โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ...)

Thaiware

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 10.45 น. • เผยแพร่ 15 ก.พ. 2561 เวลา 08.34 น. • Cerealcat
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ...)
มาดูกันเถอะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง! ผู้เขียนค่อนข้างชัวร์เลยว่าต้องมีหลายเรื่องที่เราจะเห็นพ้องต้องกัน! 5555

 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ไปมาหาสู่กันจนเป็นเรื่องปกติในวงการเสียแล้ว สำหรับ "การนำเกมส์มาดัดแปลงให้กลายเป็นฉบับภาพยนตร์" (หรือจะเกมส์ที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ด้วยก็ได้นะ แต่เดี๋ยวไว้ว่ากันในบทความหน้า) ที่แม้จะถูกสร้างออกมาแล้วอย่างมากมาย แต่กระนั้น ผลงานที่สามารถจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ภาพยนตร์ที่ดีได้ กลับมีเพียง "หยิบมือเดียว" และผู้เขียน ก็ได้รวบรวมภาพยนตร์เหล่านั้นลงในบทความนี้แล้วครับ แต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง เชิญพิสูจน์ด้วยตาตนเองได้เลย! 

1. Resident Evil (2002) 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? หนึ่งในสุดยอดซีรีย์เกมส์แนวSurvival Horror ที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์วงการเกมส์! (ผู้เขียนชื่นชอบและรักซีรีย์นี้มาก) โดยเฉพาะในภาคแรกๆ (0, 1, 2, 3) ที่ผู้เล่นจะได้เข้าใจนิยามของการเอาชีวิตรอดอย่างถ่องแท้ ด้วยการที่ตัวเกมส์จะมอบอิสระให้กับผู้เล่นทั้งการดำเนินเหตุการณ์ที่ลำดับได้ตามใจชอบ การต่อกรกับอุปสรรคภายในเกมส์ที่การหลบหนีหรือดับเครื่องชน "ไม่มีตัวเลือกใดผิด" หากแต่ผู้เล่นต้องตัดสินใจกับการรับมือสถานการณ์ต่างๆ ด้วยเครื่องมือช่วยเหลือที่มี ณ ในขณะนั้น (สมุนไพรรักษาบาดแผล, ปืนและกระสุน, อาวุธป้องกันตัว ฯลฯ) 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร?  หากนับเพียงภาค 1 และ 2 (Resident Evil และ Resident Evil: Apocalypse) ภาพยนตร์จากเกมส์เรื่องนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร แม้หลายอย่างจะไม่ได้เหมือนในเกมส์ต้นฉบับราวถอดกันมา (ยกเว้นภาค 2 ที่มีการปรากฎตัวขึ้นของ จิล วาเลนไทน์ ตัวละครหลักของเกมส์จากภาค 1, 3 และ Revelation) แต่ก็เป็นการประยุกต์ดัดแปลงให้เข้ากับเวลาฉายที่มีอยู่อย่างจำกัดและความสมเหตุสมผลที่ลงตัวกับสื่อประเภทภาพยนตร์ ส่วนภาคต่อๆ มาก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกันนะครับ…

2. Angry Birds (2016) 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? Angry Birds เป็นหนึ่งในเกมส์แรกๆ ที่นำองค์ประกอบสุดตึงเครียดตลอดมาในเกมส์แนวแก้ปริศนา (Puzzle) อย่าง "เวลา" ออกและเปลี่ยนให้ผู้เล่นจับจ่ออยู่กับการคิดตัดสินใจได้เต็มที่่ผ่านข้อจำกัดของจำนวนครั้งในการผ่านอุปสรรคแทน โดยตัวเกมส์ จะให้ผู้เล่นได้รับบทเป็นเหล่านกหลากสีหลายสายพันธุ์ที่ต้องรวมตัวกันเพื่อขับไล่แก๊งโจรสลัดหมูสีเขียวจอมตะกละที่มารุกล้ำถิ่นฐานบ้านเกิดของพวกเขาที่ซ้ำยังขโมยลูกเด็กเล็กไข่ไปอีกทอด ซึ่งผู้เล่นจะต้องใช้ความสามารถอันหลากหลายของบรรดานกเหล่านี้ในการกวาดล้างหมูเขียวจอมตะกละและสิ่งก่อสร้างที่พวกมันได้ก่อสร้างไว้ให้หมดสิ้น    

