โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ไอดอลนี่...ต้องเป็นยังไงนะ?

นิยาย Dek-D

อัพเดต 16 เม.ย. เวลา 17.48 น. • เผยแพร่ 16 เม.ย. เวลา 17.48 น. • 0000013
ไอดอลนี่...ต้องเป็นยังไงนะ?
โลกก่อนช่วยแม่ขายข้าวแกง ความสามารถคือปากแจ๋ว กวนบาทา พอโดนรถชนตายห่าฟื้นขึ้นมาดันต้องมาเป็นไอดอลซะงั้น!?ว่าแต่ ไอ้ไอดอลนี่…ต้องเป็นยังไงนะ?

ข้อมูลเบื้องต้น

โลกก่อนช่วยแม่ขายขาวแกง ความสามารถคือปากแจ๋ว กวนบาทา

พอโดนรถชนตายห่าฟื้นขึ้นมาดันต้องมาเป็นไอดอลซะงั้น!?

ว่าแต่ไอ้ไอดอลนี่…ต้องเป็นยังไงนะ?

คำเตือน

- มีคำหยาบคาย

- มีการใช้คำพูดเหยียดหยาม หรือด่า บูลลี่หรือพูดจาว่าร้าย

- มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่จะทำตาม

- นิสัยตัวเอกค่อนข้างไม่เหมาะสม (เด็กเกเร หัวร้อน นักเลง) ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

- เสมอ (สะ-เหมอ) = เท่ากัน,พอๆ กัน

*** จบแล้ว ***

ติดเหรียญล่วงหน้า ปลดฟรีตามวันและเวลาที่บอกในชื่อตอนครับ

คนที่ซื้อล่วงหน้าแล้วจะเป็น ซื้อแล้วซื้อเลยนะครับ

หากนิยายจบแล้วไรท์กลับมาติดพร้อมอัพราคาก็ไม่ต้องซื้อซ้ำครับ

ไรท์ไม่อยากให้มีปัญหานะครับ

ย้ำอีกครั้งว่านิยายนี้มันค่อนข้างสโลว์ไลฟ์

แนวเขียนของไรท์มันค่อนข้างช้า

คนที่ชอบเนื้อเรื่องเร็วและกระชับคงไม่ชอบ

ดังนั้นใครคิดว่าไม่คุ้มจะจ่าย 2 เหรียญ = 1 บาท

สำหรับตอนที่มีความยาว 7000+ อักษร หรือ 1500+ คำ

(ประมาณ 7 หน้า +)ไม่น้อยกว่านี้แต่มากกว่านี้แน่นอน

เพื่อซื้อตอนเป็นแบบ ถาวร ก็ รอฟรี ครับ

ทักทาย

สวัสดีครับไรท์0000013เอง วันนี้นิยายมาให้อ่านครับ

เรื่องแนวไอดอล ศิลปิน อะไรพวกนั้น ไรท์อาจจะไม่เก่งหรือไม่ได้อยู่สายนี้แบบเชิงลึก

แต่ชอบอ่านพอควรเลยอยากมีเรื่องเป็นของตัวเองบ้างเท่านั้น สรุปง่ายๆ แต่งสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ ครับ 555

สายไอดอล สายตลก วาย และน่ารักสนใจลองอ่านดูได้ครับ

ขอบคุณที่ติดตาม สนใจ และเข้ามาอ่าน เลิฟฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟฟ

นิยายไรท์อาจมีข้อผิดพลาดโปรดอ่านเพื่อความบันเทิง

เจอคำผิดหรือจุดไม่เหมาะแจ้งได้จะปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ

ขอบคุณครับ เลิฟฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟฟฟ

ต้องเป็นยังไงนะ 1 (1/2)

*** คำเตือนจากไรท์ ***

นิยายเรื่องนี้ นายเอกของเราต้นเรื่องอาจจะขัดใจนักอ่านหลายคน

โปรดทำใจและไตร่ตรองให้ดีก่อนเม้น หลังอ่านแล้วขัดใจ

จ้อกแจ้กจอแจ

เสียงเซ็งแซ่ของตลาดสดยามเช้าที่ชาวบ้านเดินกันขวักไขว้ดังไปทั่ว มุมหนึ่งของตลาดสดยามเช้าตั้งแต่เวลาตี 03.00-09.00 จะมีร้านขายข้าวแกงมัดถุงและมีโต๊ะให้นั่งกินข้าวอยู่ 4-5 โต๊ะมาขายอยู่เป็นประจำ

“ไอ้เสมอโว้ย คิดเงินหน่อย!” เสียงตะโกนของแม่ค้านามว่าดาเรียกชื่อลูกชายเทวดาของตัวเองเสียงดังลั่น เสียงตะโกนของแม่ค้าดังแข่งกับเสียงดังของผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดสดแห่งนี้ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสุดๆ

“แม่จะตะโกนทำไมเสียงไม่ดียังจะตะโกนอีก! ไปเก็บจานร้านป้าสายเพิ่งมาเนี่ย โต๊ะนั้นนะแดกน้ำไปก่อนเลยเดี๋ยวไปเก็บ!” เสียงตะโกนกลับมาจากร่างของชายหนุ่มสูงราวๆ 178 โผล่เข้ามาที่ร้านขายข้าวแกงชื่อดังประจำตลาดสดแห่งนี้

ใบหน้าที่ไม่เรียกว่าหล่อแต่ก็ดูไปวัดไปวาได้สวมกางเกงวอมขายาวเสื้อยืดสกรีนคำว่า ‘อะไรๆ ก็กู’ บนอกเสื้อ ทรงผมสั้นเกรียนทำให้เดาอายุยากแต่ใครๆ ที่อยู่ในตลอดก็รู้ว่าไอ้เสมอ หรือเสมอลูกชายป้าดาแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาดสดแห่งนี้อายุปาเข้าไป 22 ปีแล้ว

