ทีมกรุ๊ป แตกไลน์ทำธุรกิจใหม่ จาก บ.ที่ปรึกษาสู่ผู้ทวนสอบคาร์บอนฟุตพรินต์
คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) หรือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วยตลอดวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องรู้ว่า ผลิตภัณฑ์ หรือ องค์กร ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเท่าไหร่
โดยความจำเป็นที่จะต้องรู้ทุกสภาพบังคับทั้งโดยสมัครใจและโดยกฎระเบียบ เพื่อที่จะนำไปสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) หรือ ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนมา ซึ่งนับเป็นขั้นแรกในการนำไปสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อที่จะชะลอปรากฏการณ์โลกร้อนตามเป้าหมายที่กำหนดร่วมกันไว้
โดยกระบวนการที่จะรู้ว่า ผลิตภัณฑ์หรือองค์กร มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับใด และจะปฏิบัติเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงนั้น จำเป็นที่จะต้องมีที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำในการจัดทำคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ส่งผลให้เกิดการประกอบธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดและตรวจนับปริมาณก๊าซเรือนกระจก
ซึ่ง บริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAM GROUP จัดเป็นบริษัทอันดับที่ 14 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบทานการแสดงข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร หรือ Carbon Footprint for Organization (CFO) รายล่าสุดของประเทศ
ธุรกิจใหม่ของ TEAM GROUP
ดร.สุพัฒนา วิชากูล รักษาการกรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจลงทุนนวัตกรรม-หน่วยธุรกิจตรวจสอบและให้การรับรองมาตรฐานของ TEAM GROUP กล่าวถึง ธุรกิจใหม่ของ TEAM GROUP ว่า ได้ตั้งหน่วยธุรกิจตรวจสอบและรับรองมาตรฐานขึ้นเมื่อต้นปี 2567 หลังจากที่ให้บริการเป็นที่ปรึกษาการจัดทำคาร์บอนฟุตพรินต์ในระดับองค์กรมาก่อนหน้านั้น โดย TEAM GROUP ได้อาศัยประสบการณ์จากการเป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของประเทศผ่านโครงการสำคัญ ๆ ทั้งในระดับรัฐบาลและภาคเอกชน
มาเริ่มต้นธุรกิจให้คำแนะนำในเรื่องของคาร์บอนฟุตพรินต์ พร้อมกับขึ้นทะเบียนกับ อบก.เพื่อที่จะได้รับ License เป็นผู้สอบทานการแสดงข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร หรือ CFO ในที่สุด ซึ่งใช้เวลาในการขึ้นทะเบียนกับ อบก.นานถึง 2 ปี
“เฉพาะการขึ้นทะเบียนจริง ๆ เพื่อให้เราได้รับ Certificate ในการรับรองปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร เราจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 14065 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับให้หน่วยตรวจสอบความใช้ได้และหน่วยทวนสอบก๊าซเรือนกระจกนำไปใช้ ทำให้เราต้องปรับกระบวนการภายในหน่วยธุรกิจตรวจสอบ กับ หน่วยธุรกิจให้คำปรึกษา เพราะเราจะไม่รับเป็นผู้สอบทานคาร์บอนฟุตพรินต์ให้กับบริษัทหรือองค์กรที่เราให้คำปรึกษาในการจัดทำหรือลดคาร์บอนฟุตพรินต์มาก่อนหน้านี้ มันต้องแยกออกจากกันเพื่อความเป็นกลาง ความโปร่งใส ในการดำเนินธุรกิจเป็นผู้สอบทาน” ดร.สุพัฒนา กล่าว
บังคับรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์
TEAM GROUP ได้รับ License จาก อบก.ในการเป็นผู้สอบทานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ CFO ใน 8 ธุรกิจ เพื่อรองรับความตื่นตัวขององค์กรในเรื่องของคาร์บอนฟุตพรินต์
ให้บริการ 8 ด้าน สาขาและขอบข่ายการทวนสอบก๊าซเรือนกระจกระดับองค์กร :
- 1.การผลิตพลังงาน และการจัดการพลังงานไฟฟ้า(Power Generation and Electric Power Transactions)
- 2.อุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป(General Manufacturing Industries)
- 3.อุตสาหกรรมการผลิตสารเคมี(Chemical Production)
- 4.การดักจับและเก็บก๊าซเรือนกระจก(Carbon Capture Storage )
- 5.การขนส่ง (Transport)
- 6.การจัดการและกำจัดของเสีย(Waste handling and disposal)
- 7.การเกษตร ป่าไม้ และการใช้ที่ดิน (Agriculture, Forestry and Other Land Use
- 8.กิจกรรมการบริการทั่วไป (General)
ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องทำทั้งจากการถูกบังคับโดยกฎหมายและการทำโดยความสมัครใจ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุพัฒนา กล่าวว่า การถูกบังคับให้ทำคาร์บอนฟุตพรินต์จากกฎระเบียบหรือมาตรการจากประเทศคู่ค้าได้เริ่มดำเนินการแล้ว
จากปัจจุบันที่มีหลายประเทศกำหนดมาตรการนำเข้าสินค้าโดยพิจารณาจาก คาร์บอนฟุตพรินต์ของสินค้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกตัวอย่าง
Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป จะเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้าที่นำเข้าจากประเทศนอก EU ที่ไม่มีมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้มงวดเท่ากับสหภาพยุโรปในปี 2026 กับสินค้าประเภทเหล็ก, อะลูมิเนียม, ปุ๋ย, ซีเมนต์ และ ไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีมาตรการภาคสมัครใจจากประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ที่จะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการสนับสนุนทางด้านการเงินกับอุตสาหกรรม เช่น Climate Change Agreement CCAs ของอังกฤษ, Output-Based Prieing System หรือ OBPS การลดปล่อยก๊าซในอุตสาหกรรมของแคนาดา, Clean Energy Standard หรือ CES ในหลายรัฐของสหรัฐ ไปจนกระทั่งถึง Japan Greenhouse Gas Emissions Reporting and Reduction ที่บังคับองค์กรขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นในรายงานการปล่อยก๊าซ และ Zero Carbon Act ของนิวซีแลนด์
“มาตรการของประเทศคู่ค้าเหล่านี้จะไปบังคับโดยตรงกับองค์กรหรือบริษัทในประเทศของเขา แต่บริษัทไทยก็จะได้รับผลกระทบทางอ้อมที่จะถูกบริษัทคู่ค้าให้รายงานคาร์บอนฟุตพรินต์ทั้งในส่วนของ Product และ องค์กรโดยรวม ไม่อย่างนั้นเราก็จะค้าขายกับเขาไม่ได้ อันนี้เป็นสภาพบังคับจากกฎระเบียบของต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยเรากำลังจะมี พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่บังคับให้ บริษัทนิติบุคคลควบคุม
ซึ่งก็คือ บริษัทที่ใช้พลังงานแยะและมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก ๆ มีหน้าที่ต้องรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์ด้วย ถ้าไม่ทำมีบทปรับ ทำผิดก็ปรับ และถ้าตั้งใจส่งข้อมูลเป็นเท็จก็มีบทลงโทษ เมื่อ พ.ร.บ.ผ่านเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ การสอบทานข้อมูลปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร หรือ CFO จึงเป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องดำเนินการเพื่อให้การรับรองทันที” ดร.สุพัฒนากล่าว
นอกจากนี้ยังรวมไปถึง กฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต.ที่ให้บริษัทใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งใน SET และ mai มากกว่า 900 บริษัทต้อง รายงาน One Report ซึ่ง 1 ใน One Report ที่จะต้องรายงานก็คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ที่จะต้องได้รับการสอบทานข้อมูลองค์กรหรือ CFO จากผู้สอบทานข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์อย่าง บริษัท TEAM และอีก 13 บริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อบก.เช่นกัน
ประโยชน์ของรายงานคาร์บอน
การให้บริการเป็นผู้สอบทานคาร์บอนฟุตพรินต์ในระดับองค์กรให้กับลูกค้าที่ต้องการทราบและรับรองปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังได้รับการรับรองแล้ว ลูกค้าหรือองค์กรจะได้รับใบ Certificate ที่ระบุ “ถ้อยแถลง” ว่า บริษัทหรือองค์กรได้จัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์และ TEAM GROUP ในฐานะผู้สอบทานหรือ CFO ได้ตรวจสอบความถูกต้องเป็นไปตาม ISO 14065 แล้ว
ต่อจากนั้นบริษัทก็จะนำเอาถ้อยแถลงนั้นไปยัง อบก.เพื่อขอ “ฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ระดับองค์กร” เพื่อแจ้งให้กับสาธารณะได้ทราบว่า บริษัทมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่าใด ถ้าปีต่อไปบริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ก็จะได้รับ“ฉลากสีทอง หรือพรีเมี่ยม” อีกด้วย
โดยการสอบทานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องทำปีต่อปี ดังนั้นการดำเนินธุรกิจสอบทานของ TEAM GROUP แม้จะทำรายได้ไม่มากนัก แต่จะเป็นการดำเนินธุรกิจที่มีความสม่ำเสมอ ที่นับวันจะมีลูกค้าเข้ามาขอรับการสอบทานเพิ่มขึ้นตามสภาพบังคับโดยกฎหมายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้าง “ภาพลักษณ์” ขององค์กร ว่ามีส่วนช่วยในการลดโลกร้อนที่ปรากฏอยู่บนตัวผลิตภัณฑ์ได้มากน้อยแค่ไหนด้วย
การขยายงานในอนาคต
นอกเหนือไปจากการเป็นผู้สอบทานข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร หรือผู้สอบทานคาร์บอนฟุตพรินต์ (CFO) ก่อนหน้านี้ หน่วยธุรกิจตรวจสอบและให้การรับรองมาตรฐาน ยังได้ใบรับรองระบบงานเป็นหน่วยงานตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบ (Validation/Verification Body : VVR) ก๊าซเรือนกระจก ISO/IEC 17029:2019 และ ISO 14065:2020 (Greenhouse Gases-Requirement for Greenhouse Gas Validation and Verification Bodies Fort use in Accreditation or other forms Recognition) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
และยังอยู่ระหว่างการขยายขอบข่ายการตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทยขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ตรวจสอบและทวนสอบในโครงการ T-VER ได้ภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
นับเป็นบริษัทไทยเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบและผู้ทวนสอบจากทั้ง อบก. และ สมอ. ของกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นการยืนยันความพร้อมของการดำเนินธุรกิจใหม่ของ TEAM GROUP ในฐานะนิติบุคคลไทยตามมาตรฐานสากลในบทบาทของการเป็น หน่วยงานทวนสอบ (Verification) การรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก หน่วยงานตรวจสอบความใช้ได้ (Validation) โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทีมกรุ๊ป แตกไลน์ทำธุรกิจใหม่ จาก บ.ที่ปรึกษาสู่ผู้ทวนสอบคาร์บอนฟุตพรินต์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net