โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

“เศรษฐา” แถลงใหญ่ล้างหนี้ บี้เจ้าหนี้นอกระบบดอกเบี้ยโหด

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 14 พ.ย. 2566 เวลา 11.36 น. • เผยแพร่ 15 พ.ย. 2566 เวลา 00.34 น.
เศรษฐา ทวีสิน

เปิดอิมแพ็ค เมืองทองธานี แถลงข่าวใหญ่ 8 ธ.ค. ล้างหนี้ทั่วประเทศ “เศรษฐา” กำกับเอง แก้หนี้ครัวเรือน-หนี้นอกระบบ สั่งตำรวจทุกจังหวัด สนธิกำลังนายอำเภอกวาดล้างถึงหมู่บ้าน จับเจ้าหนี้เงินกู้รีดดอกเบี้ยเกินเงินต้น เตรียมเรียกเจ้าหนี้รายใหญ่ถกล้างบัญชีทบต้น-ทบดอก วาง “กิตติรัตน์” ประธานที่ปรึกษานายกฯ สางหนี้ในระบบธุรกิจเอสเอ็มอี-หนี้ครู-นักศึกษา กยศ.-ข้าราชการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ รับโอนลูกหนี้โควิดจากออมสิน-กรุงไทย เผยตัวเลขหนี้ NPL ยุคโควิดพุ่งเฉียด 4 แสนล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นต้นตอของอาชญากรรมด้วย โดยจะเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ซึ่งในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะแถลงข่าวใหญ่เรื่องนี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“มติชนทำโพลมาชัดเจนที่สุดแล้ว คือ เรื่องหนี้ เพราะเป็นปัญหา เป็นต้นตอของอาชญากรรม เป็นต้นตอของยาเสพติด ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องกำกับดูแลอย่างจริง ๆ จัง ๆ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เรียกเจ้าหนี้เคลียร์ดอกแพงสั่งจับ

สำหรับเรื่องแก้หนี้ในระบบ อย่างหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการแก้ปัญหา ขณะที่หนี้นอกระบบ ก็เป็นปัญหาใหญ่ ดอกเบี้ยเดือนละ10-15% ซึ่งไม่ถึงปี ดอกเบี้ยก็ทบต้นไปแล้ว ดังนั้น ต้องใช้กลไกระดับอำเภอเข้าไปจัดการ คือ ผู้กำกับการตำรวจในแต่ละพื้นที่ และนายอำเภอ ซึ่งจะต้องมีการเรียกเจ้าหนี้รายใหญ่กับลูกหนี้มาเคลียร์กัน และต้องมี KPI วัดผลการทำงานด้วย โดยตนจะดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“ต้องเรียกเจ้าหนี้รายใหญ่กับลูกหนี้มาเคลียร์กัน อย่างเช่นเป็นหนี้อยู่ 1 แสนบาท 3 ปีจ่ายไปแล้ว 4 แสนบาท รวมดอกด้วย ดูแล้วก็ไม่ควรที่จะต้องจ่ายถึง 4 แสนบาท เพราะดอกเบี้ยตามกฎหมาย มันไม่ถึง ยังไม่ถึงจำนวนนั้น แสดงชัดเจนว่า มีการคิดดอกเบี้ยแพงเกินไป ก็เลิกไปเถอะ ให้จบ ๆ ไป ไม่งั้นผมจับคุณ โครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.นี้เลย ในการให้ผู้กำกับ กับนายอำเภอลงไปจัดการ”

ตั้ง AMC รับโอนหนี้เสียโควิด

นายเศรษฐากล่าวว่า ขณะที่หนี้ของผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี จะมีการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ขึ้นมา เพื่อจะบริหารจัดการหนี้รหัส 21 (หนี้เสียที่เกิดขึ้นจากช่วงสถานการณ์โควิด-19) ซึ่งเรื่องนี้มอบหมายให้นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง เป็นผู้รับผิดชอบ โดยเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณา ว่าจะครอบคลุมหนี้ของธนาคารพาณิชย์ด้วยหรือไม่ แต่เฉพาะหนี้ของธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ก็มีพอสมควร