ส่วนถามว่าทำไมเจ้าตัวมาทำงานช่วยแม่อยู่ในตลาด ก็ตอบได้เลยว่าเพราะไอ้เสมอคนนี้เรียนจบวิทยาลัยช่างก็มาช่วยแม่ขายข้าวแกง ส่วนวิชาที่เรียนมาก็แค่รับซ่อมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าของชาวบ้านในหมู่บ้านเท่านั้น

ถึงไม่ได้เรียนจบได้ที่หนึ่งแต่อาชีพนี้ก็ทำให้เสมอชื่นชอบมาก เพราะไม่ต้องไปทำงานเป็นลูกน้องใครซึ่งเสมอไม่ชอบเท่าไร ชายหนุ่มวัย 22 ปีถูกเลี้ยงมาด้วยลำแข้งของมารดาบังเกิดเกล้าตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นจึงไม่ชอบงานราชการที่พ่อแม่บ้านอื่นอย่างให้เป็นกัน

อีกอย่างแม่ดาของไอ้เสมอก็ไม่ได้กดดันอะไรขนาดนั้นเพราะแม่พูดเสมอว่า ต่อให้ทำงานราชการแต่ถ้าโลกมันจะแตกก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกเพราะงั้นทำอะไรที่ชอบดีกว่า ดังนั้นแม่ดาที่เรียนจบบัญชีมาจากวิลัยเดียวกับบุตรชายเทวดาจึงออกมาทำร้านขายข้าวแกงจนโด่งดังมาเกือบ 30 ปีแล้ว

เสมอก็เติบโตมาพร้อมกับแม่ดาที่แบกท้องตั้งแต่ไอ้เสมอตัวเท่าเม็ดถั่วมาขายข้าวแกงจนโตมาสูงกว่าควายเลียตูดไม่ถึงแล้วตอนนี้เสมอก็ไม่ทิ้งไปไหน ดีซะอีกที่ได้อยู่ช่วยแม่ถึงปากไอ้บุตรชายเทวดาคนนี้จะแจ๋วไปซักหน่อยก็เถอะ!

“อ่าวไอ้เสมอ! เดี๋ยวกูก็ไม่จ่ายตังซะเลยนิ” เสียงของชายวัยกลางคนที่ทำงานเป็นสามล้อรับจ้างซึ่งจะมานั่งกินข้าวร้านนี้เป็นประจำเอ่ยปากตอบกลับลูกชายเจ้าของร้านอย่างหาเรื่องนิดๆ

“อ้าวลุง พูดงี้สวยดิคร้าบบบ ร้านไอ้เสมอจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวงนะครับ ถ้าชักดาบเดียวพ่อจะฟาดด้วยจานบินเข้าให้” เสมอเอาจานไปเก็บที่กะละมังใบใหญ่บนพื้นก็เดินมาคิดเงินที่โต๊ะลุงสมต่อปากก็ไม่วายพูดกวนอวัยวะเบื้องล่างไปอีกยก

“ปากแกนี่จะโดนตีนเข้าสักวัน!” สมหมายเอ่ยปากตอบกลับพร้อมส่ายหน้า มือก็ควักเงินจ่ายตามราคาค่าข้าวราดแกง 2 อย่าง 50 บาทให้ไอ้เสมอไป

“ขอบคุณครับบบบ โอกาสหน้าเชิญได้แต่ถ้าไม่จ่ายก็เหมือนเดิมคร้าบบบ” เสมอยื่นมือไปรับเงินก่อนจะเอ่ยกวนบาทาไปอีกรอบ

ลูกค้าได้ยินก็ไม่ได้สนใจเพราะไอ้เสมอก็เป็นงี้ตลอด เห็นมันกวนบาทาแบบนี้มันก็มาช่วยแม่ดาของมันตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ทิ้งลายไปต่อยกับเด็กหมู่บ้านอื่นหรือเป็นลูกพี่ของแก๊งเด็กโข่งตั้งแต่ละอ่อนก็ตาม

“แม่ กับข้าวของป้าเจี๊ยบละ?”

“กูก็กำลังทำอยู่ มึงอย่าทักให้กูเสียสมาธิสิวะ!” เสมอได้ยินเสียงตะโกนของแม่ดาตอบกลับก็เบ้ปาก ก่อนจะเดินไปเก็บจานเช็ดโต๊ะและคิดเงินโต๊ะอื่นที่กินเสร็จต่อ

แม่ค้าและลูกค้าคนอื่นได้ยินแม่ค้าขายข้าวแกงตอบลูกแบบนั้นต่างก็รู้ทันทีว่าไอ้เสมอกวนบาทาได้มาจากใคร ส่วนพ่อของไอ้เสมอตายไปตั้งแต่เจ้าเสมออยู่ ป.4 แล้ว คนพ่อเรียบร้อยใจเย็นซึ่งไอ้เสมอดูไม่ได้คนพ่อมาเลยแถมหน้าตาและนิสัยยังได้แม่ดาที่ใจร้อนและปากแจ๋วไม่ต่างกันมาซะหมดอีก

“ไอ้ลูกคนนี้มาช่วยกูมัดแกงเร็ว! เดี๋ยวของป้าเจี๊ยบจะไม่ทันรถของลุงชัยมารับ” ดาที่กำลังตักแกงมัดถุงตามจำนวณของลูกค้าที่สั่งไว้ว่าจะมารับก็หันไปแว้ดลูกชายตัวเองให้มาช่วยทันที

