ข้อมูลเบื้องต้น
สวัสดีปีใหม่ 2567 ค่ะ
ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปี และตลอดไปนะคะ
สุดท้ายขอให้ทุกคนต้อนรับปีใหม่ ด้วยการติดตามการเติบโตของอวี้โยวคนเก่าต่อไปด้วยนะคะ
ปล. ฉลองปีใหม่จะมีตอนพิเศษของเฉียนซีให้ 3 ตอนนะคะ
เชิงอรรถ
เงิน
1 อีแปะ = 1 เหวิน (เหรียญทองแดง)
100 อีแปะ = 1 ก้วน = 1 พวง
1000 อีแปะ = 1 ตำลึงเงิน
10 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง
เวลา
1จิบชา – 5 นาที
1ถ้วยชา – 1 เค่อ – 15 นาที
1 ก้านธูป – ครึ่งชั่วยาม – 1 ชั่งโมง
1 ชั่วยาม – 2 ชั่วโมง
ชั่วยาม
ยาม จื่อ เท่ากับเวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น.
ยาม โฉ่ว เท่ากับเวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น.
ยาม อิ๋น เท่ากับเวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น.
ยาม เหม่า เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.
ยาม เฉิน เท่ากับเวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น.
ยาม ซื่อ เท่ากับเวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.
ยาม อู่ เท่ากับเวลา 11.00 น. จนถึง 12.59 น.
ยาม อุ้ย เท่ากับเวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น.
ยาม เซิน เท่ากับเวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น.
ยาม อิ่ว เท่ากับเวลา 17.00 น. จนถึง 18.59 น.
ยาม ซวี เท่ากับเวลา 19.00 น. จนถึง 20.59 น.
ยาม ไฮ่ เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.
ที่ดิน
1 หมู่ (ไร่จีน) 1 หมู่ – 166.5 ตรว. หรือ 666 ตรม.
1 ฉิ่ง เท่ากับ 100 หมู่ 1หมู่เท่ากับ 666 ตารางเมตร
น้ำหนัก
1 เฉียน – 5 กรัม
1 เหลียง – 50 กรัม
1 จิน – 1 ชั่ง -500 กรัม
มาตราวัด
1 ชุ่น = 10 เฟิน (ประมาณ 3.33 เซนติเมตร)
1 ฉื่อ = 10 ชุ่น (ประมาณ 3.33 เดซิเมตร) (หนึ่งเดซิเมตร เท่ากับ สิบเซนติเมตร)
(ประมาณหนึ่งไม้บรรทัด)
1 จั้ง = 10 ฉื่อ (ประมาณ 3.33 เมตร)
1 วา = 2 เมตร หรือ 4 ศอก
1 ลี้ = 150 จั้ง = 500 เมตร
2 ลี้ = 1 กิโลเมตร หรือ 1000 เมตร
ขนาดเมือง
หมู่บ้าน
อำเภอ
เมือง
มณฑล
แคว้น
ตื่นขึ้น
“อวี้โยวลูกรักตื่นเถิด จะทำให้แม่ปวดใจตายอยู่แล้วนะ” เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้อวี้โยวตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางพยายามฝืนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างลำบาก ความรู้สึกปวดนั้นมากจนทำให้สมอง ตา และหูของนางอื้อทำงานไม่ได้ตามปกติ กว่าที่นางจะตั้งสติและมองตามเสียงขึ้นไปได้ก็ใช้ความพยายามไม่น้อย อวี้โยวเห็นหญิงสาววัยรุ่นงดงามโดดเด่นไม่แพ้ดาราหญิงในละครนั่งร้องไห้กุมมือนางอยู่ข้างเตียง
