โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

4 พฤติกรรมต้องห้าม ถ้าไม่อยากแก่แบบกะโหลกกะลา

LINE TODAY

เผยแพร่ 06 ก.พ. 2563 เวลา 06.27 น.

รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมน่าหงุดหงิดใจของคนแก่ที่เห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่นิสัยที่เป็นมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มสาว แต่ส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมที่เพิ่งมาทำเมื่อยามแก่ ส่วนหนึ่งมาจากความเสื่อมถอยของสภาพร่างกายและจิตใจ การคิดว่าตัวเองเป็นภาระ และการไม่ได้รับการเอาใจใส่ ดูแลเท่าที่ควร

พฤติกรรมเหล่านี้มักทำให้ลูกหลาน คนใกล้ตัวหงุดหงิด รำคาญ เป็นความสูงวัยที่เรียกว่าแก่แบบกะโหลกกะลา หรือแก่แบบไม่มีคุณค่า ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ลูกหลานบอกว่ารับมือยากที่สุด เพราะจะปล่อยไปก็ไม่ได้ จะอยู่ใกล้ก็วางตัวลำบาก แถมคนแก่เองก็ไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมเหล่านี้ ดังนั้นมาเช็กกันหน่อยดีกว่าแก่แบบไหนคือแก่แบบกะโหลกกะลา ไม่มีคุณภาพ และเมื่อรู้แล้ว..ก็อย่าแก่ไปแบบนี้เด็ดขาด

1. เอาแต่ใจตัวเอง บ้าอำนาจ

คนแก่เอาแต่ใจแถมบ้าอำนาจดูไม่ค่อยน่าเข้าใกล้ซักเท่าไหร่ บ้านไหนมีคนแก่แบบนี้ดูท่าจะอยู่ด้วยกันยาก แต่ที่คนแก่มักเอาแต่ใจ และเผลอ ๆ ก็บ้าอำนาจด้วย มันมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะอารมณ์ที่แปรปรวนอันเนื่องมาจากความชราของวัยนั่นเอง

สำหรับคนเป็นลูกหลานต้องใช้ความเข้าใจให้มาก ๆ เอาใจท่าน มาใส่ใจเรา ของแบบนี้มันมีเหตุผลเสมอ เราแค่ต้องเข้าใจ ให้ความสนใจ ให้ความเคารพอย่างเดิม เพราะคนแก่มักเข้าใจไปเองว่าพอแก่อาจจะถูกทอดทิ้งหรือไม่มีใครให้ความเคารพยำเกรง ทำให้ท่านแสดงพลังอำนาจเกินความจำเป็น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเพราะลูกหลานเองที่เผลอไปแสดงพฤติกรรมให้ท่านคิดไปอย่างนั้น ดังนั้นความเข้าใจและการเอาใจใส่สำคัญมาก โดยเฉพาะกับญาติผู้ใหญ่ในบ้าน

ส่วนผู้ใหญ่เองก็ใช่ว่าจะไม่ต้องปรับตัว อยากเป็นคนแก่ที่น่ารักก็ต้องทำตัวให้น่ารัก พอเราแก่ ลูกหลานก็โต เค้าก็มีความคิดของเค้าเอง ไม่ใช่เรื่องที่เราจะแสดงอำนาจเกินความจำเป็น ถ้าเห็นว่าอะไรไม่เข้าที่เข้าทางก็แค่แสดงความคิดเห็น ปล่อยให้เค้าได้คิด ได้เติบโต ได้บทเรียนในแบบของเค้า ส่วนเราในฐานะคนสูงวัยก็เรียนรู้และยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปเรื่อย ๆ

2. เรียกร้องความสนใจ

คนทุกคนต้องการความรัก ความเอาใจใส่ การดูแลจากคนรอบข้างด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่เฉพาะแต่ผู้สูงอายุที่ชอบเรียกร้องความสนใจ แต่คนวัยไหนก็เป็นได้ และถ้าบังเอิญที่บ้านมีคนสูงวัยที่ชอบเรียกร้องความสนใจ ขอให้ระลึกไว้เลยว่าเหตุเกิดจากตัวลูกหลานเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะท่านขาดการดูแลเอาใจใส่ การปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุจำเป็นต้องเรียกร้องความสนใจเพื่อให้คนใกล้ชิดหันมาใส่ใจ

