่าตนเป็นร่างทรงของหลวงปู่เปิ่น โดยทุกครั้งที่เข้าร่างตนจะได้กลิ่นหมากพลู และยังสามารถเรียกวิญญาณลูกของตนที่เสียชีวิตมาเข้าร่างได้ จึงทำให้ตนหลงเชื่อและศรัทธา โดยมิจฉาชีพมักให้ผู้เสียหายลงทุนและอ้างว่าวิญญาณลูกของตนมาเข้าร่างให้ช่วยเหลือ ทั้งซื้อบ้าน ลงทุนเปิดโรงงาน จนมารู้ที่หลังว่าถูกหลอกจนสูญเงินรวมกว่า 42 ล้านบาท 

‘ฆ่าเพื่อบูชาตามความเชื่อ’

นอกจากลวงและหลอกแล้ว ในบางครั้งกลับกลายเป็นคดีฆาตรกรรม  จนเป็นเรื่องเล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบันกับเรื่องราวฆ่าเพื่อบูชาตามความเชื่อใน จ.ราชบุรี

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 เกิดเหตุสยองขวัญภายในบ้านหลังหนึ่งใน อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี พบศพเด็กหญิงวัย 12 ปี นอนสิ้นลมหายใจอยู่กลางบ้าน ข้างกันพบโต๊ะวางอยู่คล้ายกับกำลังทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ มีเส้นผมจำนวนหนึ่งแช่น้ำอยู่ในกะละมัง ที่นอนถูกนำไปเผาทิ้งข้างบ้าน และมีดอีโต้เปื้อนเลือดตกอยู่ใกล้ๆ ศพ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจุดเกิดเหตุ จู่ ๆ เสียงสวดมนต์ด้วยภาษาบาลี จึงพบผู้ต้องหาไม่ใช้ใครที่ไหนแต่เป็นญาติของเด็กทั้งหมด 4 คน 

จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งสี่คนมีอาการทางสมอง และมีอาชีพเป็นร่างทรงเจ้า ส่วนที่ลงมือฆ่าลูกสาวทิ้งนั้น เพื่อทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณไปอยู่กับพระอินทร์ตามความเชื่อของลัทธิ เพราะเชื่อว่าลูกสาวนำความชั่วร้ายติดตัวจำเป็นต้องฆ่าทิ้ง 

‘สั่งห้ามเข้าร่างทรง!’

เชื่อหรือประเทศไทยเคยประกาศห้ามร่างทรง!

ครั้ง พ.ศ.2434 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 5 ทรงมีพระราชโองการ ประกาศห้ามคนไทยและจีนทรงเจ้าเข้าผีในที่ต่างๆ เพราะมีคนทรงเจ้าคิดอ่านการทุจริตจุดไฟเผาให้สมจริงดังคำทำนายของตน

" ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดไทยฤาจีนเข้าทรงลงเจ้าในเวลานี้ เป็นอันขาด ถ้าผู้ใดเข้าทรงลงเจ้าในที่ใด ตำบลใดให้กองตระเวนอำเภอ ตำบล จับตัวมาพิจารณาคดี และในปี พ.ศ. 2435 กรมพระนครบาล ออกกฎหมายห้ามการ "ทรงเจ้าเข้าผี" อีกฉบับแต่ความเชื่อการทรงเจ้าก็ยังเฟื่องฟูมาถึงปัจจุบัน”   

รู้ทันเหลี่ยมร่างทรง!

ทั้งนี้ผู้ใดถูกร่างทรงหลอกลวงเอาเงิน ไม่ว่าจะในรูปแบบแบบค่าครู ค่าวัตถุมงคล หรือค่าพิธีกรรม ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการหลอกลวงผู้อื่นและได้ไปซึ่งทรัพย์สินมีความผิดฐานฉ้อโกงต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เรื่องราวที่เผยไปข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน เชื่อว่าเรื่องการร่างทรงจะอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของผู้ที่นับถือไปอีกยาวนาน” 

อ้างอิง 

พุทธที่แท้จริง

ภ า พ เ ล่ า เ รื่ อ ง

thairath.co.th

สื่อศาล

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 16

  • หงส์ขาวในฝูงอีเห็น
    เจอร่างทรงอวดเก่งอวดฉลาดให้กำข้าวสารในกำมือแล้วถามมันว่ามีกี่เม็ด?
    31 ก.ค. 2564 เวลา 05.13 น.
  • Aree
    ตนเป็นที่พึ่งของตนก่อนค่ะ แล้วค่อยรอรับการช่วยเหลือเยวยา ไม่ใด้ลบหลู่กมอดู-ร่างทรงและเราก็ไม่ต้องไปหาหมอดู-ร่างทรงถามโน่นี่ไม่ต้องรอโชคจากที่ไหน อยุ่ในตัวเรานั่นแล่ะ ทำดีคิดดีพูดดี โชคมาหาเองค่ะ ไม่ขอบเหมือนหลอกตัวเองไปวันๆ
    30 ก.ค. 2564 เวลา 15.33 น.
  • หลวงปู่แก้วกล้า465
    อ้วกๆ. ตรงนี้มีวิญญาณ. อ้าวมีวิญญาณคนโบราณ. อ้วกๆ ต้องทุบ. ๆๆ. ส่องดูผีเห็นแล้วๆ อ้วกๆ
    27 ก.ค. 2564 เวลา 22.39 น.
  • T "curse my name"
    ตอนนี้ร่างทีงไปหลบอยู่เงียบๆครับ แต่หมอดู และพวกใบ้หวยได้ออกทีวี ออกสื่อกันเอิกเกริกแทนแล้วครับ
    25 ก.ค. 2564 เวลา 05.25 น.
  • สิทธิพันธ์ IL.ปทุม
    เวลาเจ้าเข้าทรง แท้ไม่แท้เอาธูปเป่าแดงๆจี้ตามแขนขาคับ ถ้าแท้จะไม่สะดุ้ง ไม่เจ็บ เวลาใครถูกผีเข้าก็ใช้ได้คับ ถ้าผีเข้าจริงก็จะไม่เจ็บ เจ็บตอนผีออก
    24 ก.ค. 2564 เวลา 13.18 น.
ดูทั้งหมด