โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

จิตตะ เวลธ์ ชี้ลงทุนหลังวิกฤต คือโอกาส ยกผลตอบแทนชนะตลาดเกือบเท่าตัวเชื่ออีก 1-2 ปี หุ้นจีน-เวียดนาม ฟื้นแรง

การเงินธนาคาร

อัพเดต 30 พ.ย. 2566 เวลา 15.18 น. • เผยแพร่ 30 พ.ย. 2566 เวลา 08.18 น.

บลจ. จิตตะ เวลธ์ แนะลงทุนช่วงวิกฤติ เพื่อคว้าโอกาสที่ดีที่สุดหลังตลาดฟื้นตัว หุ้นจีน-เวียดนาม เหมาะเข้าลงทุนเพื่อรับโอกาสใน 1-2 ปีข้างหน้า เผยปี 64 Jitta Ranking หุ้นสหรัฐ สร้างผลตอบแทน 50.19% ชนะดัชนี S&P500 ที่ปรับขึ้น 28.71%

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)จิตตะ เวลธ์ ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยถึงตลาดหุ้นในหลายประเทศที่กำลังปรับตัวลดลงว่าถือเป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในอนาคต

Jitta Wealth พบว่า กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ที่บริษัทให้บริการอยู่สร้างผลตอบแทนได้ดีหลังวิกฤติ ซึ่งในปี 2564 ที่โลกได้ผ่านวิกฤติโควิด-19 มาได้ ผลตอบแทนของ Jitta Ranking เทียบกับดัชนีหลักเติบโตโดดเด่นกว่าเกือบเท่าตัว

ในปี 2564 นโยบาย Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ สร้างผลตอบแทนได้ถึง 50.19% เอาชนะดัชนี S&P500 TRI Index Return ที่ทำได้เพียง 28.71%

ขณะที่ Jitta Ranking หุ้นไทยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 38.33% เหนือกว่า SET Index ที่ทำได้ 17.67%

ส่วนนโยบาย Jitta Ranking เวียดนาม สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 66.23% สูงกว่าดัชนี VN Index ที่ทำได้ 37.36%

นายตราวุทธิ์ กล่าวว่าในช่วงวิกฤติคือช่วงที่น่าลงทุนที่สุด เพราะตลาดตื่นกลัวจะเป็นโอกาสได้เห็นหุ้นดีราคาถูกเกลื่อนตลาด หุ้นดีๆ หลายตัวมีราคาตกลงไปมาก เพราะคนเทขายหุ้นโดยไม่สนใจมูลค่า แต่อัลกอริทึมของจิตตะก็ยังทำงานตามหลักการเลือกหุ้นดีราคาถูกตามที่ตั้งไว้ เพราะ AI ไม่ตื่นกลัวกับตลาดที่ตกลงรุนแรง แต่ยังคงซื้อขายตามหลักการ เมื่อตลาดเริ่มฟื้น

โดยหุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งเหล่านั้นก็จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วกว่า จึงทำให้ผลตอบแทนของ Jitta Ranking ทั้ง 3 นโยบายสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเหนือตลาดหลังผ่านช่วงวิกฤติ พิสูจน์ได้ถึงประสิทธิภาพของการลงทุนระยะยาวด้วยเทคโนโลยีที่ Jitta Wealth ได้พัฒนาขึ้นมาตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (VI) คัดเลือกหุ้นดีราคาถูกเพื่อเข้าลงทุน

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในระยะถัดไป นายตราวุทธิ์มองว่า ตลาดโลกยังมีความผันผวนอยู่มาก โดยเฉพาะปัญหาสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่อาจยืดเยื้อจนกระทบบรรยากาศการลงทุนได้

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังต้องจับตาทิศทางดอกเบี้ยของเฟด หากมีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567 จะทำให้เกิดการโยกเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น หนุนให้ตลาดหุ้นกลับมามีความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ราคามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้

อย่างไรก็ตามการที่ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นมาจากต้นปีแล้ว 19.00% (ณ 29 พ.ย. 66) ถือว่าราคาปรับขึ้นมาสูงแล้ว

