หากคุณได้ติดตามคอนเทนต์ดวงบน LINE TODAY แล้ว ชื่อของ พ.พาทินี หรือหมอไก่จะต้องไม่คลาดสายตาไปอย่างแน่นอน เธอคือเจ้าของบทความดูดวงประจำวันที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและถามหากันเข้ามาในทุก ๆ เช้า รวมไปถึงดวงจากตำราโหราศาสตร์ไทยและพม่าที่แม่นสุด ๆ วันนี้ LINE TODAY จะขอพาทุกคนมารู้จักกับตัวตนของหมอไก่คนนี้ให้มากยิ่งขึ้น และนี่คือเรื่องราวและเส้นทางกว่าจะมาเป็นหมอดูตัวท็อปของ พ.พาทินี
เรื่องราวเริ่มต้นที่ร้านสุกี้
หมอไก่เล่าให้ทางทีมฟังว่าจุดเริ่มต้นของการเริ่มมาสนใจศาสตร์ของการดูดวงของเธอเริ่มต้นในวันที่เรียบง่าย ระหว่างที่เธอไปนั่งทานสุกี้กับคุณพ่อคุณแม่
"ที่ร้านเขามีหมอดูที่ว่ากันว่าดูแม่นอยู่ที่นั่นพอดี ตอนแรกเราเห็นคุณพ่อไปดูดวงก่อน ตอนนั้นอายุประมาณ 7 ขวบ ก็เห็นว่าหมอดูเขาหยิบไพ่ขึ้นมาสับ ๆๆ แต่เราก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดีและอยากรู้บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กก็ยังไม่กล้าพูดออกไปว่าสนใจ อีกอย่างด้วยพื้นฐานเราเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วด้วย ก็เลยแค่เก็บความอยากเอาไว้ในใจ จนผ่านมาสักระยะ ชีวิตเรามีอิสระมากขึ้น คุณพ่อให้เงินไปโรงเรียน ช่วงประมาณ ป. 6 ถึง ม. 1 นั่นแหละที่เรามีโอกาสได้ไปร้านสะดวกซื้อ ไปซื้อของกินก่อนไปโรงเรียน แล้วไปเจอกับหนังสือดูดวง เล่มละ 29 บาทที่แผง ก็เลยซื้อสิ่งนั้นกลับมาด้วย นั่นถือครั้งแรกที่เราได้สัมผัสกับการดูดวงเลย"
ช่วงแรกก็อ่านเอามันก่อน อ่านเงียบ ๆ คนเดียว อ่านเองทำนายเองเล่น ๆ ขำ ๆ ต่อมาก็ไปทำนายกับเพื่อน แล้วเพื่อนบอกว่า “เฮ้ย แกดูแม่นดีว่ะ” เราก็เลยมีกำลังใจฮึกเหิม ไปหาซื้อตำรามาอ่านเพิ่ม ศึกษาเพิ่มเติม"
จากสงสัย กลายเป็นส่งเสริม
"ในช่วงแรกเราไม่กล้าบอกที่บ้านนะ เพราะกลัวว่าพ่อแม่จะไม่เข้าใจ จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เราชอบวาดรูป จนพ่อมาบอกว่า เป็นนักเขียนนี่ไส้แห้งนะ เราก็เลิก แล้วโยนปากกาทิ้งเลย (หัวเราะ) หลังจากวันนั้นเวลาเรารู้สึกชอบอะไร เราจะไม่พูดเลย เพราะพูดแล้วกลัวจะโดนขัดใจ" หมอไก่เล่าต่อว่าถึงเธอจะชื่นชอบการดูดวงมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับครอบครัว แต่มาวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเปลี่ยนใจทั้งคุณพ่อคุณแม่กับมุมมองที่ทั้งสองท่านมีต่อการดูดวง
"เป็นช่วงที่คุณพ่อมีปัญหาเรื่องที่ดิน เราก็เห็นเขาเครียด ๆ แล้วก็พยายามคิดว่าจะช่วยยังไงดี ก็เลยแอบไปดูลายมือให้คุณพ่อเกี่ยวกับเรื่องที่นี่แหละ เราทำนายไว้ว่า อีกไม่นานดวงคุณพ่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ดิน แล้วปรากฏว่าไม่นาน ที่ดินผืนนั้นก็มีเรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ กลายเป็นว่าหลังจากนั้นคุณพ่อก็ให้ดูดวงให้มาตลอดเลย (หัวเราะ)
หลังจากนั้นคุณพ่อก็ส่งเสริมให้เราไปเรียนจริงจัง เพราะเราคิดว่าอ่านหนังสือไปมันก็คงหยุดแค่นั้น แต่ศาสตร์พวกนี้ต้องมีครูนะคะ ไปเรียนตามวัด ตามพระ ตามฆราวาส เรียนไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มรู้จักอาจารย์ ก็เริ่มเรียนเพิ่มเติมเรื่อย ๆ จากลายมือ ก็หันไปเรียนศาสตร์ดวงพม่า ดวงไทย ฮวงจุ้ยค่ะ"
หมอดูที่เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์
หนึ่งในความเซอร์ไพรส์ที่เราได้ค้นพบเกี่ยวกับตัวหมอไก่ก็คือเธอเรียนจบปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เธอบอกว่า "พูดจริง ๆ ช่วงแรกเราก็ไม่ได้เชื่อเรื่องดูดวงเลยนะ เหมือนแค่ดูเอามัน เพราะคิดว่าเป็นศาสตร์ที่แปลกดี ไม่เหมือนพวกคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ที่มีชุดคำตอบมาแล้วสำเร็จรูปอะไรแบบนี้ แต่โหราศาสตร์มันไม่มีในตำราของกระทรวงศึกษาธิการนะ มันแปลกสำหรับเรา ก็เลยชอบในความแปลกและโบราณ เพราะเวลาอธิบายโหราศาสตร์จะต้องอธิบายตามตำนานที่เคยเกิดขึ้น