ดวงตาดอกท้อนั้นบวมแดง เพียงดูก็รู้ว่าดวงตาทั้งสองนั้นผ่านการร้องไห้เป็นเวลานานแล้ว ร่างของหญิงสาวนั้นบอบบางนัก ไหล่เล็กนั้นสั่นขึ้นลงด้วยแรงสะอื้นไห้นั้นชวนให้คนเห็นปวดใจนัก อวี้โยวคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างดูงดงามแต่แฝงด้วยความอ่อนแอเปราะบาง คล้ายดอกลี่ต้องสายฝนผู้หนึ่งดั่งคำโบราณจริงๆ
หญิงสาวตรงหน้าใส่ชุดจีนโบราณสีฟ้าอมเขียว ชุดหลวมนั้นดูหยาบไร้ความประณีตงดงาม แต่กลับไม่อาจปิดรูปร่างสมส่วนและผิวขาวนวลของนางไว้ได้ หญิงงามนั้นร้องไห้จนทำให้อวี้โยวอดแปลกใจไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้นางสงสัยยิ่งกว่าคือ หญิงสาวหน้าสวยตรงหน้าเป็นใคร เหตุใดจึงได้มาร้องไห้ตรงนี้ และสมัยนี้มีคนใส่ชุดโบราณเช่นนี้ด้วยหรือ อวี้โยวพยายามใช้สมองเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า
“โอ้ย” นางร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมหลับตายกมือขึ้นกุมหัวทันที เมื่อสมองถูกกระตุ้นอีกครั้ง หัวนางก็ปวดร้าว ราวกับมีบางอย่างเจาะเข้ามาในหัวโดยไม่ทันตั้งตัว ความเจ็บปวดนั้นทำให้ร่างกายแข็งเกร็งโดยอัตโนมัติ หัวเล็กนั้นปวดมากราวกับมีมือล่องหนมาบีบเค้นสมอง คิ้วน้อยขมวดเป็นปม เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาอย่างไม่อาจห้ามดูทุรนทุรายนัก
หญิงสาวชุดโบราณนางนั้นเข้ามากอดปลอบอวี้โยวไว้ด้วยความห่วงใยและตกใจไม่น้อย โดยไม่ได้ห่วงสภาพที่อ่อนล้าของตนเองเลย ด้านอวี้โยวที่บิดตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงนั้น ก็ถูกความทรงจำของเด็กน้อยวัยแปดขวบคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงคนนั้นมีว่าอวี้โยวเหมือนกับนาง แต่กลับเกิดในโลกอดีตมากกว่าสองพันปีจากยุคเดิมของนาง ยามนั้นอวี้โยวจึงได้สังเกตว่าร่างของตนมีขนาดเล็กลง ห้องและเตียงที่นางอยู่ก็ไม่คุ้นตา ดูคล้ายห้องโบราณที่ทำจากไม้และหินเรียบง่าย
ความทรงจำที่ไหลเข้ามานั้น มีความรู้ที่เด็กหญิงรู้ด้วยไม่น้อย แต่อวี้โยวกลับไม่คุ้นกับชื่อราชวงศ์หรือชื่อแคว้นนี้เลย นี่อาจจะเป็นโลกคู่ขนานตามแบบนิยายสักแห่ง หรือนี่จะเป็นการย้อนเวลาเหมือนพวกนิยายที่กำลังได้รับความนิยมในสมัยที่นางจากมา อวี้โยวเริ่มเพ้อฝันด้วยความตระหนก
ยิ่งคิดก็ยิ่งใช่ ความทรงจำที่อยู่ในหัวนางช่างเหมือนจริงนัก อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่ต่างไป ทำให้อวี้โยวยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น แต่ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ นางตายแล้วหรือ?
