“เรือนจำ” แดนสนธยา พลีชีพนักโทษ “อดีตผู้กำกับโจ้” คลุมเครือทั่วประเทศ
“เรือนจำ” แดนสนธยา พลีชีพนักโทษ “อดีตผู้กำกับโจ้” คลุมเครือทั่วประเทศ
วันที่ 11 มี.ค. 2568 จากกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “อดีตผู้กำกับโจ้” ซึ่งสังคมมีการตั้งข้อสังเกตุไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะมีพิรุธหลายจุด ทั้งกรณีผ้าขนหนูยาวแค่ 30 เซนติเมตรใช้ผูกคอตายได้จริงหรือไม่ หรือกรณีกล้องวงจรปิดที่ปล่อยออกมาก็ถูกตัดต่อ รวมทั้งผลตรวจร่างกายผู้กำกับโจ้ เคยบาดเจ็บชายโครงซ้าย จากการถูกทำร้ายในเรือนจำ
ล่าสุดทีมข่าว The Room 44 ลงพื้นที่สัมภาษณ์ นายมนทน สายแฉ่ง หรือ "พี่ตุ๊ก" อดีตผู้ต้องขังแดน 5 ออกมาเปิดใจถึงการใช้ชีวิตเรือนจำ ว่า ช่วงใช้ชีวิตในเรือนจำ เป็นการจบลงของการมีชีวิตที่เป็นอิสรภาพ จากนั้นทุกคนต่างมีความวิตกกังวลในการใช้ชีวิต กว่าจะปรับตัวได้ต้องใช้เวลานานกว่า 6 เดือน ทุกอย่างมีความลำบากแต่ก็ต้องใช้คำว่าจำทน ที่ผ่านมารู้สึกกดดันตนเองมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องของคดี
แดน 2 และ แดน 5 เป็นแดนที่มีความมั่นคงสูง ซึ่งมีโทษการจำคุก 50 ปีขึ้นไป จนถึงตลอดชีวิต และมีความเข้มงวดในเรื่องของการดูแลรักษาความปลอดภัยสูง
พี่ตุ๊ก ยังเล่าต่อว่า ในการอยู่ร่วมกันกับนักโทษคนอื่น ทุกคนจะแบ่งเป็นครอบครัว หรือว่าตามเขตพื้นที่ของตนเอง แต่หากอยู่ร่วมกันต่างเขตพื้นที่ จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ของ "อดีตผู้กำกับโจ้" ว่า ตนเองเจอหน้าบ่อย แต่เขาเป็นคนไม่พูดกับใคร เพราะตอนแรกผู้กำกับโจ้อยู่แดน 7 แต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงย้ายไปแดน 5 อีกทั้งการจะย้ายข้ามแดนไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย เราไม่สามารถไปขอเพื่อที่จะข้ามแดนได้ รวมถึงการขอให้ตนเองไปขังเดี่ยว ตนเองก็มองว่า เป็นไปได้ยาก แต่ไม่มั่นใจว่าผู้กำกับโจ้จะมีอภิสิทธิ์อะไรหรือไม่
"จากปกตินักโทษทั่วไป การไปขอขังเดี่ยวยากมาก ขนาดคนที่ทะเลาะกันในห้องขัง ยังจับแยกไปอยู่ห้องอื่น แต่ก็เป็นห้องที่มีนักโทษคนอื่นร่วมอยู่ด้วย ไม่ได้เป็นห้องขังเดี่ยว"
ที่ผ่านมานักโทษทุกคนไม่มีใครกล้าไปคุยกับเขา มีแต่คนไม่ชอบและเกลียดขี้หน้า เพราะเขามาจากอาชีพตำรวจ คนขี้คุก ทรงโจร ไม่มีใครอยากเข้าใกล้อาชีพนี้ มีแต่การนินทาและเยาะเย้ย ซึ่งคำพูดของนักโทษล้วนแล้วแต่เป็นคำพูด "ฆ่าคนได้ทั้งเป็น" หากใครสภาพจิตใจย่ำแย่ ก็ถึงได้ว่าจิตตกได้เหมือนกัน
ห้องคุมขังมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 5 เมตรครึ่ง มีพัดลมเพดาน 1 ตัว พร้อมไฟฟ้า ซึ่งนักโทษทุกคนไม่สามารถออกภายนอกได้ยกเว้นช่วงทานข้าว คนเราถ้าอยู่จุดนั้นมีความเครียดทุกคน เพราะสภาพแวดล้อมมีแต่การตะโกนเยาะเย้ยเกือบตลอดทั้งวัน จนนักโทษบางรายเกิดสภาวะหลอน และไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจต่อไปได้ ที่ผ่านมาตนเองเจอเหตุการณ์จบชีวิตด้วยการแขวนคอบ่อยครั้ง โดยใช้ผ้าขนหนูในการทำร้ายตัวเอง ซึ่งตามหลักความเป็นจริงในคดีของผู้กำกับโจ้ก็มีความสอดคล้อง กับข้อมูลที่แพทย์ออกมาพูด
พี่ตุ๊ก เล่าถึงผ้าขนหนูในเรือนจำว่า นักโทษสามารถเบิกผ้าขนหนูจากในแดนได้ ซึ่งผ้าที่เบิกมาจะเป็นผ้าขนหนูผืนใหญ่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้นักโทษทำการตัดผ้าขนหนู ให้เหลือความยาว 30 ซม. ความกว้างไม่เกิน 20 ซม. ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้แจกกรรไกรให้นักโทษ เพื่อทำการตัดผ้าขนหนูให้เหลือตามขนาดดังกล่าว และก่อนจะกลับเข้าห้องขังเจ้าหน้าที่จะเก็บกรรไกรทุกครั้ง