“ครับบบบ” เสมอเห็นว่าลูกค้าโต๊ะอื่นยังกินไม่เสร็จก็ไปช่วยแม่ต่อ

กว่าทั้งสองแม่ลูกจะขายข้าวแกงจนหมดเก็บของเก็บร้านอีกก็ปาเข้าไปเกือบ 11 โมงเช้า รถกระบะของบ้านที่ดูเก่าไม่น้อยด้านหลังมีข้าวของที่ต้องค้นกลับบ้านเคลื่อนตัวออกจากตลาดทันที คนขับเป็นเสมอที่ขับได้ตั้งแต่มัธยมต้นแล้วส่วนข้างๆ เป็นแม่ที่กำลังจดรายรับรายจ่ายของวันนี้อยู่

“แม่วันนี้เย็นผมไปกับพี่บุญกับพี่แดงนะ” เสมอที่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องไปเที่ยวกับพี่ชายสองคนที่อยู่บ้านข้างๆ เอ่ยบอกแม่ที่กำลังจดรายรับรายจ่ายอยู่

“ไปทำไมวะ รอบนี้อย่าบอกนะว่าไปยกพวกตีกับหมู่บ้านข้างๆ อีก?” ดาเงยหน้าไปมองลูกชายที่กำลังขับรถด้วยสายตาจับผิด

“ป่าว รอบนี้พี่ๆ แกชวนไปดูหนัง เห็นว่าหนังใหม่เข้าเลยจะพาไปดู” เสมอตอบไปตามตรงเพราะพี่ๆ ของมันนัดไปดูหนังจริงๆ

“เออๆ งั้นก็ไป ว่าแต่ไอ้หนังนั่นมันน่าดูขนาดนั้นเลย?” ดาเอ่ยตอบลูกชายไปแต่ก็ไม่วายจะบ่นมุบมิบกับตัวเอง

“แม่เถอะ ไม่ไปเที่ยวกับลุงสมหมายบ้างละ” เสมอเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง

ลุงสมหมายก็คนเดียวกับเมื่อเช้าที่มากินข้าวด้วย เห็นว่าลุงแกตามจีบแม่มาซักพักแล้วแกดูเป็นคนดีจริงๆ อีกอย่างแกไม่มีใครตัวคนเดียวย้ายมาที่หมู่บ้านนี้เมื่อ 5 ปีก่อนจากนั้นก็เหมือนจะตามจีบแม่ของเสมออยู่

แรกๆ เสมอก็ตามไปตรวจถึงบ้านไหนจะสืบประวัติด้วย พอรู้ว่าไม่มีอะไรแล้วยังเป็นคนดีใช้ได้ดูปกป้องแม่ และเอาแม่อยู่เสมอเลยให้ผ่านถ้าลุงแกจะจีบแม่จริงๆ

อีกอย่างแม่ของเขาก็อายุเพิ่งจะ 39 เอง ส่วนลุงแก่อายุได้ 41-42 ยังไงก็รักกันได้อีกยาวววววว

“ดูพูดจาเข้า กูแก่ขนาดนี้แล้วยังจะให้กูไปเที่ยวเหมือนสมัยสาวๆ อีกเหรอ มึงนี่นะ” ดาส่ายหัวส่วนในใจไม่รู้ว่าคิดอะไร

เสมอเลิกถามเซ้าซี้เพราะยังไงก็ไม่อยากกดดันแม่อยู่แล้ว เรื่องความรักเสมอเข้าใจดีว่ามันบังคับกันไม่ได้ อีกอย่างเสมอรู้ว่าแม่รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง ต่อไปเขาก็คงไม่สามารถมีหลานให้แม่ได้ แม่รู้และไม่ได้ว่าอะไรเหมือนอย่างที่แม่บอก

‘ถ้าโลกมันจะแตกอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะงั้นรีบทำอะไรที่ตัวเองชอบดีกว่า’

บรื้นนน

รถกระบะขับมาถึงบ้านแม่ดาก็อาบน้ำเข้าไปนอนพักในห้อง ส่วนเรื่องทำความสะอาดก็มีลูกจ้างที่เป็นต่างชาติจ้างมาช่วยล้างอีกที เสมอไปซ่อมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชาวบ้านจ้างให้ซ่อมเรทราคาก็ราวๆ 100-300 บาทแล้วแต่ความยากง่ายอยู่ใต้ถุนบ้านต่อ

จนรู้สึกเหนื่อยก็นอนพักที่แปลซึ่งผูกอยู่ใต้ถุนบ้านสองชั้นยกสูงราวๆ 1-2 ชั่วโมง ตื่นมาเตรียมของสำหรับเช้าคืนพรุ่งนี้เพื่อทำกับข้าวช่วยแม่เตรียมไปตลาดเช้าตอนตี 3 จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปเที่ยวดูหนังกับพี่ๆ ข้างบ้าน

18.30 น.

“ไอ้เสมอ เสร็จยังโว้ยยย” เสียงหน้าบ้านทำเอาคนในบ้านได้ยินกันทั่ว แม่ดาตื่นเมื่อบ่ายออกไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่บ้านใครซักคนเพิ่งกลับมาเมื่อกี้ก็ตะโกนเรียกลูกชายต่อ

“ไอ้เสมอพี่ๆ แกมาเรียกแล้ว!”

ตึงๆ

“ลงไปแล้วๆ” เสมอที่แต่งตัวเพิ่งเสร็จก็วิ่งลงจากบ้านไหว้ลาแม่อย่างเร็วๆ ไปที ก่อนจะตะโกนบอกว่าจะกลับมาช่วยทำอาหารให้ทันก่อนจะออกไปตลาดตอนตี 3 แน่นอน จากนั้นก็พุ่งออกจากบ้านไปทันที

“ไปพี่ พร้อมละ!”

// ใครอ่านชื่อนายเอกว่า เส-มอ ไม่ก็ สะ-หมอ สารภาพมาซะดีๆ!!

