โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 บทพิสูจน์..ว่าเรารักกันมากพอใช่ไหม

LINE TODAY

เผยแพร่ 21 พ.ค. 2561 เวลา 10.43 น. • Pimpayod

“รัก” คือความห่วงใย เป็นอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสน่หา และความผูกพันอย่างแรงกล้า เป็นความสัมพันธ์ที่หลายคนหวังให้เดินไปอย่างราบรื่น มั่นคง และสุขสมหวัง

แต่เมื่อความรักดำเนินไป กลับไม่ได้มีแค่ “สุข” อย่างเดียว กลับปะปนไปด้วยความระแวงสงสัย ความทุกข์ และความไม่เข้าใจ กลายเป็นเครื่องบั่นทอนความรู้สึกของคนสองคนที่อาจทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป ลองมาใช้ 5 บทพิสูจน์เหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณทั้งคู่ได้เติมเต็มความรักบนความเข้าใจกันให้มากขึ้น

บทที่ 1 ครอบครัว

การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแค่นั้น แต่เป็นเรื่องของสองครอบครัวด้วย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวจะราบรื่นแค่ไหน คุณสองคนเป็นผู้กำหนดด้วยส่วนหนึ่ง ยิ่งครอบครัวขนาดใหญ่ มีทั้งอากง อาม่า อาแป่ะ อาอี๊ ป๊า ม้า น้อง ฯลฯ เป็นขบวน ทั้งคู่มีหน้าที่ต้องเชื่อมโยงคนเหล่านี้เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด สัญชาติอะไรก็ตาม เมื่อมาผูกสัมพันธ์เป็นครอบครัวกันแล้ว ก็ล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น 

วิธีรับมือกับบทพิสูจน์ที่ 1 ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย สิ่งสำคัญอย่างแรกก็คือการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นต้องเรียนรู้ พูดคุย ไปมาหาสู่ และทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แรก ๆ อาจต้องปรับตัวมากสักนิด แต่เมื่อเริ่มคุ้นชินกับครอบครัวของกันและกัน เริ่มรู้บทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ทำความเข้าใจได้ว่าการใช้ชีวิตของแต่ละครอบครัวเป็นอย่างไร กิน-อยู่อย่างไร ทุกอย่างก็จะราบรื่นขึ้น 

อย่าลืมว่าเรื่องแบบนี้แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน จะมาเอาเกณฑ์ของตัวเองเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ การเป็นไผ่ลู่ลม ยังใช้ได้ดีเสมอเมื่อต้องผูกมิตรกับใคร โอนอ่อนผ่อนตาม แต่ไม่ใช่โอนเอียงจนไม่มีความเป็นตัวเอง ทุกอย่างมีตรงกลางที่เหมาะสมที่สุดเสมอ

บทที่ 2 ความต่าง 

บทพิสูจน์ที่เรียกว่าความต่างนี้ มีให้เห็นในคู่รักทุกคู่ ไม่ว่าจะเป็นความต่างในการใช้ชีวิต ทัศนคติ ความชอบ ความสนใจ ฐานะ อายุ การศึกษา ฯลฯ ซึ่งช่วงแรก ๆ คนรักกันมักมองข้ามความต่างนั้นไปได้ แต่ความยากของมันอยู่ที่จะมองข้ามไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะคนส่วนใหญ่มักไม่ได้รับยอมรับความต่าง แต่เป็นการยอมอดทนเพื่อให้มันผ่านไปได้ต่างหาก

วิธีรับมือกับบทพิสูจน์ความต่างนี้ก็คือ การทำความเข้าใจก่อนว่าคนเรามีความแตกต่างกันทั้งนั้น ใช้ชีวิตมาคนละแบบจะให้เหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่แรกรักจนตกลงปลงใจแต่งงาน มักมีเงื่อนเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ความต่างอาจถูกบดบังด้วยความรักและความโหยหา แล้วก็เลยถูกลืม อดทน แต่ไม่ได้ถูกทำให้หายไปแต่อย่างใด

ดังนั้นต้องทำให้แน่ใจว่าความต่างไม่ได้ถูกปิดบังไว้ แต่ถูกทำให้หายไปด้วยพลังแห่งรักและเข้าใจของคุณทั้งคู่ เพราะถ้ามันยังคงอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป อุปสรรคและปัญหาก็จะกลายเป็นปุ๋ยที่ค่อย ๆ เร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้แห่งความต่างให้พัฒนาขึ้น กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนและไม่แน่นแฟ้นเหมือนดังเดิม

บทที่ 3 ความรัก

“ความรักเป็นดอกไม้ชนิดเดียว
ที่เติบโตและผลิบานได้ โดยไม่ต้องพึ่งฤดูกาล”
-คาลิล ยิบราน- (กวีชาวเลบานอน)

สมัยนี้คงไม่มีการแต่งงานที่ปราศจากความรัก แต่ความรักกลับกลายเป็นบทพิสูจน์คนข้างกายบทหนึ่งได้อย่างไร 