นางแค่เครียดจากการเขียนวิจัยเรียนจบเท่านั้น ด้วยแรงกดดันเพราะเป็นประธานเยาวชน ทำให้นางเป็นที่คาดหวังของอาจารย์และเพื่อนไม่น้อย ความกดดันที่ได้รับ ทำให้นางมีความคิดอยากหนีความจริงบ้าง แต่ไม่ได้อยากย้อนเวลามาที่ยากแค้นและลำบากเช่นนี้สักหน่อย
ในปัจจุบันอวี้โยวเป็นนักศึกษาภาควิชาฟู้ดไซน์ชั้นปีสุดท้ายด้วยทุนยากจน แต่เพราะความขยันส่วนตัวจึงทำให้นางฝ่าฟันขึ้นเป็นผู้ช่วยอาจารย์ และประธานชั้นปีที่เพื่อนๆให้ความเคารพได้สำเร็จ อวี้โยวมีจุดแข็งที่ใช้ได้คือการปรับตัวและการแก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉินได้เร็ว ทำให้แม้ตอนนี้นางยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าดีนัก แต่จากความทรงจำของเด็็กน้อย นางจึงรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าผู้นี้เป็นมารดาของเด็กหญิง
ร่างเล็กจึงโถมเข้าสู่อ้อมกอดของมารดาสาวทันที มารดาสาวที่ดูอายุไม่ต่างจากนางในยุคที่จากมานั้นโอบกอดบุตรสาวร่างเล็กด้วยความห่วงใย
เสียงเล็กออดอ้อนด้วยเสียงแหบพร่า“ท่านแม่ ข้าปวดหัวมาก ข้าฝันว่าข้าล่องลอยไปไกล ได้ไปเจอโลกอื่นที่มีอาหาร วัฒนธรรม และสิ่งประดิษฐ์แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ท่านไม่ต้องห่วงข้านะ ตอนนี้ร่างกายข้าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แค่ปวดหัวมากเท่านั้น ข้าขอนอนพักก่อนได้หรือไม่”
หญิงสาวนางนี้คือหงหย่ง นางมองบุตรสาวในอ้อมกอดด้วยความกังวลและห่วงใย “ได้ เจ้านอนพักก่อน ท่านป้าหนิงไปตามท่านหมอแล้ว อีกไม่นานคงกลับมาถึง แม่จะไปให้คนต้มน้ำอุ่นรอ”นางมองบุตรสาวที่หลับตานอนลงอย่างสงบ เมื่อเห็นใบหน้าน้อยเริ่มผ่อนคลายขึ้น นางจึงวางใจเดินไปที่ครัวในที่สุด
หลังได้ยินเสียงปิดประตู เด็กน้อยบนเตียงนอนก็ลืมตาขึ้น นางประมวลความทรงจำในสมองอย่างรวดเร็ว เดิมอวี้โยวเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายที่กำลังเขียนวิจัยเรียนจบ นางไม่มีพ่อแม่ ตั้งแต่เด็กก็อาศัยอยู่กับย่าที่เก็บชาบนภูเขาขาย
แต่เพราะเป็นชาราคาแพงทำให้มีรายได้เพียงพอจะส่งนางมาเรียนในเมือง พวกนางไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ขัดสน อาศัยหาของป่าข้างหมู่บ้านกินบ้างก็มีความสุขไปเรื่อยๆ จนย่าจากไปตอนนางจบมัธยม ด้วยผลการเรียนที่ดีนางเลยใช้เงินเก็บที่มีส่งเสียตัวเองเข้ามาเรียนที่เมืองหลวง โดยอาศัยรายได้จากการปล่อยเช่าไร่ชาไม่กี่ไร่ของบ้าน และรับจ้างคนงานในร้านอาหารอีกทางหนึ่ง
ถึงตอนนี้อวี้โยวจะไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ ทำให้ไม่เสียดายชีวิตในโลกก่อนมากนัก แต่นางก็อดเสียดายที่ไม่สามารถคว้าใบปริญญาอย่างที่คุณย่าฝันไว้มาได้สำเร็จ ตอนนี้นางไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร และไม่รู้จะกลับอย่างไร ทางเดียวของนางตอนนี้คงต้องอาศัยอยู่ในร่างน้อยนี้ต่อไปก่อน เมื่อคิดได้ร่างเล็กก็สงบลง
ความจริง