ต้องเป็นยังไงนะ 1 (2/2)

“ไปพี่ พร้อมละ!”

เสมอใส่ชุดกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบเสือยืดสกีนว่า ‘ทรงแบด แต่ SAD บ่อย’ เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อช๊อปสีซีดซึ่งเป็นเสื้อเก่าของวิทยาลัยของเสมอ สองเท้าเดินออกจากบ้านมาหาพี่ๆ ทั้งสองคนที่แต่งตัวไม่ต่างกันมากแค่เสื้อตัวในไม่มีสกีนคำคมต่าง ๆ เหมือนเสมอเท่านั้น

“ไปเว้ยๆ เดี๋ยวพวกกูเลี้ยงน้ำกับข้าวโพดคั่วของโรงหนังให้มึงเอง” แดงเอ่ยปากพร้อมลากคอน้องชายข้างบ้านไปขึ้นรถมอไซต์ทันที

แง้นนนน~

มอไซต์สองคันขับตรงเข้าตัวเมืองที่ห่างจากหมู่บ้านของเสมออยู่ราวๆ 10 กิโล จากนั้นทั้งสามร่างก็พากันเข้าไปดูหนังในห้างที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดทันที

ใช้เวลากับหนังราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งทั้งสามคนก็ออกมาพร้อมตรงไปที่ตลาดโต้รุ่งเพื่อเดินเที่ยวกับหาอะไรกิน สามคนพูดคุยเรื่องหนังที่ดูกันจบมาเมื่อไม่นานอย่างสนุกปาก จนเมื่อเวลาเกือบ 5 ทุ่ม ตลาดโต้รุ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่มักจะเกิดบ่อยๆ ขึ้นมา

‘เฮ้ย ตามพวกมัน!’

เสียงของเด็กวิทยาลัยซักแห่งดังขึ้น ก่อนกลุ่มเด็กในชุดเสื้อช๊อปไม่ต่างกันจะพุ่งออกมาจากซอยหนึ่งจำนวณมากเกือบ 20 คน เบื้องหน้าของเด็กพวกนั้นมีกลุ่มคนราวๆ 10 คนวิ่งนำมาทางที่ทั้งสามคนกินข้าวอยู่

“เวร! พวกนั้นมันใส่เสื้อช๊อปเหมือนเรานี่หว่า!” แดงเอ่ยขึ้นพลางชี้ไปที่กลุ่ม 10 คนที่วิ่งนำหน้ากลุ่มใหญ่พุ่งตรงมาทางนี้

เสมอก้มมองเสื้อช๊อปตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองเด็กที่น่าจะวิลัยเดียวกับและสายช่างเดียวกันอย่างตกใจ มือหนึ่งควักเงินออกมาจ่ายตังค่าข้าวก่อนเท้าจะสับเกียร์หมาวิ่งนำหน้าพี่ๆ ทันที แน่นอนว่าพี่ๆ ก็ไม่ต่างกันควักเงินแล้วกระโจนวิ่งตามไอ้เสมอไปติดๆ

“ไอ้เสมอมึงก็เร็วเกิ๊นนน”

“อย่าเพิ่งพูดพี่ มันตามมานู่นแล้ววววว” เสมอที่วิ่งนำอยู่มองไปด้านหลังพลางชี้ไปทางด้านหลังให้พี่ๆ ดู

เด็ก 10 กว่าคนที่เห็นว่าด้านหน้ามีคนที่ใส่เสื้อเหมือนกันก็รีบพากันซอยเท้าวิ่งวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ 3 คนเห็นแบบนั้นก็ตะโกนไล่หลังไปทันที

“ไอ้เด็กพวกนี้ วิ่งไปทางอื่นสิโว้ยยยย” บุญตะโกนบอก

“เอ่อ วิ่งไปทางนู่นดิโว้ยยย” เสมอตะโกนเสริมทัพไปอีกคน

“ไอ้แม่ย้อย มันวิ่งตามเราแล้ว ไอ้เสมอเร็วกว่านี้ดิวะ!” แดงที่วิ่งตามาติดๆ เอ่ยปากไล่เสมอที่วิ่งนำหน้า

เสมอที่หันไปตะโกนหมายจะให้ไอ้รุ่นน้องรุ่นที่เท่าไรไม่รู้วิ่งไปทางอื่นได้แต่วิ่งตาเหลือก เพราะไอ้เด็กเวรพวกนั้นเหมือนจะได้ยินที่พวกเขาตะโกนเลยเลือกวิ่งตามจี้มาแบบไม่สนใครแทน

“พวกมันมีคนมาเพิ่ม ตามไปจัดการพวกมันเร็ว!” เสียงของคู่อริที่วิ่งตามมากลุ่มใหญ่ทำเอาทั้งสามคนตาโต เท้าก็รีบสับเกียร์หมาแบบเร็วสุดให้เท้าตัวเองทันที

เสมอวิ่งผ่านถนนตลาดโต้รุ่งก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งที่จำได้ว่าทะลุไปแล้วจะไปโผล่ที่ถนนเส้นหลัก ถ้าข้ามไปแล้วเลี้ยวซอยไปอีกสองซอยน่าจะหลบพวกนั้นพ้นเลยเร่งฝีเท้าตัวเองเต็มที่ปากก็ตะโกนด่าไล่หลังมาตลอดทาง

“ไอ้เด็กเวรรร~ พวกมึงหันหัวไปทางอื่นเลยนะ ถ้ากูรู้ว่าพวกมึงเป็นใครก็จะตามไปตบกระบาลมึงถึงวิลัยแน่!” เสมอวิ่งนำโด่งก่อนจะกระโดดข้ามกล่องข้าวของที่วางอยู่ในซอยเล็กที่วิ่งเลี้ยวเข้ามา

