อดีตรองเลขาสมช. ชี้เหตุ 3 จังหวัดถี่ยิบ สะท้อนชัด ฝ่ายก่อการใช้ทหารนำการเมืองแล้ว
อดีตรองเลขาสมช. ชี้สัญญาณชัด เหตุ 3 จังหวัดถี่ยิบ ฝ่ายก่อการรุก ใช้ทหารนำการเมืองแล้ว
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ปรึกษา กมธ.ความมั่นคงฯ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงกรณีที่มีเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับมาปะทุรุนแรงต่อเนื่องในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า
ได้เวลาเอาจริงกับ สามจังหวัดชายแดนใต้หรือยัง?
ตั้งแต่กรณีบุกยิงนักการเมืองท้องถิ่นที่ชาวบ้านนิยม ครูสอนศาสนาอิสลามสายเคร่งครัดคัมภีร์แต่ก้าวหน้าชาวบ้านชอบ พระ สามเณร เป้าหมายอ่อนแออย่างคนชราและเด็ก ส่วนตัวได้ออกความเห็นหลายช่องทางแล้วว่าฝ่ายก่อความไม่สงบ (ที่ควรเปลี่ยนเป็นฝ่ายก่อการร้ายหรือฝ่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้แล้ว ไม่ทราบว่ากลัวอะไรนักหนา) ได้เปลี่ยนแนวทางจากการเมืองนำ มาเป็นการทหารนำ
การใช้การทหารนำการเมืองนั้นตีความได้ว่า ฝ่ายรัฐอ่อนแอ ไม่มียุทธศาสตร์อะไรที่ชัดเจน มุ่งการเจรจาที่ไม่มีสาระมากเกินไปจนละเลยการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง
รัฐบาลนี้ก็ไม่มีนโยบายอะไรในเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีทิศทางชัดเจนในวันแถลงนโยบาย ไปอ่านย้อนหลังกันดูได้ จึงกลายเป็นสัญญาณให้หน่วยงานอยู่ไปเรื่อยๆ
ฝ่ายก่อความไม่สงบมีเสรีในการปฏิบัติ คือจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ถูกจับกุมตัว เจ้าหน้าที่รัฐกลัวการออกปฏิบัติการ ประชาชนก็หวาดผวาตาม ไม่ให้ข่าวสารกับภาครัฐ การจับกุมก็เกิดการผิดๆ ถูกๆ เป็นปัญหาเรื้อรัง
รัฐบาลไม่ยอมยื่นรัฐสภาให้รับรองธรรมนูญกรุงโรมเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการสังหารเป้าหมายที่อ่อนแอติดอยู่กับความเชื่อผิดๆ ว่าจะทำให้ทหารไม่สามารถใช้กำลังได้
กรณีที่ตากใบนี้ ฝ่ายก่อเหตุได้แจ้งผ่านเสียงตามสายไปทั้งจังหวัดล่วงหน้าราวสองชั่วโมงให้คนไทยพุทธอยู่แต่ในบ้านเพื่อให้ตนเองเลือกเป้าหมายได้สะดวก
คำถามคือเจ้าหน้าที่ทำไมไม่รู้ ไม่เตรียมตัว หรืออย่างน้อยเมื่อเกิดเหตุจุดใด ก็ไล่ติดตามทัน จับให้ได้ทุกครั้งเมื่อก่อเหตุ ความรุนแรงจะหมดไปเอง การเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังผ่านไปจนแน่ใจว่าคนร้ายถอนตัวออกไปจนหมดแล้วไม่มีประโยชน์อะไร
ความกลัวของเจ้าหน้าที่มาจากไหน แก้ไขได้อย่างไร ความกลัวของชาวบ้านมาจากไหน แก้ได้อย่างไร มีวิธีการอยู่แล้ว
แต่ถ้าปล่อยต่อไป จะขยายตัวเป็นการขัดกันด้วยอาวุธภายในประเทศการใช้อาวุธจะรุนแรงขึ้น
ISIS หมดจากตะวันออกกลางอย่างไร ก็ใช้วิธีนั้น โดยต้องสร้างความเป็นธรรม ผู้บริสุทธิ์ต้องปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นศาสนิกใดก็ตาม
ส่วนตัวยังเห็นว่ากฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึง พ.ร.บ.ความมั่นคง จำเป็นต้องทบทวน และยกเลิกได้ในบางฉบับเมื่อพร้อม อยู่มาเกินยี่สิบปี ถ้าได้ผลควรจบไปนานแล้ว
การพูดคุยสันติภาพจะเห็นได้ว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาโดยตรง การสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ได้จริงๆ เป็นรูปธรรม ด้วยเทคโนโลยีทุกชนิดที่ไม่ต้องพึ่งพากำลังพลให้สิ้นเปลืองเบี้ยเลี้ยงจำนวนมากเช่นปัจจุบันต่างหากจะเป็นต้นทางแห่งความสงบสุขครับ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อดีตรองเลขาสมช. ชี้เหตุ 3 จังหวัดถี่ยิบ สะท้อนชัด ฝ่ายก่อการใช้ทหารนำการเมืองแล้ว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th