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร?  "อย่าตัดสินหนังสือเพียงหน้าปก" (don't judge a book by its cover) ดูจะเป็นสำนวนสุภาษิตเปรียบเปรยที่เหมาะสมกับ Angry Birds ภาพยนตร์อนิเมชั่นดัดแปลงจากเกมส์นี้ได้มากที่สุดแล้วละครับ เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวหนังนั้น "สนุกเกินคาด" ไม่ว่าจะมุกตลกที่เข้าใจได้ทุกเพศทุกวัย เหล่าตัวละครนกหัวร้อนที่ออกแบบได้ออกมาดูน่ารักน่าหยิก และกิมมิคส่งตรงจากเกมส์ที่เหล่านกทั้งหลายจะดีดตัวเองออกจากปืนหนังยางขนาดยักษ์เพื่อให้ตนกลายเป็นกระสุนหลากรูปแบบหลากความสามารถเพื่อทำลายสิ่งก่อสร้างและบรรดาหมูเขียววายร้ายที่ถอดแบบมาจากฉบับเกมส์ได้อย่าง "ตรงไปตรงมา" (อารมณ์แบบเอางี้เลยหรอ!? ฮ่าๆ)

3. Silent Hill (2006) 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? อีกหนึ่งซีรีย์เกมส์ที่ตีความอารมณ์สยองขวัญได้ออกมาได้ถึงพริกถึงขิงตรงตามนิยามทุกตัวอักษร ทั้ง การก่อร่างสร้างอารมณ์สะพรึงตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่เกมส์ด้วย "หมอก" กลุ่มก้อนละอองน้ำสีเทาแก่อันเป็นบรรยากาศหลักในเกมส์ ที่จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้เล่นให้หวาดระแวงในทุกตรอกซอกมุมและหนทางข้างหน้าว่า "มีสิ่งใดที่ไม่เป็นมิตรรออยู่หรือไม่" เหล่าศัตรูภายในเกมส์ที่ออกแบบรูปลักษณ์มาได้น่าเกรงขามและชวนให้สยดสยองไม่อยากเข้าใกล้ในคราเดียวกัน และปิดท้ายด้วย เนื้อเรื่อง ที่เกริ่นและจูงใจให้ตามติดด้วยปริศนาก่อนจะส่งท้ายด้วยตอนจบสุดหักมุมในภายหลัง  

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร? เลือกคนให้ถูกกับงานหรือ "Put the Right Man on the Right Job" ดูจะเป็นสำนวนเปรียบเปรยที่เหมาะสมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะไม่ว่าทุกรูปแบบความกลัวใดๆ ที่ท่านๆ เคยสัมผัสจากในเกมส์ "คุณก็จะได้พบเจอมันในฉบับภาพยนตร์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน" ซึ่งการถ่ายทอดความสะพรึงสุดจะหาไม่เหล่านี้ คงจะยกเครดิตให้ใครไปเสียไม่ได้นอกจากนายคริสโตเฟอร์ กอนส์ (Christophe Gans) ผู้กำกับสัญชาติฝรั่งเศสที่รักและเป็นแฟนคลับเกมส์ซีรีย์ดังกล่าว จึงส่งผลให้อารมณ์ความสยองขวัญที่คนดูจะได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ผิดเพี้ยนจากเกมส์ต้นฉบับไปสักเท่าไหร่ อีกทั้งการปรับเปลี่ยนตัวละครหลักของฉบับภาพยนตร์ให้กลายเป็นผู้หญิง ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันได้ทำให้คนดูได้ลุ้นระทึกและมีอารมณ์ร่วมไปกับบรรดาเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ตัวละครเอกต้องเจอในระดับสูงเลยทีเดียว

