3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน
#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าสหรัฐเสี่ยงมากขึ้น หลังทรัมป์ต้องการร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลให้ผ่านสภาคองเกรส การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้น 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างความกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้น, การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกังวลต่อความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาล ซึ่งอาจนำมาสู่ภาวะ “Stagflation หรือ Recession” ในระยะถัดมา
-ขณะที่การค้าโลกยังจ่อสะดุด หลังทรัมป์จะใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่เคยประกาศไปก่อนหน้ากับประเทศคู่ค้าที่ไม่มีการเจรจาข้อตกลงการค้าอย่างซื่อตรง โดยเฉพาะ 18 ประเทศคู่ค้าที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด รวมถึงไทย
-คืนนี้จับตาสหรัฐฯ จำนวนคนยืนขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก Consensus คาดเพิ่ม 230,000 ตำแหน่ง และ PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. คาดชะลอเหลือ 49.9 แต่ PMI ภาคบริการยังคงมีการขยายตัวสู่ระดับ 51 หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดจะเพิ่มน้ำหนักการปรับลงดอกเบี้ยของ เฟดรอบ ก.ย. เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ 51.3%
-วันนี้เวลา 13:30 น. รอผลศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกรณีโครงการรับจำนำข้าว หากศาลพิพากษาให้ไม่ต้องชดใช้ อาจส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นของ Fund Flow และลดแรงกดดันทางการเมืองในระยะสั้น หนุน SET INDEX เกิด Technical Rebound สู่แนวต้านกรอบบน 30 นาที 1195 จุด หลังเช้าที่ผ่านมาเปิดไม่หลุด 1170-1175 จุดคงการคลายตัว Invert Head & Shoulders และไม่เสี่ยงไหลลึกสู่ฐาน 1,160-1,165 จุด แต่หากออกมาต้องชดใช้หรืออื่นใดในทางลบ จะดึง SET INDEX หลุด 1,170 จุด
บล.เอเอสแอล ระบุว่าดัชนีช่วงเช้าปรับตัวออกข้าง ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา และเริ่มเห็นการปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยที่อาจเริ่มต่ำกว่า 1,000 จุด หากการเจรจาการค้าสหรัฐกับไทย ยังไม่คืบหน้า รวมถึงปัจจัยทางการเมืองที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ติดตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศเป็น Sentiment เชิงลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนความกังวลของตลาดต่อความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะ และภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่ยืดเยื้อ ด้าน Dollar Index อ่อนค่าลงรวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตัวลงจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ หลังสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์สะท้อนอุปสงค์พลังงานที่อ่อนแอลง เป็นปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงาน
กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีปรับตัวออกข้าง พักฐานราคาแนวรับ 1,170 จุดไม่ควรต่ำกว่า
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีเคลื่อนไหว Sideways ออกข้าง โดยนักลงทุนมีความกังวลว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น คาดภาคบ่ายมองกรอบดัชนี 1,185-1,200 จุด
ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อย เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวลงราว 1.6% จากความกังวลหนี้สินของรัฐบาลหรัฐ ทำให้ Bond Yield สหรัฐปรับตัวขึ้น มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนกลุ่มการแพทย์เผชิญแรงขาย ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,178.04 จุด ลบ 1.77 จุด หรือ 0.15% มีมูลค่าการซื้อขาย 20,382 ล้านบาท