โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ลูกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร? สาเหตุ วิธีป้องกัน และรักษา

GedGoodLife

เผยแพร่ 01 พ.ย. 2563 เวลา 04.16 น. • Ged Good Life ชีวิตดีดี

ลูกหายใจครืดคราด ทำเอาพ่อแม่นอนไม่หลับ ใจคอไม่ดี วิตกกังวลไปด้วย อาการ “หายใจครืดคราด” อาจมีอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำมูก มีอาการไอ มีเสมหะ หรือ บางคนอาจจะไม่มีอาการอื่น ๆ เลย ซึ่งเป็นเพราะมีสาเหตุต่าง ๆ กันไป อาการหายใจครืดคราดในเด็กเกิดจากสาเหตุใดบ้าง แล้วจะป้องกัน รักษาได้อย่างไร มาดูคำตอบกันเลย

ยาละลายเสมหะ

สาเหตุ และการรักษา ลูกหายใจครืดคราด

- หายใจครืดคราด เพราะแพ้อาหาร

อาการหายใจครืดคราด เป็นหนึ่งในอาการของภูมิแพ้อาหาร การแพ้อาหารมีอาการได้หลายอย่างเช่น หายใจครืดคราด ปากบวม ตาบวม ลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ถ่ายเหลวเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด มีอาการคัดจมูก เนื่องจากเยื่อบุโพรงจมูกบวม หรือมีเสมหะในลำคอ

การรักษา
- ให้ลูกงดอาหารที่สงสัยว่าแพ้ หากสงสัยว่าเป็นอาการภูมิแพ้จากอาหาร อาจจะต้องงดอาหารที่สงสัยว่าแพ้ ประมาณ 4-6 สัปดาห์ แล้วสังเกตอาการหายใจครืดคราดว่าหายไปไหม

- หากเป็นเด็กที่กินนมแม่ แม่ต้องหยุดกินอาหารที่สงสัยว่าแพ้ด้วย เพราะอาหารที่แม่กินอาจส่งผ่านมาทางน้ำนมถึงลูกน้อยได้

- การติดเชื้อทางเดินหายใจ

หากลูกมีอาการหายใจครืดคราด โดยมีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก อาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือ แบคทีเรีย ทำให้มีอาการไข้ มีอาการไอ มีเสมหะในคอ คออักเสบ และเมื่อหายจากเป็นหวัดหรือโรคหลอดลมอักเสบ เด็กอาจจะยังหายใจครืดคราดได้ เพราะเด็กอาจจะระบายเอาเสมหะออกมาได้ไม่หมด จึงทำให้มีเสมหะตกค้าง เกิดอาการหายใจครืดคราดได้ แต่โดยปกติจะหายได้เองประมาณไม่เกิน 2 สัปดาห์

การรักษา
- เคาะปอดระบายเสมหะ
- ดื่มน้ำอุ่นเพื่อช่วยละลายเสมหะที่คั้งค้าง
- กินยาแก้ไอละลายเสมหะสำหรับเด็ก แต่ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

หายใจครืดคราด

- โรคหลอดลมอ่อนตัว (laryngomalacia)

กระดูกอ่อนของหลอดลมยังไม่แข็งแรง เป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดของทารก โดยปกติแล้วกระดูกอ่อนจะช่วยเสริมความแข็งแรงของท่อหลอดลม ทำให้ไม่แฟบแบนขณะมีลมหายใจผ่านเข้าออก แต่จะคงความเป็นท่ออยู่ได้ แต่ทารกบางคนอาจมีการพัฒนาส่วนกระดูกอ่อนช้ากว่าปกติ ดังนั้นเวลาหายใจเข้าออก ท่อหลอดลมจะแฟบทำให้เกิดเสียงครืดคราดในลำคอได้

การรักษา เด็กที่เป็นโรคหลอดลมอ่อนตัว หากไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย มักจะไม่ต้องทำการรักษาอะไร ส่วนใหญ่หายได้เองเมื่ออายุมากขึ้น ประมาณ 1-2 ปี

- ภาวะกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease หรือ GERD)

เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดรอบหลอดอาหารที่อ่อนแรงกว่าปกติ ทำให้นมและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่ท่อหลอดอาหาร หรือย้อนขึ้นมาถึงช่วงคอ ทำให้มีเสียงครืดคราดชัดเจนเวลาดูดนม เกิดได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ รวมถึงทารก