4. Doom (2005)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? นักเรียนทุกคนกราบ! โปรดแสดงความเคารพให้กับ"DOOM" ครูทุกสถาบันของเกมส์แนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง! (FPS: First-Person Shooter) ที่ปัจจุบันซีรีย์ดังกล่าวก็ได้มีอายุอานามแล้วถึง 25 ปี ซึ่งแม้ในทุกๆ ก้าวที่เติบโต ตัวเกมส์จะได้มีการปรับเปลี่ยนหรือแต่งเติมส่วนเสริมต่างๆ เข้ามาที่สำเร็จและล้มเหลวบ้างปะปนกันไปบ้าง (ชัดเจนสุดคือ Doom 3 ที่ใส่แนวสยองขวัญเข้ามาเพื่อเปลี่ยนกลิ่นการเล่น) แต่กระนั้นโครงสร้างหลักอันว่าด้วยระบบการต่อสู้ที่เน้นความดิบเถื่อน! รวดเร็ว! และไหวพริบที่ตกหล่นไม่ได้สักชั่วขณะ! ก็ยังคงอยู่ตลอดมา และในฉบับรีบูตปี 2016 ที่ผ่านมาอย่าง "DOOM" นี้เอง ก็เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณตั้งต้นของซีรีย์กลับคืนมาแทบจะทุกระเบียดนิ้ว! 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร?  ในมุมมองผู้เขียนนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ มีส่วนที่ดีเพียง "ช่วงท้ายของเรื่องอันเป็นฉากที่ผู้ชมจะได้เห็นมุมมองตัวละครเอกของเรื่องในแบบฉบับเกมส์แนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง" ที่ก็ถือว่าดีไซน์จังหวะการต่อสู้ออกมาได้พอไปวัดไปวาอยู่แม้จะไม่ระดับพระกาฬแต่ก็ไม่ถึงขั้นดูขี้เหร่จนไม่สนุก แต่ส่วนที่เหลือของตัวหนังก็ต้องขอบอกตรงๆ ว่าเต็มไปด้วยจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องที่ขาดๆ เกินๆ กลุ่มตัวละครที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่สมกับสังกัดกลุ่มกองกำลังทหารชุดพิเศษเลยสักนิด (ยิงปืนมินิกันกระบอกเท่าบ้านขึ้นเพดานฝ้าเพราะตกใจเสียง คิดดูละกันว่ามืออาชีพขนาดไหน…)

5. Forbidden Siren (2006) **อย่าตกใจภาพของเกมส์และจากภาพยนตร์ละ**

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

แค่ดูยังกลัวแทนเลย บรึ๋ย! 

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? ผู้เขียนมีโอกาสได้สัมผัสเพียง 15 นาที… และจากนั้น ก็ไม่เคยย่างกรายเข้าหาอีกเลย แต่กระนั้นด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่อยากจะนำเสนอให้เพื่อนๆ ชาวไทยแวร์ได้รู้จักภาพยนตร์จากเกมส์เนื้อดีทั้งหลายเหล่านี้ จึงต้องจำใจ! ใช้บริการรับชมเหล่ายูทูบเบอร์สายเกมเมอร์ที่เล่นเกมส์นี้… (ไม่มีทางเล่นเองเด็ดขาด ไม่! ฮ่าๆ) ซึ่งบอกเลยว่า"คิดดีแล้วจริงๆ ที่ไม่เล่นเอง" เพราะทั้งการนำเสนอด้านงานภาพของเกมส์นี้ที่ไล่ตั้งแต่บรรยากาศ (Atmosphere) ที่ชวนให้รู้สึกวังเวงเสียวสันหลัง สีของภาพที่ถูกย้อมให้พื้นที่สว่างและพื้นที่มืดมิดตัดกันอย่างเห็นได้เพื่ออำพรางศัตรูอันเป็นมนุษย์ที่ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยน้ำตาเลือดที่พวกมัน "ฆ่าไม่ตาย" พร้อมปิดท้ายด้วยเรื่องราวชวนผวาของเกมส์และบทสรุปส่งท้ายที่ชวนให้จดจำไปอีกนานแสนนาน