ไม่นานก็มีชายชราถือล่วมยาเข้ามาในห้อง หมอเฒ่าตรวจอาการร่างเล็กไม่นานก็แจ้งแก่มารดาว่าเด็กหญิงปลอดภัยดี ไม่มีอาการใดน่าเป็นห่วง มีแต่ความอ่อนล้าเล็กน้อยเท่านั้น เพียงบำรุงให้ดีไม่นานก็กลับมาเป็นปกติได้
แต่หมอชรากลับทักหงหย่งว่านางเป็นหญิงมีครรภ์ เพราะมีเหตุการณ์ให้ตระหนก รวมกับคืนที่ผ่านมานางคอยเป็นห่วงดูแลบุตรสาวอยู่ข้างกายตลอดเวลา ทำให้อาการครรภ์น่าเป็นห่วงไม่น้อย หลังตรวจท้องของหงหย่งแล้ว เขาจึงห้ามให้หญิงสาวทำงานหนัก ให้นอนอยู่บนเตียงวันละหกชั่วยามเป็นเวลาสิบห้าวัน
หลังหงหย่งรู้ว่าอาการของบุตรสาวปลอดภัยก็โล่งใจ รับคำหมอชราด้วยความยินดีอย่างรวดเร็ว
อวี้โยวที่แสร้งหลับอยู่ด้านในนั้นก็ฟังคำหมออย่างตั้งใจ และรับรู้ถึงความรักและเป็นห่วงของมารดาได้จากน้ำเสียงทันที แม้นางจะเติบโตบนเขากับย่าอย่างอบอุ่น แต่ด้วยเป็นเด็กกำพร้า ทำให้นางรู้จักมองคนและระวังตัวมาก
เมื่อนางรับรู้ถึงความรักของอีกฝ่ายก็อุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่แย่นัก ยังมีคนที่รักนางอยู่เคียงข้าง ทำให้นางเต็มใจเป็นอวี้โยววัยแปดขวบนี้ได้มากยิ่งขึ้น
อวี้โยวค้นจากความทรงจำเดิมที่ได้รับ พบว่ามารดาสาวมีชื่อหงหย่ง เป็นหญิงสาวที่สวยงามวัยยี่สิบสี่ นางเป็นสตรีในห้องหอที่มีความสามารถแตกฉานในวิชาสตรี ท่านตาเป็นซิ่วไฉ่ในอำเภอไห่ถง เพราะเป็นอำเภอเล็กๆอันห่างไกล ทำให้ท่านตาที่มีฐานะซิ่วไฉ่นั้นมีหน้ามีตาในเมืองไม่น้อย จนเปิดสำนักศึกษาขนาดเล็กขึ้นได้
ส่วนท่านยายนางเป็นลูกสาวพ่อค้าต่างถิ่นฐานะดีผู้หนึ่ง หน้าตางดงามตามแบบฉบับสาวงามทางใต้ แต่งเข้ามาด้วยสินเดิมหลายพันตำลึงจนโด่งดังทั่วเมือง เสียดายที่ครอบครัวท่านยายประสบเหตุให้ตายจากไปหมดแล้ว นางจึงไม่มีบ้านเดิมเป็นกำลังให้
หงหย่งยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคน นามหงหวน เพราะชอบทำการค้า จึงใช้ทรัพย์สินของบ้านไปลงทุนในกิจการเดินเรือ หงหย่งแต่งงานกับศิษย์หนุ่มอนาคตไกลของบิดานามจางหยวน จางหยวนเป็นคนหนุ่มที่หล่อเหลาและชาญฉลาดมาก เสียแต่ไร้บิดา มีมารดาเป็นคนเห็นแก่ตัว ทางบ้านยากจน
แต่บ้านของหงหย่งกลับไม่ได้ดูถูก ทั้งยังส่งเสริมจนเขาสอบเข้าจวี่เหรินได้สำเร็จ อำเภอไห่ถงที่ห่างไกลไม่อาจรับความสามารถของเขาไว้ได้ จางหยวนจึงออกเดินทางไปศึกษาต่อในเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัวสอบด้วยตัวเอง
ปล่อยให้หงหย่งที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์อยู่บ้านเดิมที่อำเภอกับมารดา เพียงแต่ต่อมาท้องแรกของนางได้ลูกสาว ทำให้แม่สามีดูแคลนไม่น้อย หงหย่งอดทนดูแลบุตรสาวและแม่สามีตามลำพังเกือบสี่ปี จนวันหนึ่งสามีก็ขี่รถม้ากลับบ้านเกิดมาในที่สุด ปีนั้นเขาสามารถสอบได้ตำแหน่งทั่นฮวาได้สำเร็จในวัยยี่สิบห้า นับว่าเป็นผู้มีความสามารถสูงทีเดียว