นอกจากนี้ในห้องขัง ยังมีการแจกผ้าขนหนูจำนวน 3 ผืน และจากกรณีของผู้กำกับโจ้ ก็สามารถใช้ผ้าอะไรก็ได้ ในการจบชีวิตตัวเอง โดยผ้าผืนแรกคือผ้าปูนอน , ผ้าผืนที่สองไว้สำหรับรองศีรษะ , และผ้าพื้นที่สามคือผ้าห่ม ย้ำว่า ผ้าจำนวน 3 ผืนนี้ จะมีทุกห้อง
"คนเราหากมีเรื่องเครียด ก็สามารถจบชีวิตได้หมดเพียงวินาทีเดียว และมองว่าไม่มีใครไปทำร้าย ผู้กำกับโจ้"
แต่หากนักโทษมีการทะเลาะวิวาทหรือไม่พอใจกับผู้คุ้มขังหรือเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ส่วนไหน จะทำให้นักโทษคนนั้นอยู่แบบลำบาก “เปรียบเสมือนการตัดขาตัวเองไปหนึ่งข้าง และอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน”
พี่ตุ๊ก เล่าต่อถึงรายละเอียดของกุญแจในแต่ละแดนว่า กุญแจในช่วงเวลากลางวันจะอยู่อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตึกนอน เพราะเจ้าหน้าที่เรือนนอนจะคอยเปิดประตูเพื่อให้ฝ่ายโยธาเข้าไปทำความสะอาด แต่พอถึงเวลา 15.00น. เจ้าหน้าที่จะเริ่มให้นักโทษเข้าห้องขัง และทำการล็อกกุญแจ และหลังจากนั้นเวลา 18.00 น. กุญแจจะไม่ได้อยู่ที่แดนแล้ว “ กุญแจต้องออกนอกแดนทั้งหมด เพื่อเป็นการ ระมัดระวังการแย่งกุญแจของนักโทษ “ โดยจะมีหัวหน้าแดนพากุญแจออกไป และกุญแจจะกลับมาอีกทีตอน 6 โมงเช้า
ไม่เพียงเท่านั้นทีมข่าว The Room 44 ยังได้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการทางกฏหมายของคดี “ อดีตผู้กำกับโจ้ ” กับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ “ผู้การแต้ม” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า หลังจากการชันสูตรพลิกศพ ก็มีข้อมูลที่ทำให้ทราบว่าเป็นการจบชีวิตด้วย หรือเป็นการฆ่าตัวตาย แต่สังคมยังคงเคลือบแคลงใจ ว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ ดังนั้นเมื่อประชาชนสงสัยก็ควรหาถึงสาเหตุ ตั้งแต่การชันสูตรพลิกศพ พยานหลักฐานต่าง ๆ ทั้งบุคคลและเอกสาร
รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดกรมราชทัณฑ์ควรจะเปิดให้ดูความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันในช่วงของคืนที่เกิดเหตุ ไม่ควรนำมาตัดต่อ ในส่วนของพยานวัตถุที่เป็นผ้าขนหนู ควรตรวจดีเอ็นเอให้ชัดเจน รวมถึงขนาดของผ้าขนหนูสามารถนำมาผูกคอตายได้หรือไม่ เพราะหากไม่ได้ถือเป็นข้อพิรุธ แต่อย่างไรก็ตามกรมราชทัณฑ์ไม่ควรนำสิ่งของแม้แต่ชิ้นเดียวเข้าไปยังห้องขัง
มูลเหตุเป็นเรื่องที่สำคัญ อาทิ ผู้กำกับโจ้เคยถูกกดดันก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือเคยโดนทำร้ายร่างกายบ้างไหม ตลอดไปจนถึงเคยถูกย่ำยีถึงความเป็นศักดิ์ศรีมนุษยชนหรือไม่ จนเป็นมูลเหตุของการทำร้ายตนเอง เพราะก่อนหน้านี้เคยมีหนังสือแจ้งความ รวมถึงร้องเรียนต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประกอบกับรูปคดีได้
ในขณะที่ ผ่านมากรมราชทัณฑ์ออกมาให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน 2 ครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการสมัครใจเพื่อไปอยู่แดน 5 ซึ่งไม่สามารถเป็นไปได้เพราะแดน 5 เป็นแดนที่มีความมั่นคงสูง แต่หากเป็นการขอจากความสมัคร ก็ต้องถามย้อนกลับไป ว่า ใครเป็นผู้อนุญาต ? เพราะผู้ที่สามารถอนุญาตได้ ต้องเป็นผู้บัญชาการเรือนจำ
ตนเองเคยได้ยินความลับของกรมราชทัณฑ์ ว่า “ เป็นแดนสนธยา” ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีกฎระเบียบที่เข้มงวด และการที่นำมาใช้กับ นักโทษอาจเป็นการสร้างช่องโหว่แห่งอำนาจได้