คนเราจะรู้สึกว่าตัวเองทำบาปทำกรรมกันชัดๆ ก็เมื่อทำอะไรลงไปแล้วแสลงความรู้สึกอย่างแรง หรือรู้สึกผิดฝังจำข้ามปี เช่น นึกถึงภาพพ่อแม่นั่งจ๋อย ภาพแววตาผิดหวังเสียใจของพวกท่าน หรือกระทั่งภาพพวกท่านร้องไห้จากความเจ็บปวดรุนแรงเพราะเรา
ความรู้สึกผิดเกี่ยวกับพ่อแม่ ชนิดที่ฝังใจข้ามปีนั้น ลบล้างกันไม่ได้ด้วยข้ออ้างที่สรรคิดขึ้นมา ในเมื่อมันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ก้าวข้ามเหตุผลไปไกล ต่อให้แน่ใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ยุติธรรม ๑๐๐% จริงๆ ภาพพ่อแม่ร้องให้เสียใจ ก็ใหญ่เกินหลักฐานทั้งโลกที่นำมาเอ่ยอ้างพิสูจน์ถูกผิดกัน ที่เหลือก็แค่สงสัยไม่เลิกว่า ‘ฉันเลวแค่ไหน’ หรือ ‘มันบาปหนักเพียงใด’ เท่านั้น
เพื่อถอดถอน หรืออย่างน้อยบรรเทาความรู้สึกแย่ๆ ตลอดจนสามารถนำไปแยกแยะกับตัวเองได้ถูกในอนาคตว่า คุณทำบาปหรือทำบุญกันแน่ ในแต่ละครั้งที่ขัดแย้งกับพ่อแม่ ให้ตั้งโจทย์เพื่อสำรวจคำตอบเป็นข้อๆ ดังนี้
• ต้องคิดอย่างเดียวกับที่พ่อแม่คิดไปทุกเรื่องไหม?
ต้องตอบว่าไม่จำเป็น เพราะถ้าพ่อแม่คิดผิด คิดในทางเบียดเบียน คิดในทางคุมแค้นอาฆาต หรือคิดในทางใดๆที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็เหมือนเห็นท่านหลงเข้าป่ารกแล้วไม่หาทางช่วยพาตัวออกมา
เคยมีผู้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ตอบแทนพระคุณพ่อแม่อย่างไร จึงได้ชื่อว่าสมน้ำสมเนื้อ พระศาสดาตรัสตอบว่า เปลี่ยนมิจฉาทิฏฐิของพ่อแม่ให้กลายเป็นสัมมาทิฏฐินั่นแหละ สมน้ำสมเนื้อ ช่วยให้พวกท่านหันมาตั้งมั่นศรัทธาในธรรมอันชอบ ตั้งมั่นในการให้ทาน ตั้งมั่นในการรักษาศีล
ซึ่งเท่ากับให้ที่พึ่งที่แท้จริงแก่ท่าน นั่นแหละ จึงได้ชื่อว่าตอบแทน สมกันกับน้ำเลือด สมกันกับเนื้อหนังที่พวกท่านให้เรามา การตอบแทนชนิดอื่นนั้น แม้แบกขึ้นบ่าร้อยปีไม่วางลง ก็ยังคงไม่อาจเทียบเท่าพระคุณท่านได้เลย
เอาเป็นว่า ความคิดบางอย่างที่ขัดแย้งกันกับพ่อแม่ นอกจากจะไม่เป็นบาปแล้ว ยังอาจเป็นบุญขั้นสุดได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคิดต่างแล้วสามารถโน้มน้าว เปลี่ยนใจท่านให้มาถูกได้ แต่ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า อย่าคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเสมอไป ฝ่ายถูกต้องมีหลักฐานยืนยันอันดีงามประกอบด้วย ไม่ใช่ ‘ถูกแน่ๆ’ แต่ไม่มีเครื่องชี้หรือใบรับประกันอะไรเลย
• ต้องเชื่อทุกคำที่พ่อแม่สั่งไหม?