ภาวะกรดไหลย้อนในทารก มักมีอาการของการแหวะนม หงุดหงิดร้องไห้ งอแง รู้สึกไม่สบายตัว กลืนลำบาก มีปัญหาการหายใจ หายใจลำบาก มีเสียงครืดคราด

การรักษา
- เมื่อไปหาหมอ หมอวินิจฉัยโดยการเอ็กซเรย์กลืนแป้งหรือตรวจวัดความเป็นกรดที่หลอดอาหาร
- รักษาด้วยยา แล้วดูการตอบสนองว่าดีขึ้นหรือไม่
- ให้ลูกกินนมอย่างถูกวิธี กินครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆ
- กินนมหรืออาหารแล้ว อย่ารีบนอนราบ ให้รอให้อาหารย่อยก่อน

หายใจครืดคราด

- ดื่มนมมากเกินไป (overfeeding)

เด็กแรกเกิดจนถึง 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่นอกร่างกายแม่ เด็กอาจร้องไห้มากขอดูดนมตลอดเวลา คุณแม่ไม่ทราบว่าร้องไห้เพราะอะไร ก็จะเอานมให้กินทุกครั้ง ผลที่ตามมาคือ ลูกจะมีน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเสียงครืดคราดในคอ เพราะน้ำนมจากกระเพาะล้นขึ้นมาอยู่ที่คอหอย อาเจียนหรือแหวะนมบ่อย

วิธีแก้ไข คือพยายามอย่าให้ลูกกินมากเกินไป ควรเบี่ยงเบนลูกไปทำอย่างอื่นบ้าง เช่น เล่นกับลูก ให้ดูดจุกหลอก หรือแม่ปั๊มนมออกก่อนให้ลูกดูด

- อากาศเย็น อากาศแห้ง

ในบางวันที่อากาศเย็นลง ฝนตก หรือ ตอนนอนเปิดแอร์ ลูกเริ่มหายใจฟึดฟัด มีเสียงหายใจครืดคราดที่เป็นแบบนี้เพราะว่าอากาศที่เย็นและแห้งจะไปกระตุ้นเยื่อบุจมูก ทำให้บว มและหลั่งน้ำมูกออกมา เมื่อน้ำมูกไหลลงไปติดตรงคอหอยเกิดเป็นเสมหะในคอ

วิธีการป้องกัน การรักษา
- ทำให้ร่างกายให้อบอุ่น
- เปิดแอร์ไม่เย็นเกินไป ประมาณ 26-28 องศาเซลเซียส
- เวลานอนไม่ให้แอร์ หรือพัดลมโดนตัวลูกตรง ๆ
- ห่มผ้า หรือใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดเวลานอน

หายใจครืดคราด

- สิ่งแปลกปลอมติดในโพรงจมูก

เด็กวัยกำลังซนอาจจะยังไร้เดียงสา ยิบของชิ้นเล็ก ๆ เช่น ลูกปัด เมล็ดผลไม้ ของเล่น เม็ดยา ยัดเข้ารูจมูกได้ ทำให้มีอาการหายใจครืดคราดเพราะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป และอาจสังเกตอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น มีน้ำมูกไหลข้างเดียว เป็น ๆ หายๆ น้ำมูกมีกลิ่นเนื่องจากมีหนองปน มีเสมหะไหลลงคอ ไอบ่อย ๆ ปวดจมูกหายใจทางปากตลอดเวลา

วิธีการป้องกัน การรักษา
- ห้าม! ใช้มือ คีม หรือเครื่องมือต่าง ๆ คีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาเอง เพราะอาจจะดันสิ่งแปลกปลอมให้หลุดเข้าไปลึกถึงหลอดลมหรือปอด อาจทำให้เสียชีวิตได้

- ใช้มือปิดรูจมูกอีกข้างแล้วสั่งน้ำมูกแรง ๆ เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาเอง ถ้าสั่งน้ำมูกแล้วสิ่งแปลกปลอมไม่หลุดออกมา หรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก ให้รีบไปพบแพทย์ในทันที

- แพทย์จะใช้ที่ส่องหูส่องดูในโพรงจมูก และถ้าเจอจะต้องปรึกษาคุณหมอหู คอ จมูก คีบเอาออกมา

เสียงหายใจครืดคราดของลูก อาจทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์กังวลใจ ซึ่งจะหาทางรักษาได้ ต้องรู้สาเหตุที่แท้จริง คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการต่าง ๆ ของลูก หากอาการหายใจครืดคราดเป็นเรื้อรัง ติดต่อกันนาน ไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาต่อไป

ที่มา: (1) (2) (3)

ถามหมอออนไลน์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…

Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...