อีกไม่ถึงร้อยเมตรข้างหน้าก็จะพ้นซอยเล็กเข้าสู่ถนนใหญ่แล้ว เวลานี้รถไม่ค่อยมีแน่นอนเพราะมันใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว จังหวะที่โผล่ไปใกล้ถึงถนนเสมอเลยไม่คิดจะชะล่อให้ข้างหลังตามทันแล้วโดนรุมกระทืบแน่นอน ระยะห่างของเสมอตอนนี้คือนำแม้แต่พี่ชายข้างบ้านอย่างบุญและแดงมาเกือบ 3 เมตร

ร่างสูงลำบึกไม่น้อยพ้นซอยเล็กก็กระโดดข้ามราวเหล็กกันขอบทางเดินฟุตบาทไปที่ถนนทันที จังหวะกระโดดออกไปเพื่อจะข้ามถนน หูฝั่งซ้ายก็พลันได้ยินเสียงเหมือนผ้าใบเบรกของรถดังก้องอยู่ไม่ไกล ดวงตาเบิกกว้างแสงสว่างที่ไม่มีของรถทำเอาเสมอไม่เห็นตั้งแต่แรก ไม่ทันที่เท้าหรือร่างกายจะได้หยุดเสมอก็รับรู้ถึงแรงกระแทกที่ปะทะเข้ากับตัวเองอย่างจังไปแล้ว

โครม!

ตุบๆ

ร่างเด็กหนุ่มที่ปะทะกับรถยนต์ปลิวไปเกือบ 10 เมตร ร่างกายครูดไปกับพื้นเลือดไหลตามทางที่ร่างของเสมอที่กลิ้งไป แขนขาก็เหมือนจะหักและแหลกไม่มีชิ้นดีสมองมึนงงมีแต่ความเจ็บปวดทรมานพุงขึ้นมาที่ต่อมรับความรู้สึกทั้วร่างกาย

“อึก อักๆ”

เสมอไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดตามเนื้อตัว สิ่งที่เขาอยากจะพูดมากที่สุดคืออยากให้แม่ไม่ต้องเสียใจนานมากนักทุกอย่างเป็นเพราะความประมาทของเขาเอง ร่างกายของเขารับรู้แล้วว่าเขาทนไม่ไหวแน่ๆ เพราะความเจ็บที่มากมายซึ่งกำลังกัดกินไปทั่วร่างสุดท้ายดวงตาของเสมอก็เริ่มพร่าเลือน

“อึก”

“ไอ้เส-”

“มึงต้องไม่-”

เสียงตะโกนโวยวายที่ทำให้เสมอรู้ว่าเป็นพี่ๆ ทั้งสองคนแน่ๆ ดังแผ่วบางอยู่ข้างหู ก่อนดวงตาพร่าเลือนจะค่อยๆ ปิดลงพร้อมริมฝีปากของเสมอที่เอ่ยประโยคสุดท้ายอย่างยากลำบาก

“มะ แม่อย่าซื้อหวยเยอะนะ เอือก!”

ฟึบ!

.

.

.

.

“อึก”

เสมอรู้สึกตัวอีกครั้งแต่ครั้งนี้ร่างกายไม่ได้เจ็บปวดไปทั้งตัวแบบก่อนหน้าอีกแล้ว สิ่งที่เจ็บมากสุดกลับเป็นหัวของตัวเอง ดวงตาที่มีขนตายาวงอนกะพริบอยู่หลายครั้งจากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ปากเรียวเล็กสูดยาวเพราะความเจ็บที่หัว จากนั้นดวงตาสีฟ้าเป็นประกายก็ลืมขึ้นมองรอบตัวอย่างสงสัย

“ซูดดด เจ็บหัวจังวะ?” มือเรียวเล็กยกขึ้นมาจับหัวตัวเองก่อนพยายามนวดหัวตัวเองพร้อมพยุงร่างตัวเองขึ้นมานั่งอย่างทุลักทุเล

กึก!

เอ๊ะ ว่าแต่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้ากูโดนรถชนแล้วร่างกายรู้สึกเหมือนแหลกกระดูกเหมือนจะหักใกล้ตายอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมรู้สึกว่าร่างกายไปเป็นอะไรที่เจ็บมากสุดก็มีแค่หัวเองละ?

“อย่าบอกนะว่าเขารอดมาได้และตอนนี้อยู่โรงพยาบาล!?” ดวงตาสีฟ้าประกายกวาดมองรอบตัว

สายตาทั้งสองมองเห็นห้องเล็กๆ ที่บ่งบอกว่าเขาอยู่บนเตียงนอน ห้องก็ทึบมองเห็นไม่มากแต่พอจะเห็นอยู่ว่าข้างหน้าคือประตูและข้างๆ ประตูมีโต๊ะเครื่องแป้ง ถัดไปอีกมุมห้องมีตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กอยู่

ไม่ใช่โรงพยาบาล!?

แล้วมันที่ไหนวะ!?

ฟึบ!

“แหก!”