ต้องตอบว่าไม่จำเป็น อย่างที่เห็นกันแต่ต้นวัย ก็เช่น กะเกณฑ์ให้ลูกเรียนคณะนั้นคณะนี้ จะไม่ตามใจก็ลำบาก เพราะคนออกทุนคือพ่อแม่ อันนี้ถ้าเด็ดเดี่ยวหน่อย รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือถนัดด้านไหนจริงๆ จะนำไปสู่อาชีพการงานตามใจรักได้จริงๆ ก็ต้องหาเงิน หาทุนเรียนเอง เพื่อความไม่กระอักกระอ่วนใจกับทุกฝ่าย
คำสั่งที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตามเช่นกัน เป็นต้นว่า ตอนต้องเลือกตั้ง หลายคนมักถูกบังคับให้เลือกตั้งเฉพาะพรรคหรือบุคคลที่เจ้าบ้านต้องการ เลือกเสร็จถามจี้ด้วยว่า เลือกใคร เลือกตามที่สั่งหรือเปล่า ถ้าไม่ทำตามก็เกิดเรื่อง นี่แหละคนเรา ปากบอกเป็นประชาธิปไตย แต่หัวใจเป็นเผด็จการ
หากคุณพิจารณาแล้วว่าเป็นสิทธิ์เฉพาะตน ถึงมีสิทธิ์เลือกทำตามที่ตัวเองต้องการ แม้เกิดมลทินทางใจบ้าง ก็ไม่นับเป็นบาปอันเกิดจากเจตนาทำร้ายจิตใจท่าน เพราะจริงๆแล้วคือท่านทำร้ายจิตใจตัวเองต่างหาก
คำสั่งประเภทต้องเดือดร้อนกับชีวิตคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็อย่าไปเอาบาปร่วมกับท่าน เช่น ท่านสั่งให้มีลูก ทั้งที่คุณยังไม่พร้อมจะมี หรือคุณไม่อยากมีเอามากๆ รู้เลยว่ามันไม่ถูกเลย ที่ลูกออกมาจะต้องรับเคราะห์ ต้องเศร้าสร้อยกับความไม่อยากรับผิดชอบของคุณ เพียงเพื่อสนองตอบความอยากอุ้มหลานของปู่ย่า
หนักสุดก็ประเภทสั่งให้ลูกขายตัว เอาเงินมาปรนเปรอพ่อแม่ อันนับเป็นหนึ่งในความโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำต่อมนุษย์ได้ หากใครว่าควรตามใจพ่อแม่เอาบุญ ไม่ต้องแคร์แม้ต้องเอาชีวิตเข้าทุ่ม ก็ต้องทบทวนว่า เรามีส่วนช่วยให้ท่านทำบาปใหญ่ด้วยการ ‘ขายลูกกิน’ สำเร็จ อันเป็นเหตุให้ท่านต้องไปเกิดใหม่กับคนขายลูกกินหรือเปล่า?
• ต้องไม่มีโทสะทุกครั้งที่ขัดแย้งไหม?
ต้องตอบว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ที่ใครจะแปลงร่างเป็นพระอิฐพระปูนได้ขนาดนั้น เพราะธรรมดามนุษย์เมื่อเจอเรื่องกระทบกระทั่ง ก็ต้องขัดเคืองใจเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ การปล่อยรังสีอำมหิต หรือแม้แต่การลุแก่โทสะ เผลอขึ้นเสียงตวาดในเรื่องหนักๆ เป็นที่ต้องเกิดขึ้นบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
ความแตกต่างอยู่ตรงนี้ ถ้าปล่อยใจตัวเองให้อาละวาดกับพ่อแม่ไปเรื่อยๆ คุณจะพบว่า ผลกรรมทันตาคือทำตัวเองให้ทุกข์ร้อน ด้วยการกลายเป็นคนโกรธง่ายหายช้า กระทั่งพบกับหายนะทางวิญญาณได้ในวันหนึ่ง
แต่หากตั้งใจฝึกลดโทสะกับพ่อแม่ คุณจะได้แหล่งเพิ่มขันติธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งมีขันติได้ดีขึ้นเท่าไร คุณจะยิ่งรู้สึกว่าจิตใจเข้มแข็ง ควบคุมตัวเองเก่ง และโกรธยากหายเร็วขึ้นเท่านั้น นี่คือ ‘กรรมทันตา’ เห็นๆกันชนิดหนึ่ง
• ต้องมีเจตนาดีกับพ่อแม่เสมอไหม?