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร?  ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด ยังไงเสียการสร้างความกดดันด้วยบรรยากาศก็ยังคงเป็นจุดเด่นเสมอมาของศิลปินจากแดนปลาดิบทั้งหลายครับ และ Forbidden Siren ฉบับภาพยนตร์นี้ ก็ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความกดดันด้านดังกล่าวไว้อย่างครบถ้วน แต่กระนั้นบทสรุปของเรื่องเอง กลับมีการหักมุมที่ไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลชนิดที่ว่าไม่น่าให้อภัยเลยละ แต่ผู้เขียนจะไม่สปอยล์ละกันเพราะหากตัดส่วนนี้ออก ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังสามารถมอบประสบการณ์ขนหัวลุกให้คนดูได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่นะ  

6. Warcraft: The Beginning (2006)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? อาจไม่ใช่เกมส์แนว RTS (Real-Time Strategy) ดีที่สุดในโลก แต่หากมีการจัดทำนียบเกมส์ที่ทรงคุณค่าแก่ประวัติศาสตร์วงการเกมส์แล้วละก็ ชื่อของ "Warcraft" ต้องติดอยู่ทุกในโผอย่างแน่นอน! เพราะไม่ว่าจะระบบการเล่นที่ง่ายแต่มีความลุ่มลึก กราฟฟิกที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์น่ามองในทุกยุคทุกสมัย และปิดท้ายด้วยเนื้อเรื่องของเกมส์ที่สนุกชวนให้ติดตามราวดั่งภาพยนตร์ไตรภาคเนื้อดี 

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร?  สิ่งเดียวที่ภาพยนตร์จากเกมส์เรื่องนี้ทำได้แย่ คือ "การปรากฎตัวบนโลกภาพยนตร์ในช่วงเวลาที่สายเกินไป" เพราะหากวัดจากคุณภาพแล้ว จะพบว่าไม่มีสิ่งใดย่ำแย่จนติดดินเลยสัก หากแต่ในความทรงจำของเราๆ ต่างระลึกแฟรนไชส์ "The Lord of the Ring" ว่าเป็นภาพยนตร์มหากาพย์แฟนตาซีโลกจดจำไปแล้วในก่อนหน้านี้ และนั่นคงเป็นอะไรที่ลืมเลือนออกไปจากหัวได้ยากยิ่งนัก   

7. Lara Croft: Tomb Raider (2001)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? "อินเดียนา โจนส์ฉบับหญิงแกร่ง" ดูจะเป็นนิยามถูกต้องที่สุดของ Tomb Raider ซีรีย์เกมส์ผู้บุกเบิกการผสมผสานสองแนวเกมส์ที่เข้ากันอย่างลงตัวอย่าง แอคชั่น (Action: มันสะใจ) และแอดเวนเจอร์ (Adventure: ผจญภัยไปกับการขับเคลื่อนตัวเกมส์ด้วยเรื่องราว) โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็น ลาร่า ครอฟท์ หญิงสาวนักโบราณคดีผู้ชำนาญการต่อสู้ต้องออกตะลุยไปยังโบราณสถานต่างๆ ที่ต้องรับมือกับบรรดากับดักสุดอันตราย สิ่งมีชีวิตน่าเกรงขาม และปริศนาแสนเชาว์ปัญญาที่รอให้แก้เพื่อรับค่าเหนื่อยเป็นวัตถุโบราณหาค่าไม่ได้

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร? "เกมส์สนุกเท่าไหน ฉบับภาพยนตร์นี้ก็สนุกเท่านั้น" ซึ่งทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณผู้กำกับของเรื่องและนักแสดงนำอย่าง แองเจลิน่า โจลี่ (Angelina Jolie) ที่ตีบทและเอกลักษณ์ของเกมส์ได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมดูสนุกและเพลิดเพลินได้ไม่จำกัดว่าคนดูจะเป็นแฟนเกมส์หรือนักดูหนังธรรมดา ทั้งท่าแอคชั่นประจำตัวของลาร่า ครอฟท์อย่างการตีลังกายิงปืนคู่ การโลดโผนกระโจนเข้าเกาะเกี่ยวผนังภูเขาความสูงเสี่ยงตาย และการหาวิธีแก้ปริศนาที่แสนซับซ้อนอันตราย 