เขารับทุกคนกลับเมืองหลวงด้วย หงหย่งถูกพาไปอยู่บ้านแถบชานเมืองแห่งหนึ่ง สามีจะกลับบ้านเดือนละห้าวัน จนหนึ่งปีก่อนอวี้โยวในวัยเจ็ดปีเริ่มออดอ้อนบิดาให้พาไปเที่ยวในตัวเมือง จางหยวนไม่ยินยอม อวี้โยวจึงโวยวายตามประสาเด็ก เด็กหญิงทำให้บิดาโกรธจนเกิดทะเลาะกับมารดาต่อมา ครั้งนั้นเป็นการสร้างรอยร้าวระหว่างทั้งสอง
ด้วยความเศร้าใจไร้ที่พึ่งและระบายหงหย่งจึงดีดกู่เจิงคลายเหงาอยู่ตามลำพังในบ้าน บังเอิญมีอาจารย์กู่เจิงชื่อดังของแคว้นผ่านมาได้ยิน จึงเข้ามาสนทนาด้วยความนับถือในฝีมือ ด้วยฝีมืออันลึกล้ำของมารดาทำให้เขากับมารดาเป็นสหายร่วมทางกู่เจิงกัน
เวลาผ่านไปอวี้โยวก็เริ่มสนิทกับอาจารย์กู่เจิงคนนี้ด้วยเช่นกัน เด็กหญิงรบเร้าให้เขาพานางไปเที่ยวตลาดในตัวเมืองด้วย ไม่คิดว่าการเที่ยวครั้งนั้นจะทำให้นางและมารดารู้ความจริงว่าพวกนางถูกบุรุษที่รักหลอกมาตลอดเวลา
บิดารูปงามนั้นหลังสอบทั่นฮวาได้สำเร็จ ก็เป็นที่หมายปองของสตรีในเมืองหลวงมากมาย ในที่สุดเขาก็ตอบรับคำแต่งงานกับบุตรสาวใต้เท้าสิง ราชเลขาประจำประองค์ ขุนนางระดับสองที่ยิ่งใหญ่ ที่ช่วยส่งเสริมงานเขาจนรุ่งโรจน์ได้ แท้จริงปีนั้นที่จางหยวนสอบได้ตำแหน่งทั่นฮวา บุตรชายของใต้เท้าสิงก็สอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวนเช่นกัน
ชายหนุ่มทั้งสองอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างนับถือในความสามารถของอีกฝ่าย จึงได้ผูกมิตรกัน ภายหลังน้องสาวคุณชายสิงตกหลุมรักจางหยวน คุณชายสิงยังเป็นผู้คอยชักนำหาโอกาสให้ด้วยตัวเอง จ้วงหยวนสิงได้รับพระราชทานสมรสกับองค์หญิงผู้เป็นที่โปรดปรานผู้หนึ่ง ตระกูลสิงจึงนับว่ายิ่งเป็นเรือช่วงน้ำขึ้น เป็นตระกูลโดดเด่นโด่งดังขึ้นมาทันที หญิงชาวบ้านไร้ตำแหน่งอย่างหงหย่งจะสู้ได้อย่างไร
หงหย่งตกใจจนหน้าซีดรีบกลับบ้านไปหาทะเบียนสมรส กลับพบว่าทะเบียนสมรสหายไปแล้ว และเป็นแม่สามีที่รู้เห็นทำลายไป นางรู้สึกถูกหักหลังอย่างรุนแรง จะไปเอาเรื่องที่ว่าการต่อ แต่หลังสืบค้นประวัติพบว่าจางหยวนแจ้งว่าภรรยาคนแรกตายจากไปแล้ว นางกลายเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดูอย่างลับๆโดยไม่รู้ตัวผู้หนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ปีนั้นที่จางหยวนจัดการนำนางและลูกกลับเมืองหลวงก็จัดการเรื่องราว ปกปิดเรื่องในอดีตทั้งหมดไว้ และสร้างเรื่องว่าภรรยาตายแล้ว ก่อนจะทำเรื่องสู่ขอบุตรสาวใต้เท้าสิงเป็นฮูหยินเอกตามธรรมเนียมอย่างถูกต้องยิ่งใหญ่ที่จัดการโดยตระกูลสิง ทั้งคู่ยังมีบุตรสาวอายุสี่หนาวผู้หนึ่งแล้วด้วย
ด้วยความสามารถบัณฑิตต่างถิ่นอย่างจางหยวน ไม่สามารถแก้ข้อมูลประชากรของแคว้นได้เองแน่ ต้องเป็นเพราะใต้เท้าราชเลขารู้ความจริงอยู่แล้ว และช่วยเขาปกปิดไว้ ทำให้พวกเขาสร้างครอบครัวที่สุขสันต์บนความทุกข์ลับหลังลูกเมียขึ้นมาได้เช่นนี้
หมายเหตุ
ทั่นฮวา คือผู้สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่สามในการสอบจิ้นซื่อ
จ้วงหยวน คือผู้สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่หนึ่งในการสอบจิ้นซื่อ
ความเห็น 0