ต้องตอบว่า ควรดี ควรฝึกตัวเองให้ฉลาดในทางหวังดีกับพ่อแม่เพิ่มขึ้นเสมอ เพราะตามหลักกรรมวิบากนั้น เมื่อทะเลาะกัน ทุ่มโทสะใส่กัน ใครจะถูกใครจะผิด ก็เกิดบาปเกิดเวรขึ้นมาด้วยกันทั้งคู่ แต่อย่างไรฝ่ายลูกก็ต้องเสียเปรียบวันยังค่ำ
ขอเปรียบเทียบกับการฆ่าแกงกัน ถ้าพ่อแม่ฆ่าลูกสิบคนแล้วสำนึกได้ หันมาช่วยผู้คนมากมาย ทำนุบำรุงพระศาสนาให้รุ่งเรือง ทำสมาธิเจริญสติเต็มที่ กระทั่งปริมาณบุญมหาศาลปานน้ำตุ่มทำละลายเกลือก้อนเดียวจนหมดรสเค็ม อย่างนี้ก็ยังมีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์ มีสิทธิ์ได้พบนิพพานไหวอยู่
แต่หากลูกฆ่าพ่อหรือแม่เพียงคนเดียว เรียกว่าเป็นอนันตริยกรรม ไม่มีทางพบสวรรค์นิพพาน แม้ทำดีชดใช้สักแค่ไหน ช่วยใครต่อใครให้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นได้กี่ล้านคนก็ตาม อย่างไรก็ต้องไปเสวยผลของอนันตริยกรรมในนรกก่อน เหมือนเช่นที่พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพระบิดา
แม้ภายหลังสำนึกผิด คิดอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่เกินใคร ในที่สุดก็ไปสู่นรกอยู่ดี ก่อนจะได้มีสิทธิ์เกิดใหม่เยี่ยงผู้มีบุญญาธิการใหญ่ในภายหลัง นั่นเพราะพ่อแม่เปรียบเสมือนรากของลูก เมื่อลูกขุดรากถอนโคนตัวเองทิ้ง ก็ไม่มีสิทธิ์หาความเจริญเอาจากไหนอีก
เห็นภาพใหญ่เช่นนั้น คงย้อนกลับมามองเห็นภาพเล็กง่ายขึ้น เมื่อพ่อแม่ลูกทะเลาะกัน คนซวยสุดก็คือลูกอยู่นั่นเอง ฉะนั้น เอาเครื่องประกันเป็นเจตนาดีไว้ก่อน กล่าวคือ ถ้ามั่นใจว่า รู้ดีจริงๆ เจตนาดีจริงๆ แม้ก่อความขัดเคืองให้ท่านบ้าง ก็ไม่เกิดบาปเกิดกรรมอะไรนัก แต่หากเจตนาไม่ดี ต่อให้ท่านรื่นเริงใจ อย่างไรก็บาปหนักวันยังค่ำ
สรุปแล้ว การอยู่ร่วมกัน จะให้เกิดแต่สัมพันธ์ทางใจใสสะอาดตลอดศกนั้น คงเป็นเรื่องเหลือวิสัย แต่ถ้าทำไว้ในใจว่าเจอหน้าท่าน คือเจอแบบฝึกหัดทำยากที่สุดในชีวิต ผ่านได้ก็ถือว่าสอบผ่านการเอาชีวิตรอดจากนรกเช่นกัน คิดอย่างนี้ เอาจริงในทิศทางนี้ คุณจะไม่มีโอกาสร่วงหล่นลงเหวนรกเหมือนหลายๆคนเลย!