หลังพยายามกะพริบตาหลายครั้งเพื่อให้ภาพตรงหน้าหายไปไม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล อยู่ๆ บางอย่างก็โผล่พรวดออกมาที่กลางอากาศด้านหน้าของเสมอ ทำเอาเท้าเรียวยกขึ้นมาถีบสิ่งที่โผล่พรวดออกมาตรงหน้าอย่างแรง

ตุ๊บ

“โอ้ยยย นี่ผมเป็นเจ้าของร่างที่แท้จริงนะครับ!” เสียงเล็กออกไปทางหวานเอ่ยขึ้นมา ร่างที่ปลิวไปติดกำแพงห้องลุกขึ้นมาก่อนจะหน้าบึงใส่เสมอที่นั่งอยู่บนเตียงมีหลักฐานการทำร้ายร่างกายเป็นเท้าที่ยกค้างไว้คาตา

“ผะ ผีเหรอ!?” เสมอที่เห็นร่างตรงหน้าดูโปร่งใส่ถึงกับชะงักพร้อมเก็บขาเก็บเท้าเข้ามาหาตัว จากนั้นก็มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างระแวง

ไอ้เสมอไม่กลัวผีแต่เห็นกับตาแบบนี้ก็ระแวงเหมือนกันนะเว้ยยยย!~

“ไม่ใช่นะ! ผมเป็นวิญญาณต่างหาก อีกอย่างคุณจะใช้ร่างผมทำท่าทางแบบนั้นไม่ได้นะครับ!” เสียงแว้ดๆ ดังขึ้นพร้อมแก้มกลมไม่น้อยของร่างโปร่งใส่ตรงหน้าจะพองขึ้นบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ

เสมอที่พอจะหายตกใจแล้วมองร่างโปร่งใส่ตรงหน้าก็เริ่มรับรู้แล้วว่าร่างข้างหน้าเขาดูน่ารักมาก ใบหน้ากลมแก้มดูจะเจ้าเนื้อนิดๆ ดวงตาสีฟ้าประกายสดใสไหนจะสีผมสีน้ำตาลที่ทำเอาใบหน้านั้นดูน่ารักขึ้นเป็นกองอีก!

นี่มัน…….

ผีเด็ก!

“แว๊กกก ผมไม่ใช่เด็กนะ ผมอายุ 17 แล้วอีกอย่างคือผมสูงตั้ง 168!” ร่างโปร่งใสแว้ดอีกรอบก่อนจะพุ่งเข้ามาใช้มือโปร่งใส่นั้นทุบๆ เสมออย่างเอาตายทำเอาเสมอรีบเอ่ยปากขอโทษทันที

ถึงจะไม่เจ็บแต่ก็ยังกลัวอยู่หน่อยๆ นะ!

“โทษๆ ไม่พูดแล้วๆ ขอโทษได้ไหมเล่า!” เสมอเอ่ยออกมาร่างโปร่งใสนั้นก็หยุดพร้อมถอยหลังไปหน่อยมองเสมอที่อยู่บนเตียงอย่างจริงจังอีกรอบ

“พอก่อน ผมต้องบอกคุณก่อนจะหมดเวลา”

“อะไรอ่ะ?” เสมองุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่รู้ๆ คือเขาตายแล้ว ร่างเขาไม่มีทางตื่นมารู้สึกเจ็บแค่หัวแน่ๆ

“ผมชื่อ สไมล์ ครับ ส่วนคุณคือวิญญาณที่ผมอยากให้ทำความฝันที่จะเป็นไอดอลของผมเป็นจริงครับ!”

“ห้ะ!?”

ไอ้เสมอบุตรชายเทวดาของแม่ดาฟังไม่ค่อยชัด ขอแคะขี้หูแล้วตั้งใจฟังอีกรอบ เอาละ!

ให้พูดอีกที!

// สภาพพพพพพ เอาใหม่นะน้องผีเด็ก เสมอเหมาะจะเป็นไอดอลเหรอลู๊กกกกกกกกกก 555555

ต้องเป็นยังไงนะ 2 (1/2)

ให้พูดอีกที!

เสมอให้โอกาสพูดใหม่อีกที พอดีรอบก่อนฟังไม่ค่อยชัด เอาเป็นว่าให้คุณผีเด็กพูดใหม่อีกรอบ ก่อนพูดมองสภาพและความสามารถของไอ้เสมอคนนี้ดูก่อนแล้วพูดดดดดดดด

“บอกว่าไม่ใช่เด็กไง! อีกอย่างให้พูดกี่ครั้งก็บอกว่า คุณ-ต้อง-เป็น-ไอดอล ทำตามความฝันของผมซะ!”

เสียงแว้ดของผีเด็ก เอ๊ย! ของสไมล์พูดอีกรอบแต่ก็ไม่วายแว้ดใส่พร้อมพองแก้มเพราะคำเรียกของเสมอที่เรียกเจ้าตัวว่าผีเด็กก่อนหน้าไปที

ไอดอล?!

ขอคิดก่อน มันใช่พวกศิลปินที่ร้องเป็นเต้นเก่งมีแฟนคลับอยู่เยอะค่อยชู่ป้ายและเป็นกำลังใจเวลาขึ้นเวทีใหญ่ๆ พวกนี้ป่ะ?

เพราะถ้าใช่ไอ้เสมออยากจะบอกเลยว่าอยู่คนละโลก แบบเสมออยู่ดาวโลกส่วนไอดอลเหล่านั้นอยู่ดาวพลูโตที่แสนจะห่างไกลไม่สามารถมาเจอกันได้เลยก็ว่าได้

ไอ้เสมอคนนี้เนี่ยนะ!?

ถามจริง!?

บุตรชายของแม่ดาลูกเทวดาที่มีดีกรีเป็นนักเลงตั้งแต่ละอ่อน นอกจากเรียนเกือบตกเกือบไม่จบวิลัย ยังมีความสามารถแค่มัดถุงแกงแบบกะไม่ให้ลูกค้าแกะแดก ปากอาจจะพอเรียกแจ๋วได้หน่อยเนืองจากสามารถกวนอวัยวะเบื้องล่างได้อยู่พอควร….อืม ก็ไม่เท่าไรอะนะแค่วัยรุ่นหมู่บ้านข้างๆอยากรุมแจกสหบาทาให้กับเขาทั้งหมู่บ้านเท่านั้นเอง

ความสามารถพวกนี้นับว่าเป็นไอดอลได้ไหม?

ถ้าได้เด็กแถวบ้านไอ้เสมอคงเป็นกันหลายคนไปแล้วไหมเล่า!!

