มดดำ คชาภา ยังอึ้ง ไอซ์ ปรีชญา เจอมรสุมมาทั้งชีวิต! ช้ำโดนแฟนเก่าทิ้งหายหน้า เพราะรถชนหวิดดับ ทำเสียโฉม
นางเอกสาว ไอซ์ ปรีชญา เปิดใจในรายการแฉ กับมรสุมชีวิตถาโถม จากลูกคุณหนูต้องสู้วิกฤตครอบครัว ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่ “ไอซ์เมื่อก่อนเป็นเด็กรวยมาก เรียนอินเตอร์มาตลอด คุณพ่อไปต่างประเทศ เรียนจบโทที่อเมริกา กลับมาบ้านก็อยากให้หนูเรียนอินเตอร์พูดภาษาอังกฤษกับเขา หนูก็ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาไทยไม่ได้ ตอนเด็กแทบไม่พูดภาษาไทยเลย”
- ดาราย้ายหนีหมด หมู่บ้าน ไอซ์ ปรีชญา โอดค่าซ่อมพุ่ง 7 หลัก จะขายก็ไม่มีใครซื้อ
- ส่องชีวิตล่าสุด อาตุ่ม ชลิต รวยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน ปลูกทุเรียนขาย ล้งจีนเหมาทั้งสวน
- ต่าย ชุติมา โผล่ตอบเมนต์ชาวเน็ต อดีตสามี ทิม พิธา และลูกสาว ชวนไปออกเดตแล้ว
“ตอนเด็ก ๆ ไม่ใช่รถเบนซ์ไม่นั่ง ไม่รู้หนูโดนสปอยหรือเปล่า แต่หนูต้องเลือกรถที่จะมารับ ว่าวันนี้จะนั่งรถอะไร แต่ก่อนนะ ตอนเด็กมาก ๆ อนุบาล ตอนนั้นเด็กมาก คุณพ่อคุณแม่เล่าว่าหนูเดินไปในห้าง หยุดยืนมองเสื้อร้านนึง คุณพ่อก็เข้าไปซื้อหมดเลย ซื้อทุกสี ซื้อทุกอย่าง แค่ลูกหยุดมองดู คุณพ่อคุณแม่รักมาก สปอยมาก”
“จนวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 40 พ่อล้มละลาย ชีวิตที่เคยอยู่สังคมอินเตอร์ พ่อพาไปอยู่ต่างจังหวัด นอกอำเภอเมือง ไม่มีสังคมที่เคยเจอ มันเป็นเรื่องที่เป็นประสบการณ์ที่ดีของหนู ทำให้หนูแกร่งขึ้น หนูต้องปรับตัวเยอะมาก พอคุณพ่อล้มละลายตอนปี 40 คุณพ่อก็ต้องไปทำงานต่างจังหวัด หนูต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่เพชรบูรณ์ อยู่นอกเมือง และต้องไปเรียนโรงเรียนที่ค่อนข้างต่างจังหวัดหน่อย เป็นโรงเรียนที่ตั้งชื่อตามหลักกิโลเมตร”
เราเรียนแบบไม่รู้จักใคร ไม่มีเพื่อน อยากเข้ากับเพื่อนได้บ้าง พยายามคุยกับเขา ไปถึงคำแรก เอ็งชื่ออะไร หนูก็ร้องไห้ เพราะคิดว่าเอ็งคือคำหยาบ ก็ไปบอกแม่ เขาถามหนูว่าเอ็งชื่ออะไร แม่ก็ขำใหญ่เลย แล้วไม่อธิบายว่าเอ็งไม่ใช่คำหยาบ เป็นภาษาท้องถิ่น ตอนนั้น ป.3 ป. 4 ปรับตัวนานมาก เพราะต้องเล่นกับแมลง แมงทุกอย่าง ต้องมีเกาะที่ตัวนะ ไม่เกาะไม่เก๋ ช่วงพักเที่ยงเอาด้วงเอากว่างมาชนกัน หนูก็จะมียางหนังสติ๊ก มีเหรียญแล้วพัน ๆ กันหาย สนุกค่ะ (หัวเราะ) แต่กว่าจะปรับได้ แต่โชคดีที่ยังเด็ก ต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน”