ความเห็น 21
อุ้ม🍋🟩manow
ต้องขอบคุณพ่อแม่มากๆๆที่สุด ที่บอกให้เรามีลูก ตอนแรกพอแต่งงานแล้วก็เฉยๆนะ มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร พอมีปั๊บ โอ้โห! รู้สึกเลยว่ามีความสุขมากๆ ชีวิตมั่นคง เป็นหลักเป็นฐาน จนแอบเสียใจนิดๆว่าเรามัวแต่เอาเวลาไปไร้สาระอะไรตั้งนาน มัวแต่บ้างาน บ้าเที่ยว บ้าเพื่อน ใช้เงินไปเรื่อยๆ ทั้งที่อายุก็เลข 3 แล้ว พอมีลูกปั๊บ มีแผนการเงินที่ชัดเจน เริ่มหาความรู้ด้านการเงินอย่างจริงจัง จนรู้สึกว่าถ้าตอนเป็นโสดทำแบบนี้คงรวยไปนานแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนเค้าถึงรู้ดี
28 เม.ย. 2562 เวลา 09.40 น.
ถ้าว่าบาป คงปาบทุกคนเลยละ เพราะคงไม่มีใคร ที่ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ เชื่อว่า ต้องผ่านจุดนี้ทุกคน แต่เราสามารถเรียนรู้และแก้ไขไปด้วยกัน แต่อย่าได้ใช้คำพูดหยาบคายกับท่านเด็ดขาด อันนี้จะตกนรก ท่านด่าถือว่าท่านให้พร คิดแบบ
นี้ แต่เราห้ามโต้ตอบกลับ นิ่งไว้ๆ
28 เม.ย. 2562 เวลา 12.27 น.
Ann Pawadee
ต้องดูเป็นเรื่องๆไปมั้ย เช่นพ่อแม่อยากให้เราเป็นหมอ แต่เราไม่ได้เป็นหมอแต่ก็มรอาชีพการงานอย่างอื่นทีาดีในระดับนึง อยากนี้ไม่น่สเป็นไรนะคะ แต่ถ้าเราเป็นโจร อันนี้อีกเรื่อง
28 เม.ย. 2562 เวลา 12.25 น.
บิวครับ🐼
มันอยู่ ที่ เวร กรรม ครับ
28 เม.ย. 2562 เวลา 13.03 น.
Ohayo!
บาปหรือไม่ เจตนาเป็นตัวกำหนด บางทีอาจเป็นเวรเป็นกรรมที่ต้องมาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีปากเสียง มีความขัดแย้งกัน ระหว่างพ่อแม่ก็ดี ลูกกับพ่อแม่ก็ดี ไม่มีลูกคนใดอยากทำให้พ่อแม่เสียใจหรอก ทุกคนปรารถนาความดีงามด้วยกันทั้งนั้น แต่หากพ่อแม่ ถือตนเป็นใหญ่ เป็นมิจฉาทิฏฐิ แบบนี้ก็ไม่ไหวใช้ใช้เราทำงานไม่ดูสังขารเราเลย ไม่เคยถามว่าเราไหวไหม เราเหนื่อยหรือเปล่า เจอแบบนี้มันท้อเหลือเกิน ชีวิตช่างน่าเศร้า ท่านจะทำงานนอกบ้านเป็นเลิศเพียงใด ก็ไม่สามารถเอามาเทียบกับความล้มเหลวในครอบครัวได้😢
29 เม.ย. 2562 เวลา 00.14 น.
ดูทั้งหมด