ดังนั้น Jitta Wealth แนะนำว่าหากนักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ สามารถหันไปโฟกัสตลาดที่ยังมีโอกาสในการเติบโต แต่กำลังเผชิญวิกฤติจนดัชนีปรับตัวลดลงมามากอย่างตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม รวมถึงตลาดหุ้นไทยแทนได้ เพื่อรับโอกาสการเติบโตในอนาคตที่ตลาดจะกลับฟื้นตัวได้ดีใน 1-2 ปีข้างหน้าหากผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว

นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมานาน 2-3 ปีแล้ว จากวิกฤติเศรษฐกิจที่ยาวนาน และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี CSI300 ปรับตัวลดลง -10.06% (ณ 29 พ.ย. 66) แต่มีข้อมูลทางสถิติระบุว่าหุ้นจีนมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า

ดังนั้นจังหวะนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะทะยอยเก็บหุ้นจีนเข้าพอร์ต เพราะเชื่อว่าใน 1-2 ปีข้างหน้าเป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นจีนน่าจะปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3 ขยายตัว 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ตลาดเชื่อว่าจะเห็นรัฐบาลจีนกลับมาเร่งเครื่องการเติบโตเศรษฐกิจอีกครั้ง

สำหรับตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้านี้จากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์และการปราบการทุจริตในตลาดหุ้น แต่เมื่อภาครัฐได้เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้ดัชนี VN Index ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 9.55% (ณ 29 พ.ย. 66)

ขณะที่เศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 6% และ IMF ยังคาดว่าในปี 2567-2568 GDP เวียดนามจะเติบโตได้ 5.8% และ 6.9% ตามลำดับ ซึ่งการลงทุนตลาดหุ้นจีนและเวียดนามนั้นนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัยที่มีคุณภาพดีและสามารถหลีกเลี่ยงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไปก่อน

“จริงอยู่ว่าตลาดหุ้นที่ตกลงมาอย่างรุนแรง นักลงทุนอาจจะรู้สึกกังวลว่าราคาหุ้นจะตกลงไปอีกเพียงใด และไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน แต่หากเราเชื่อในคำของนักลงทุนระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า “จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว และจงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า” Jitta Wealth จึงมองว่า เวลานี้อาจจะเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างผลตอบแทนในอนาคตแล้วก็เป็นได้”

ทั้งนี้กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ได้รับการจัดอันดับ ‘หุ้นดีราคาถูก น่าลงทุน’ อัลกอริทึมของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด จะซื้อขายหุ้นตามการจัดอันดับ

โดยพิจารณาคัดเลือกหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาสเติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ ปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน และมีการอัปเดตอัลกอริทึมในทุกปีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบการคัดเลือกหุ้นให้นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีและราคาเหมาะสมอยู่เสมอ ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.5% และลงทุนเริ่มต้น 500,000 บาท

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปยังพันธบัตรรัฐบาลเพื่อสร้างสมดุลให้กับพอร์ต ในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังเข้าสู่ขาลง สามารถเลือกลงทุนใน Global ETF ที่ Jitta Wealth จะจัดพอร์ตตามหลัก Modern Portfolio Theory เลือกสินทรัพย์หลากหลายประเภทมาจัดสัดส่วนให้เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ หรือหากต้องการลงทุนตามเมกะเทรนด์ของโลก สามารถเลือกลงทุนในนโยบาย Thematic ที่มีให้เลือกถึง 23 ธีมการลงทุน

พร้อมกันนี้ยังได้ออกนโยบายลงทุนใหม่ล่าสุดอย่าง Jitta Money ที่เน้นลงทุนใน ETF กองทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น ที่มีความมั่นคงช่วยปกป้องความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลในเวลานี้ถือว่าอยู่ระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 10,000 บาทและมีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น

Jitta Wealth มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอัลกอริทึมที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุนทุกคนได้ลงทุนในหุ้นที่ดีและราคาไม่สูงเกินไป โดยจะมีการปรับอัลกอริทึมในทุกๆ ปี เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน จากผลตอบแทนที่เห็นได้ข้างต้นจะเห็นว่าการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำ จะมีโอกาสสร้างกำไรและเห็นผลตอบแทนที่โดดเด่นเหนือชนะตลาดได้ ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...