“ถ้าคุณไม่เป็นคุณก็แค่ตาย ไม่ได้อยู่ร่างนี้เท่านั้นเอง” เสียงของสไมล์เอ่ยขึ้นอีกครั้งทำเอาเสมอสับสนทันที

หมายความว่าไง?!

“ง่ายๆ คุณตายแล้ว กลับร่างเดิมไม่ได้ ตอนนี้คุณอยู่ในร่างผม และถ้าคุณไม่ยอมรับที่จะอยู่ร่างผมแล้วเป็นไอดอล ผมก็จะไม่ยอมให้คุณอยู่ร่างผมเด็ดขาด!” สไมล์เอ่ยออกมาอย่างเอาแต่ใจ

เสมอที่ได้ยินก็ประมวลผลอย่างเร็ว สมองที่มีไม่รู้ว่าใหญ่เท่าเม็ดถั่วไหม รีบคิดคำนวณทุกอย่างอย่างเอาเป็นเอาตาย

หมายความว่าเขาตายแล้วจริงๆ ส่วนตอนนี้เขามาสิงอยู่ในร่างของสไมล์ จากนั้นก็มีทางเลือกแค่ว่าจะยอมอยู่ในร่างนี้แล้วเป็นไอดอลตามความฝันของเจ้าตัวหรือว่าจะเลือกไม่ยอมแล้วตายไปเป็นวิญญาณที่ไม่รู้จะไปไหนแทนงั้นเหรอ?!

“ก็อย่างที่คุณเข้าใจผมตายแล้วแต่คุณยังมีโอกาสใช้ชีวิต แต่ผมแค่อยากขอร้อง ถ้าคุณเลือกอยู่ในร่างของผมขอให้พาร่างของผมไปยืนบนเวทีมีแฟนคลับส่งเสียงเรียกและให้กำลังใจผมเท่านั้นพอ ผมขอแค่นี้” เสียงประโยคสุดท้ายแผ่วเบาลง เสมอที่มองร่างโปร่งใส่ตรงหน้าซึ่งอยู่ๆ ก็เสียใจขึ้นมาจึงรู้สึกอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงดี

‘ถ้าโลกมันจะแตกอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะงั้นรีบทำอะไรที่ตัวเองชอบดีกว่า’

เอาวะ!

ถึงไม่รู้ว่าตัวเองจะชอบการเป็นไอ้ไอดงไอดอลนี่มั้ย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ลองทำอะไรที่ชอบหรือเรียนรู้อะไรที่อาจจะชอบเพิ่มอยู่!

“มาดิ ไอ้เสมอคนนี้ไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก!”

“ขอบคุณครับ งั้นผมขอเล่าเรื่องชีวิตผมก่อน แล้วที่เหลือก็ฝากคุณด้วยนะครับ” สไมล์เอ่ยออกมาก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองให้เสมอฟัง

สไมล์ หรือนายสไมล์ลี่ ถนอมรัก เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เป็นเด็กกำพร้าที่สีตาและสีผมบ่งบอกได้ดีว่าเป็นลูกครึ่งแน่ๆ ชื่อและนามสกุลมาจากที่แม่ใหญ่ของบ้านเด็กกำพร้าถนอมรักตั้งให้เพราะครั้งแรกที่เจอหนูสไมล์เอาแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสสุดๆ

นอกจากนั้นยังเลี้ยงง่ายไม่เกเรและเป็นเด็กน่ารักมาก แม่ใหญ่เลี้ยงดูเด็กๆ กำพร้าอีก 8 คนในบ้านเด็กกำพร้าถนอมรัก หนูน้อยสไมล์เติบโตมาอย่างดี เป็นเด็กร่าเริงและยิ่งร่าเริงไปอีกเมื่อรู้จักคำว่าไอดอลจากรายการทีวี

บอกก่อนว่าโลกที่วิญญาณเสมอมาอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่โลกเดิมแน่ๆ เพราะชื่อสถานที่ชื่อประเทศมีแต่ที่เสมอไม่รู้จักทั้งนั้น ต่อให้เสมอเป็นชายหนุ่มต่างจังหวัดที่ออกจะบ้านนอกนิดๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้จักอะไรเลยนะ

อินเทอร์เน็ตก็มีนะเว้ยยยย~

เพราะงั้นโลกที่อยู่ตอนนี้จึงเป็นประเทศ K เมือง T ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ไม่น้อย ทั่วโลกให้ความสนใจที่สุดคืออุตสาหกรรมด้านสื่อบันเทิง ทั้งศิลปิน นักร้อง นักแสดง ดาราชื่อดัง และสื่อต่างๆ ตั้งแต่ภาพยนตร์ ซีรีย์ วาไรตี้ และรายการไอดอลต่างๆ!

สไมล์หลงรักรายการ ‘ตามหาไอดอล’ และรู้สึกอยากเป็นไอดอลตั้งแต่อายุเพียง 12 ขวบ เจ้าตัวดูรายการตามหาไอดอลซีซั่น 3 แล้วอยากเข้าร่วม ตลอด 5 ปีที่เหลือจึงฝึกร้อง เต้น และพัฒนาทักษะทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอดอลมาตลอด

แม้จะอยากไปเป็นเด็กฝึกในค่ายดังสักค่ายแต่ค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ยามเป็นเด็กฝึกก็หนักหนาเกินไป รายการตามหาไอดอลที่เปิดรับทุกคนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นไอดอลจึงเป็นเป้าหมายของสไมล์แทน

แต่การแข่งขันก็สูงมากเพราะมันคัดแล้วคัดอีก ทั้งยังมีการถ่ายถอดสดให้ประชาชนทั่วประเทศได้รวมโหวตเพื่อคัดคนที่จะได้ไปต่อด้วย ดังนั้นไม่ใช่แค่ความสามารถที่ต้องฝึกแต่แอร์ทามและแสงสปอตไลท์ก็ต้องฉายไปที่คนคนนั้นเพื่อให้เหล่าผู้ชมได้เห็นเหมือนกัน