“ตอนเป็นดาราคิวทองแล้วเกิดอุบัติเหตุ รอดมาได้ก็บุญแล้ว หนูขับรถไปเอง แรก ๆ ขับไป ตอนนั้นประมาณตีห้ากว่า กองนัดประมาณ 7 ครึ่ง 8 โมง หนูขับไปแล้วดูแมพไปด้วย หนูหลับใน หนูมีแผลอยู่เต็มหน้าเลย ถ้าสังเกตดี ๆ ตอนนั้นไม่ได้คาดเข็ดขัดนิรภัย กระดูกซี่โครงทิ่มปวด ปวดรั่ว หน้าเย็บ 300-400 เข็ม เย็บ 3 ชั้น เห็นกระดูกโหนกแก้มหนู หมอบอกว่าต้องมาทำนะ ถ้าไม่ได้ต้องเอาเนื้อจากตรงนี้มาแปะหน้า”
แล้วตอนชนประกันรถก็หมดด้วย รถก็ขายซากทิ้ง หนูนอนอยู่โรงพยาบาลนานเลย รักษาจริง ๆ 2 ปี เงินที่ทำมาทั้งหมดไม่เหลือเลย ต้องใช้หมอศัลย์ หมอตา หมอสมองด้วย เงินที่เก็บมาหมดเลย ตอนนั้นผ่าตัดทีละ 5 หมอ หมอกระดูก หมอตา หมอสมอง หมอศัลยกรรมพลาสติก หมอปอด พักงาน 2 ปี ด้านขวาไปหมดแล้ว หักหมดเลย ตั้งแต่ไหปลาร้า หมอไทยเก่งมาก ข้างขวาหักหมดเลย หมอลุ้นว่าถ้าทิ่มปอด ถ้ามาไม่ทันก็อาจหายใจไม่ออกได้ เวลาหายใจปุ๊บมันรั่วออก ไม่มีอากาศ”
“แม้แต่เดินผ่านกระจก เหมือนมีนิ้วแปะอยู่ตรงหน้าเพราะเป็นคีรอยด์จะเหมือนตะขาบเกาะอยู่ตรงหน้า ตรงคิ้วตรงตา เวลาไปไหนก็เอาผมบังหน้าไว้ มันเป็นรอยแล้วอาย หน้าเราไม่เคยมีรอยขนาดนี้ แล้วคิดว่าเราคงกลับมาทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะหน้าก็คงไม่เหมือนเดิม”
“ดวงจะซวย ไปฉีดโบท็อกซ์ปากยังเบี้ยว (หัวเราะ) จริง ๆ ไม่ได้อยากทำ เพราะเจ็บ จมูกทำสองรอบ ตอนเกิดอุบัติเหตุไม่มีเนื้อแล้ว มีกระดูกโผล่ ด้านขวาทำหมดเลย เกือบปีไม่มองกระจก ไม่รับสายใคร ไม่คุยกับใครเลย ตอนนั้นแฟนทิ้งด้วย แฟนทิ้งไปเลย เขาคิดว่าหน้าหนูกลับมาไม่เหมือนเดิมแล้วไง (มดดำ : จริงหรอ แฟนแกทิ้งเลยเหรอ?) หนูบอกว่าไม่รู้ว่าหน้าหนูจะกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม เพราะมันใหญ่มาก ก็หายไปเลยจ้า ตอนนั้นอยู่กับแม่ มีแต่ครอบครัวที่รักเราจริง ๆ วันที่เราหนัก ไม่มีใคร (มดดำ : จริงหรอ อันนี้เพิ่งรู้นะเนี่ย ไม่แปลกเป็นซึมเศร้า) ตอนนั้นสภาพจิตใจแย่ แฟนก็ทิ้ง ตอนรักษาตัวคนที่อยู่ข้างเราคือคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนที่เรารัก สำคัญหมด ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ขับรถอีกเลย เพราะกลัว คุณพ่อคุณแม่ก็ห้าม”
อ่านข่าวเพิ่มเติม