คำว่า “รัก” แต่ละคนให้นิยามที่ต่างกัน อย่างที่เนื้อเพลง ๆ หนึ่งบอกไว้ “เพราะรักเกินรัก มักจะทำลาย” อะไรที่สุดโต่งจนเกินไป มักสะท้อนกลับมาในแง่ลบเสมอ “รักมาก” หรือ “รักแรง” ก็ทำให้อีกคนรู้สึกเป็นภาระได้ อย่าทำให้ความรักกลายเป็นเรื่องยากและซับซ้อน เพราะความรักเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่แค่รักกันก็เป็นบทสรุปสั้น ๆ แต่ได้ใจความที่สุดแล้ว

วิธีรับมือกับบทพิสูจน์ที่ 3 ก็คือการหมั่นหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ด้วยคำพูด และการกระทำ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบ่อย แต่ก็อย่าให้ทวงถาม ทำทุกอย่างไปตามความรู้สึก ใช้ “ใจ” เป็นเครื่องนำทาง แล้วมันจะบอกเองว่าเมื่อไรที่คุณรู้สึกรักจนอัดอั้น และอยากจะบอกมันออกไป 

อย่าลืมว่าความรักที่ดีที่สุด ก็คือความรักที่ทำให้คุณกล้าที่จะเปิดเผยทุกสิ่ง กล้าที่จะแบ่งปันเรื่องราวให้ใครอีกคนได้รับรู้ ทั้งความสุขและประสบการณ์อันเจ็บปวด ซึ่งเขาก็พร้อมที่จะฟัง อยู่เคียงข้าง และจูงมือคุณเติบโตไปด้วยกัน

บทที่ 4 ความเชื่อใจ

ความรักที่ปราศจากความเชื่อใจ ก็เหมือนการเดินถอยหลัง เพื่อรอวันที่จะลาจาก 

“ความเชื่อใจ” เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่คนสองคนต้องทำความเข้าใจ ยอมรับและผ่านไปให้ได้ แต่ความเชื่อใจกับการไม่เอาใจใส่เป็นแค่เส้นบาง ๆ คั่นกลาง อย่าทำให้อีกคนสงสัยว่า “เชื่อใจ” หรือ “ปล่อยปละละเลย” แต่ต้องทำให้ความสัมพันธ์ของคุณไม่มีคำถาม เหรียญมีสองด้านเสมอ นี่แหละ..ชีวิต ความรักก็เช่นกัน มีหลายมุมมองเสมอ ขึ้นอยู่กับคุณทั้งคู่ว่าจะนิยามให้เป็นไปรูปแบบไหน

วิธีรับมือกับบทพิสูจน์ของความเชื่อใจก็คือ การรักษาระดับความสัมพันธ์ให้พอดี ไม่ตึงมากไป แต่ก็ไม่หย่อนจนเกินไป ในความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไม่ควรจะมีความสงสัย ไม่ต้องการคำยืนยัน และไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและราบรื่นก็คือการใช้ชีวิตคู่ที่ปราศจากซึ่งความระแวงกันและกัน เพราะรู้สึกได้ถึงความไว้วางใจ ความปลอดภัย จนไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องที่ต่างคนต่างรู้กันดีอยู่แล้ว

บทที่ 5 มิตรภาพ

ในอนาคตความสัมพันธ์ฉันคู่รัก อาจลดน้อยถอยลงได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ต่อจากนั้นก็คือการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เพื่อนที่รู้จักกันในทุกด้านและทุกอย่าง ซึ่งไม่แปลกเลยที่คู่แต่งงานจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน โดยเฉพาะคู่รักที่อยู่กินกันมานาน จากคู่รักกลายเป็นเพื่อนแท้ที่คอยแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ร่วมกัน และพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน

วิธีรับมือกับบทพิสูจน์สุดท้ายนี้ ก็คือการใช้ชีวิตด้วยกันอย่างคนรัก แต่ยังคงรักษามิตรภาพเอาไว้ด้วย เพราะในความสัมพันธ์ของคนรัก มักมีแต่เพียงผู้รับ ไม่มีผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นรับของขวัญ คำแนะนำ คำพูด หรืออะไรก็ตาม แต่ในความเป็นเพื่อน จำเป็นต้องมีทั้งผู้ให้และผู้รับ Give and Take ยังสำคัญเสมอไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน ไม่มีใคร “ให้” ได้ตลอด และไม่มีใครที่ควรเอาแต่ “รับ” อยู่ฝ่ายเดียว

5 ข้อนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าคุณทั้งคู่สามารถรักษาความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ได้ดีแค่ไหน วิธีรับมือกับบทพิสูจน์เหล่านี้ จะช่วยให้คุณได้ปรับตัว ยอมรับ และเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น..

มีความสุขกับความรักนะคะ

ไม่มีใครอยู่บนโลกนี้โดยปราศจากความรัก
และไม่มีใคร ไม่เคยเป็นทุกข์เพราะความรัก
แค่ต้องรักให้เป็น และเข้าใจความรักให้ดี
ถึงจะรักได้อย่างไม่ต้องเป็นทุกข์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0