สุดท้ายสไมล์ฝึกจนคิดว่ามั่นใจแล้วจึงตัดสินใจยื่นใหม่สมัครในรายการตามหาไอดอลซีซั่น 5 ที่เปิดรับสมัครอยู่ตอนนี้ ยื่นไปทั้งข้อมูลและรูปภาพแล้วพรุ่งนี้ก็จะได้เวลาไปออดิชั่นเพื่อจะได้เข้าร่วมเป็น 99 คนในซีซั่นนี้ไหมแต่ก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน

เมื่อบ่ายสไมล์เข้าไปช่วยเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ายกของ แต่ดันเกิดเหตการณ์ไม่คาดฝัน ระหว่างยกของสไมล์มองไม่เห็นทางเดินจึงล้มและตกบันดันหัวฟาดกับขั้นบันไดตายไปทันที

ตอนที่แม่ใหญ่มาเห็นเพราะเด็กคนนั้นร้องไห้วิ่งไปเรียกมาก็เป็นตอนที่เสมอเข้าร่างมาอยู่แทนแล้ว เลือดไม่ออกแม่ใหญ่เลยคิดว่าอาจจะแค่ตกบันไดตกใจและสลบไป จึงทำแค่เอาร่างเล็กกลับมานอนในห้องจากนั้นเสมอก็ตื่นในเวลาไม่ถึง 10 นาที

“ปกติเลือดไม่ออกต้องน่ากลัวกว่าไม่ใช่เหรอ?” เสมอที่พอจะเคยดูหนังมาก็งุนงง เด็กตกบันไดหัวฟาดขอบบันไดเลือดไม่ออกก็ควรจะพาไปให้หมอตรวจสิ!?

“น้องไม่รู้ว่าร่างผมหัวฟาดขอบบันไดเลยไม่ได้บอกแม่ใหญ่นะสิ ส่วนแม่ใหญ่คิดว่าผมแค่ตกใจเฉยๆ เลยพามานอนที่ห้องแค่นั้นเอง” สไมล์ยิ้มอ่อนก่อนจะกลับมาร่าเริงอย่างเร็ว

“เพราะงั้นแล้ว ผมฝากที่เหลือด้วยนะครับ ผมคงต้องไปแล้วถึงเวลาของผมแล้ว” สไมล์เอ่ยขึ้นก่อนร่างโปร่งใส่จะค่อยๆ จางหายไปอย่างไม่รอให้เสมอเอ่ยถามอะไรเพิ่มเลยซักนิด

“เดี๋ยวๆ แล้วความสามารถทั้ง ร้อง เต้น อะไรพวกนั้นละ ผมไม่มีนะเว้ยยยยย!” เสมอลุกขึ้นคุกเข่ามือยื่นออกไปหมายจะคว้าตัวโปร่งแสงของสไมล์ไว้แต่ไม่ทัน

ร่างวิญญาณของสไมล์หายไปต่อหน้าต่อตาของเสมอก่อนแขนเล็กที่เอื้อมไปก่อนหน้าจะปล่อยลงข้างตัว ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใส่ท้อแสงแห่งความสิ้นหวังขึ้นมาชัดเจน จิตวิญญาณของเสมอที่อยู่ในร่างของสไมล์เคร่งเครียดหนักกว่าเก่าไปอีก

แล้วกูจะเอาอะไรไปสู้เขา!!

ก็อกๆ

“สไมล์ตื่นแล้วเหรอลูก แม่เข้าไปนะ” เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกพร้อมร่างของแม่ใหญ่จะเข้ามา

“มะ แม่ใหญ่” เสมอในร่างสไมล์เอ่ยออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ

เนื่องจากความไม่คุ้นชินจึงยังขัดเขินเวลาเรียกคนอื่นว่าแม่ใหญ่ แถมนิสัยของสไมล์ยังเป็นเด็กเรียบร้อย ร่าเริง และพูดเพราะ ต่างกับไอ้เสมอที่ปากแจ่ว หาเรื่องเก่ง แถมยังขยันพาเด็กในหมู่บ้านออกไปตีกับเด็กหมู่บ้านข้างๆ ด้วย

“ตื่นแล้วสินะจ๊ะ ไหนให้แม่ดูหน่อยว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า?” แม่ใหญ่ที่เป็นหญิงสาวอายุราวๆ 40 ปีเดินเข้ามานั่งลงพร้อมจับเนื้อตัวสไมล์สำรวจไปทั่ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรก็หันมาสบตาเสมอในร่างสไมล์และถามอาการเจ้าตัวแทน

“รู้สึกเจ็บตรงไหนไหมลูก พรุ่งนี้ที่บอกแม่ว่าจะต้องไปออดิชั่นจะไหวไหมลูก?”

“เอ่อ ไหว…ครับแม่ใหญ่” หางเสียงที่ปกติไม่ค่อยได้ลงท้ายเสมอก็ต้องพยายามใช้ ไหนจะคำหยาบที่ในบ้านถนอมรักไม่ค่อยพูดอีก

โอ้ยยยยย อึดอัด!!

“ดีแล้วๆ ความฝันของหนูนินะ ยังไงก็พักต่ออีกหน่อยเถอะจ้ะ เย็นนี้รอกินอาหารเย็นแล้วกินยาดักไว้พอ ดีที่วันนี้เวรทำความสะอาดครัวหลังเสร็จไม่ใช่ลูก” แม่ใหญ่เอ่ยจบก็ลูบศีรษะเล็กพร้อมลาและออกจากห้องไป

// เสมออึดอัดดดดดด 555555

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0