8. Castlevania (2017)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? ผู้นำเทรนด์เกมส์แนวแอคชั่น-แอดเวอเจอร์ (Action - Adventure) ที่ซ้ำยังเป็นผลงานเกมส์ที่รวบรวมหลายองค์ประกอบที่น่าสนใจเข้าไว้ด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ การใช้ธีมเป็นปราสาทหลังยักษ์ของเคาท์แเคร๊กคูลาผีร้ายที่เจ้าของสถานที่จากนิยายของแบรม สโตกเกอร์ตนนี้ ยังปรากฎตัวในบทบาทศัตรูตัวสุดท้ายของเกมส์อีกทอด ความยากของเกมส์ที่ท้าทายฝีมือผู้เล่น และปิดท้ายด้วยการนำเสนอเนื้อเรื่องปลายเปิดที่ผู้เล่นจะเข้าพบเหตุการณ์สำคัญของเกมส์ช่วงไหนก่อนก็ได้ (ในภายหลังรูปแบบนำเสนอเนือเรื่องนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับซีรีย์เกมส์ Resident Evil ภาค 1, 2, 3 และ 7)  

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร? ศิลปะหนึ่งชิ้นหากศิลปินได้มีเวลาและพื้นที่ในการปลดปล่อยแนวคิดจินตนาการได้อย่างไร้ข้อจำกัดแล้วนั้น ผลงานที่ออกมาก็จะเต็มไปด้วยคุณภาพสูง ซึ่ง Castlevania ฉบับอนิเมชั่นทีวีซีรีย์ของทาง Netflix นี้ ก็เป็นตัวอย่างชั้นดีของการไม่กำหนดแนวทางหรือห้ามปามข้อจำกัดในการสร้างใดๆ ที่ไล่ตั้งแต่การที่ทึมงานได้เลือกให้ภาพยนตร์จากเกมส์เรื่องนี้ออกมาในรูปแบบอนิเมชั่นซีรีย์ที่ถ่ายทอดอารมณ์อากัปกิริยาได้ตรงตามต้นฉบับเกมส์มากกว่า และสามารถดีไซน์ฉากต่อสูุ้ดุเดือดตามใจฉันได้มากกว่า! และปิดท้ายด้วยการปล่อยให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้เลือกนำต้นฉบับเกมส์ภาคที่ได้รับความนิยมตลอดกาลมาดัดแปลงอย่างภาค 3 (Castlevania III: Dracula's Curse) แทนที่การดิ่งตรงใช้ภาคแรกเริ่ม หรือโดยสรุปแล้วนั้น นี่คือภาพยนตร์ดัดแปลงจากเกมส์ที่ให้เกียรติต้นฉบับมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

9. Prince of Persia: Sands of Time (2010)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? Prince of Persia คือเกมส์แนวข้ามสิ่งกีดขวาง (Platfomer) ที่ริเริ่มระบบผ่าดโผนและความคล่องตัว (Arcobatic) อันเป็นการให้ผู้เล่นได้สนุกไปกับการยึดเกาะจับพื้นที่ต่างระดับเพื่อผ่านอุปสรรคทั้งหลาย พร้อมต่อกรกับศัตรูด้วยการกะจังหวะหลบหลีกและรุกสวน โดยในยุคนั้นรูปแบบการเล่นนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในแง่ความแปลกใหม่ ที่หนำซ้ำยังได้ขับเคลื่อนให้วงการเกมส์ เริ่มสอดใส่ความท้าทายในการเล่นมากยิ่งขึ้น แต่แล้วเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน Prince of Persia ในภาค "Sand of Time" (2003) ก็ได้ปฎิวัติตัวตนของซีรีย์ที่เป็นอยู่ ด้วยการลดทอนความยากลงพร้อมเพิ่มระบบ "ย้อนเวลา" (Reverse Time) จุดเปลี่ยนและจุดจดจำครั้งสำคัญของซีรีย์ ที่ผู้เล่นจะสามารถกลับไปแก้ไขการเคลื่อนไหวหรือท่วงท่าการต่อสู้ที่ตัดสินใจผิดและเลือกรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดแทน    