จริง ๆ เราเรียนโหราศาสตร์มาก่อนเข้ามหาวิทยาลัยอีกนะ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันขัดแย้งกัน อีกอย่างเรามองว่าโหราศาสตร์ก็คิดคำนวณมาจากสถิติเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดาวย้าย เหตุการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ก็สั่งสมสถิติมาเรื่อย ๆ และนำมาผูกกันเป็นโหราศาสตร์ เป็นคำทำนายออกมาค่ะ"
ความท้าทายของโหราศาสตร์
"ไก่ชอบศาสตร์นี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย และมีการเรียนมาอย่างต่อเนื่องทั้งในตำราและเรียนกับครูบาอาจารย์ ศาสตร์นี้ฟังดูเหมือนเป็นอวิชา แต่ไม่ใช่ศาสตร์มืดนะคะ แต่หมายถึงว่ามันสามารถเรียนได้ไม่รู้จบ ต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ ตามสถิติของคน พอมีคนรุ่นใหม่มา สถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน การทำนายหรือการพยากรณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามเหมือนกัน มีการทำนายแบบใหม่ คำพยากรณ์ใหม่ ๆ มันถือเป็นเรื่องท้าทายนะคะ
โหราศาสตร์ถ้าเปรียบก็คงเหมือนจีพีเอสที่นำทางชีวิตว่าอนาคตเราจะเจออะไรบ้าง เราจะได้เตรียมตัวถูกแค่นั้นเอง"
คนชอบดูดวง ต้องรู้!
คำแนะนำของคนที่อยากดูดวงที่หมอไก่อยากจะบอกกับทุกคนก็คือ อยากให้เตรียมคำถามที่อยากรู้มาก่อน
"จริง ๆ ถามได้ทุกเรื่อง อยู่ที่ว่าหมอดูจะตอบหรือเปล่า เพราะมีจรรยาบรรณโหรบางข้อที่หมอดูจะไม่ตอบ เช่น เรื่องลูก การถามว่าลูกคนที่หนึ่งดี ลูกคนที่สองไม่ดี การเปรียบเทียบในเชิงนี้ก็เป็นคำตอบที่จะไม่ตอบค่ะ บางคำพูดของหมอดูอาจะสร้างปมในใจให้คนเหล่านั้นได้ ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างกัน ทำให้ชีวิตเสียศูนย์ได้ค่ะ หรือแม้กระทั่งเรื่องเนื้อคู่ บางคนเป็นแฟนกันแล้วมาถามหมอดูว่าเป็นเนื้อคู่กันไหม พอได้คำตอบว่าไม่ใช่ก็จะทำให้แตกแยกกันไปซะอย่างนั้น
อีกเรื่องสำคัญมากคือ ห้ามทำนายความตาย วันเวลาและการเสียชีวิต แต่ใช้การเตือนได้ว่าต้องระวังอะไรบ้างในการใช้ชีวิตค่ะ"
เหตุการณ์ประทับใจจากการเป็นหมอดู
"เคยมีลูกเพจที่ติดตามเราเอาเลขที่เราใบ้ในดวงบน LINE TODAY ไปซื้อลอตเตอรีแล้วถูกรางวัล เขาบอกว่าหวังแค่จะถูกเลขท้ายสองตัวก็พอ แต่จริง ๆ ถูกรางวัลที่ 4 สองใบ เขาก็ส่งมาให้เราดู จากนั้นก็มีคนส่งมาให้ดูเรื่อย ๆ ว่าถูกรางวัลนะ ได้โชคได้ลาภจากเราไปก็ดีใจกับเขาค่ะ"
การดูดวงเป็นเรื่องงมงายหรือไม่ในสายตาหมอดู
คำถามสุดท้ายที่เราอยากรู้เกี่ยวกับความคิดเห็นของคนในอาชีพหมอดู ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในมุมมองเชิงลบที่คนบางคนอาจจะมีต่อศาสตร์นี้ หมอไก่ให้คำตอบว่าความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคลและควรใช้ดวงเป็นแค่เครื่องนำทางเท่านั้น ดวงไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต
"ส่วนตัวมองว่างมงายไหมนี่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ เพราะอะไรที่มากไปก็มีผลเสียทั้งนั้น อย่างการดูดวง ถ้าเราใช้ประโยชน์จากมันในการนำทางชีวิต เป็นข้อควรระวังดีกว่า เพราะชีวิตมันมีสองส่วนคือส่วนที่ควบคุมได้ กับควบคุมไม่ได้ ในส่วนหลังนี่แหละที่เราสามารถใช้ดวงเข้ามาเป็นตัวช่วยระวังได้ แต่ไม่ใช่ว่าดูดวงจนไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง ทำให้ชีวิตผกผันไปหมดเลยจนชีวิตไม่มีความสุข แบบนั้นก็ต้องจัดการตัวเองด้วยค่ะ กลาง ๆ ไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ"
ติดตามคอนเทนต์ของ พ.พาทินี ได้ในแท็บดูดวงบน LINE TODAY และฟีเจอร์สีเสื้อมงคลประจำวัน