“หนี้ครูก็กำลังคิดหาวิธีจัดการอยู่ คือ ดูทุก ๆ ภาคส่วน อย่างเช่นธุรกิจเอสเอ็มอี
ที่ประสบปัญหา ก็ต้องตั้ง AMC ขึ้นมารับหนี้ ซึ่งเรื่องนี้ รมช.คลังทำอยู่” นายเศรษฐากล่าว

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวยอมรับว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้รับผิดชอบเรื่องการแก้ปัญหาหนี้รหัส 21 ที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โรคโควิดระบาด ตั้งแต่ 2563 ซึ่งอาจจะต้องตั้ง AMC ขึ้นมารับหนี้ไปบริหาร

เกษตรกรลุ้นพักหนี้เกิน 3 แสน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เรื่องแก้ปัญหาหนี้เป็นเรื่องใหญ่ โดยจะมีหลายส่วนรับผิดชอบ สำหรับตนรับผิดชอบในส่วนที่เป็นการพักหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการพักหนี้เกษตรกรไปแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายขอบเขตเกษตรกรที่จะได้รับการพักหนี้ รวมถึงกำลังดำเนินการเรื่องพักหนี้ให้กับเอสเอ็มอี โดยโจทย์ที่ได้มา ก็คือ การแก้ปัญหาให้ลูกหนี้รหัส 21 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา

“ผมจะดูเรื่องพักหนี้ ซึ่งในส่วนของเกษตรกร กำลังพิจารณาว่าจะขยายให้กับเกษตรกรที่มีหนี้เกิน 3 แสนบาทเพิ่มเติมด้วย” นายจุลพันธ์กล่าว

ลูกหนี้โควิดพุ่ง 4.9 ล้านบัญชี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) อัพเดตจนถึง ณ เดือน มิ.ย. 2566 พบว่า ภาพรวมบัญชีบุคคลธรรมดา ที่มีรหัสสถานะบัญชี 21 (ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19) ซึ่งเป็นสินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน (NPL) มีจำนวนบัญชีอยู่ที่ 4.9 ล้านบัญชี ปรับเพิ่มขึ้น 5 แสนบัญชี จากเดือน มี.ค. 2566 อยู่ที่ 4.4 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ราว 2 แสนบัญชี

ขณะที่จำนวนเม็ดเงิน พบว่า ณ เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 6 หมื่นล้านบาท จากเดือน มี.ค. อยู่ที่ 3.1 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจราว 3.6 หมื่นล้านบาท และจำนวนลูกหนี้ปรับเพิ่มขึ้นราว 3 แสนราย จาก 3.1 ล้านคน เป็น 3.4 ล้านคน

ทั้งนี้ หากดูสัดส่วนลูกหนี้รหัส 21 ปัจจุบันอยู่กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ประมาณ 60% ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือน็อนแบงก์ 18% บริษัทเช่าซื้อ 13% และอีก 10% อยู่กับธนาคารพาณิชย์

กฎหมายใหม่ลดหนี้ กยศ.

ขณะที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า หนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับเกิน 90% ของ GDP สร้างความกังวลให้นักลงทุน เพราะมีสัดส่วนที่สูงและสะสมมานาน ดังนั้น จึงถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งจัดการ ทั้งหนี้ กยศ. หนี้ตำรวจ หนี้ครู รวมถึงหนี้ข้าราชการอื่น ๆ ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการภายใต้กฎหมายที่กำหนด

โดยในส่วนการแก้หนี้ กยศ. จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกองทุน กยศ.ฉบับใหม่ ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ซึ่งมีการกำหนดเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม และคำนวณภาระหนี้สินย้อนหลังด้วย จะทำให้ลูกหนี้หลายคนหมดหนี้ หรือแม้แต่คนที่ชำระไปแล้ว บางคนอาจจะได้เงินคืนด้วย

“การคำนวณหนี้สินแบบใหม่ ในอัตราดอกเบี้ยใหม่ ที่กฎหมายให้มีผลย้อนหลังในการคำนวณหนี้ มูลหนี้คงค้างจะเหลือประมาณ 50% เท่านั้น” นายกิตติรัตน์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...