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร? เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ (Jerry Bruckheimer) อาจเป็นผู้ควบคุมการสร้าง (Producer) เพียงคนเดียวในโลกภาพยนตร์ที่สามารถดึงดูดผู้คนในผลงานต่างๆ ได้เพียงแค่มีชื่อของเขาติดอยู่บนใบปิดหนัง โดยหากวัดจากผลงานที่เขาเคยนั่งแท่นจัดการทรัพยากรด้านการถ่ายทำมาแล้วละก็ จะพบได้ว่าแต่ละเรื่องนั้น มีแนวทางการดำเนินเรื่องราวหรือการวางฉากไคลแม็กซ์ (จุดที่น่าสนใจที่สุด) ที่ยอดเยี่ยม ทรงพลัง และขับส่งอารมณ์ร่วมได้ในระดับสูง ซึ่ง "Prince of Persia" ฉบับภาพยนตร์นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ยังคงออกมาสนุก และเลือกนำจุดเด่นของเกมส์ต้นฉบับมาใช้ได้อย่างลงตัว (แต่น่าเสียดายที่รายรับไม่เยอะเท่าที่ควรเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ได้เห็นข่าวคราวโปรเจคภาคต่อ)

10. Need for Speed (2014)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับเกมส์เป็นอย่างไร? นี่คือซีรีย์เกมส์ที่ตอบโจทย์ผู้ที่อยากหลีกหนีความเบื่อหน่ายในการขับรถบนท้องถนนของโลกแห่งความจริงหรือถวิลหาอดรีนารีนจากความรวดเร็ว นั่นก็เพราะ Need for Speed (ในภาคแรกๆ) ไม่ได้มีหลักฟิสิกส์ที่ซับซ้อน  มาคุมเชิงผู้เล่น และไม่สนใจว่าคุณจะมีทักษะขับรถมากน้อยแค่ไหน มีเพียงสิ่งเดียวที่ตัวเกมส์มอบให้กับผู้เล่นอย่างเถรตรง คือ "ความเร็วสุดทรงพลัง" ที่แม้แต่ช้างสารก็ฉุดไม่อยู่! แต่นอกเหนือจากนี้ ธีมการแข่งรถใต้ดิน เลี่ยงหลบกฎหมายการจับกุมของตำรวจก็เป็นสีสันตลอดมาของซีรีย์       

10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)
10 อันดับภาพยนตร์สร้างจากเกมส์ที่ถือว่าใช้ได้อยู่! (ถ้าไม่คิดอะไรมากอะนะ…)

ฉบับภาพยนตร์เป็นอย่างไร? Need for Speed คือการตักเตือนแฟรนไชส์ Fast and Furious ถึงการไม่ละทิ้งตัวตนของตัวเองที่เคยเป็น เพราะในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนี้ ได้นำเสนอสิ่งที่แฟรนไชส์ที่ว่ามาทำหายไป คือ "ความตื่นเต้นในการช่วงชิงความเป็นหนึ่งบนท้องถนนเป็นหลัก" ทั้งการชิงไหวชิงพริบกันของเหล่ารถยนต์แรงม้าทะยานฟ้า การเลี้ยวเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง และการทิ้งรอยยางจากการบิดคันเร่งเตรียมออกตัว แต่กระนั้นหากใครคาดหวังภาพยนตร์เนื้อเรื่องยอดเยี่ยมหรือน้ำหนักการกระทำของตัวละครแล้วละก็ ลืมเรื่องนี้ไปเสียเถอะครับ… 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0