แม้พวกท่านจะเข้าใจว่าลูกหลานต้องทำงาน หาเงิน หาเช้ากินค่ำ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับคนแก่ที่บ้าน แต่เข้าใจกับการยอมรับเป็นคนละเรื่องกัน เพราะผู้สูงอายุมีกิจกรรมน้อย มีเวลาว่างเยอะ แถมยังไม่มีเพื่อนแก้เหงา ทำให้คิดมากและเกิดอาการเครียดจนรู้สึกว่าไม่มีใครรัก ไม่มีคนสนใจ เป็นเหตุให้ต้องเรียกร้องจนเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ลูกหลานรำคาญ ไม่อยากเข้าใกล้มากขึ้น กลายเป็นช่องว่างระหว่างกันที่ไม่มีวันเติมเต็ม

เรื่องแบบนี้จะว่าเป็นเรื่องปกติก็ได้ สิ่งที่ลูกหลานต้องทำก่อนเป็นอย่างแรกก็คือ ทำความเข้าใจธรรมชาติของผู้สูงอายุเสียก่อน ว่าท่านทำไมถึงคิดแบบนั้น เป็นแบบนั้น ถ้าเข้าใจก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เพราะสาเหตุของการเรียกร้องความสนใจของผู้สูงอายุแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนละบ้านก็คนละแบบ เราต้องทำความเข้าใจญาติผู้ใหญ่ของตัวเองว่าเหตุที่ท่านเรียกร้องนั้น เกิดจากอะไร และท่านเรียกร้องอะไร อยากได้ความสนใจแบบไหน อย่างไร โดยอาจพูดคุยกันอย่างเปิดอกไปเลยก็ได้ หรืออีกวิธีก็คือหากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ จะเป็นกิจกรรมในบ้าน อย่างทำกับข้าว เล่นเกม หรืออะไรก็ได้

ส่วนตัวผู้สูงอายุเองก็ต้องทำความเข้าใจเช่นกัน เพราะแต่ละคนมีความจำเป็นกันคนละอย่าง ลูกหลานไม่ได้ละเลยหรือไม่สนใจ แต่เพราะเค้ามีชีวิต หน้าที่การงานบางอย่างที่ต้องทำ เราเองก็ต้องปรับตัว ปรับความคิด ลองหางานหรืออะไรที่สนใจทำด้วยตัวเอง ความแก่เป็นเพียงแค่ข้อจำกัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เดี๋ยวนี้มีงานหรือกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุมากมาย ยิ่งถ้าได้เพื่อนวัยเดียวกันที่สามารถไปไหนไปกันได้ พฤติกรรมการเรียกร้องความสนใจของคุณจะหายไปทันที

3. ปากร้าย ขี้โมโห

สมัยยังหนุ่ม ๆ สาว ๆ ไม่เคยปากร้าย ขี้โมโห แต่พอแก่ปุ๊บ ปากไว โมโหร้ายขึ้นมาทันที เหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะร่างกายกับจิตใจมันไม่ค่อยสัมพันธ์กัน คือใจยังคงความเป็นหนุ่มสาว แต่ร่างกายดันแก่ ถดถอย ทำอะไรก็ไม่ค่อยคล่องตัว พาลให้หงุดหงิดที่ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจ สุดท้ายความหงุดหงิดก็เลยก่อตัวเป็นความขี้โมโห ปากร้าย ด่าเก่งขึ้นมาแทน

สำหรับลูกหลาน คนใกล้ชิดต้องทำความเข้าใจเลยว่าเจอคนแก่ปากร้าย ขี้โมโห สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวเลยก็คือ ‘ทำใจ’ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเค้าได้เลย เพราะถ้ายิ่งห้าม ยิ่งว่าเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟแห่งโมหะให้ทวีความรุนแรงขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แสดงความห่วงใย ทำดีด้วยเสมอ ยอมให้เสมอ เพื่อให้ท่านอารมณ์ที่ดี ตัวเราเองก็ได้ฝึกการมองในแง่ดีด้วย

ส่วนผู้สูงอายุก็ต้องรู้จักพิจารณาอารมณ์ตัวเอง ปากร้ายได้ ขี้โมโหก็ได้ ถ้ายังมีลูกหลานเป็นห่วงดูแล แต่ถ้าปากร้าย ด่าเก่ง โมโหเก่งแต่ไร้คนดูแล ก็ไม่ค่อยสนุกซักเท่าไหร่ วิธีที่ดีที่สุดคือลองหากิจกรรมที่ตัวเองสนใจมาทำเล่น ๆ หรือจริงจังก็ได้ วิธีนี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่อยู่ในใจลึก ๆ ของคนสูงวัยได้ พอไม่เครียดก็ไม่หงุดหงิด พอไม่หงุดหงิดก็ไม่ปากร้าย ขี้โมโห ลูกหลานก็รักใคร่ ดีจะตาย

4. ดื้อรั้นหัวชนฝา

พฤติกรรมนี้น่าจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุหลายคน และมักจะเป็นหนักขึ้นตอนสูงวัยมาก ๆ เสียด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเชื่อว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่า มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ทำให้คิดว่าไม่จำเป็นต้องฟังใครทั้งนั้น แต่ถ้าอายุมาก ๆ สมองจะเริ่มเสื่อมไปกาลเวลา โดยเฉพาะสมองส่วนที่เกี่ยวกับตรรกะและเหตุผลบางทีก็เสียไปด้วย ทำให้คนแก่บางคนดื้อแบบไร้เหตุผล เหมือนกับการกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าจะดื้อรั้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม ลูกหลาน คนใกล้ชิดอาจต้องทำความเข้าใจความดื้อของผู้สูงอายุใกล้ตัวด้วย อาจมีบ้างที่รำคาญ เบื่อ หรือไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ แต่ขอให้คิดไว้เสมอว่าท่านคือญาติผู้ใหญ่ของเราเอง สิ่งที่ทำได้อาจเป็นการห่วง ๆ อยู่ห่าง ๆ คอยดูแลเรื่องสุขภาพร่างกาย และความปลอดภัย ที่สำคัญคือต้องอดทน ถ้าเป็นไปได้หากผู้สูงอายุได้เจอเพื่อนหรือเข้ากลุ่มกับคนวัยเดียวกัน การพูดคุยกับคนที่มีวัยใกล้เคียงบ่อย ๆ จะทำให้ความดื้อรั้นลดลง

ส่วนผู้สูงอายุเองก็ต้องปรับอารมณ์ ปรับความคิด ความเชื่อของตัวเองให้อ่อนลงบ้าง ลดทิฐิ ศักดิ์ศรี และความใหญ่โตลงหน่อย เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนดื้อ ๆ ที่พูดอะไรก็ฟัง แถมยังเชื่อว่าความคิดของตัวเองถูกทั้งที่มันผิดหรอก อย่าลืมว่าการเป็นคนแก่ที่มีลูกหลานรักอยู่รอบตัวดีกว่าคนแก่ที่นั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คนที่ดื้อแบบหัวชนฝานักหรอก

ถึงแม้ความแก่จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยง แต่จะแก่ไปแบบไหนเราเลือกได้ แก่แบบมีลูกหลานที่รักอยู่รอบตัว มีความสุขกับครอบครัว หรือแก่แบบกะโหลกกะลา ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ เราสามารถเลือกได้ ! 

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่าย ทั้งลูกหลาน คนใกล้ชิด และตัวผู้สูงอายุเองต่างคนต่างก็ต้องทำความเข้าใจกันและกัน ไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนหรือแก้นิสัย แค่เข้าใจ เอาใจใส่ดูแลด้วยความรักทุกอย่างก็จะลงตัวเอง

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...