โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ท่องเที่ยว “มัลดีฟส์” ฟื้น “ไมเนอร์ฯ” เชื่อปีนี้...หนึ่งในปีที่ดีที่สุด

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 23 พ.ย. 2566 เวลา 03.25 น. • เผยแพร่ 26 ต.ค. 2566 เวลา 00.34 น.
พอล คูนาฮาน

ยังคงเชื่อมั่นว่าภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง และยังได้อานิสงส์จากคนอัดอั้น อยากเดินทางจำนวนมาก แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่ผันผวนและมีปัจจัยลบให้เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้เร็ว

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “พอล คูนาฮาน” ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท และอนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ถึงภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ไว้ดังนี้

ภาพรวมยังน่าตื่นเต้น

“พอล” บอกว่า ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา มัลดีฟส์ใช้เวลาปิดประเทศไปเพียง 4 เดือนเท่านั้น โดยเปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 โดยปัจจุบันภาพรวมของตลาดการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ยังฟื้นตัวต่อไปจากอุปสงค์ที่คั่งค้าง (pent-up demand) นักท่องเที่ยวจากจีน ไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออกเดินทางมากขึ้น

ในส่วนของมัลดีฟส์ นักท่องเที่ยวรัสเซีย อินเดีย และกลุ่มคู่ฮันนีมูน ยังเดินทางเข้ามา เพียงแต่นักท่องเที่ยวอินเดียอาจเลือกเดินทางไปยังโรงแรมที่มีราคาประหยัด นอกจากนี้ ยังเห็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวอาจเลือกเดินทางไปยังหมู่เกาะแคริบเบียน

ปัจจุบันการฟื้นตัวตลาดการท่องเที่ยวแตกต่างกันออกไป เช่น ตลาดจีน พบว่า จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ และนักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใกล้ ๆ เช่น ไทย เวียดนาม ท่องเที่ยวในประเทศ อีกทั้งเที่ยวบินยังมีจำนวนน้อยอยู่

“ภาพรวมในอนาคตดูน่าตื่นเต้น เช่น กาตาร์กลับมาทำการบิน 2 เที่ยวบินต่อวัน เอมิเรตส์ 4 เที่ยวบินต่อวัน บริติชแอร์เวย์ส ทำการบินทุกวัน จากเดิมที่ทำเฉพาะบางช่วงเท่านั้น จะเห็นว่าเทรนด์การท่องเที่ยวต่างกันออกไป”

“พอล” บอกด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ สถานการณ์ในอิสราเอล แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าจะส่งผลอย่างไร ส่วนสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่โรงแรมเครือไมเนอร์ในพื้นที่มัลดีฟส์ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ราว 30% ของความต้องการทั้งหมด ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นได้

และในอนาคต อาจเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 50% ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ทั่วโลกไม่แน่นอน แต่ไมเนอร์ใช้กลยุทธ์ปรับตัวตลาดอย่างรวดเร็ว

ตั้งเป้าฟื้นทะลุก่อนโควิด

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งมัลดีฟส์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 ตุลาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนมัลดีฟส์แล้วเป็นจำนวน 1,447,144 เพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวมีระยะเวลาการเข้าพักที่ประมาณ 7.6 วัน

โดยนักท่องเที่ยวหลัก 10 ประเทศ คือ รัสเซีย จำนวน 165,751 คน, จีน 158,366 คน, อินเดีย 157,350 คน, สหราชอาณาจักร 115,300 คน, เยอรมนี 100,639 คน, อิตาลี 87,434 คน, สหรัฐอเมริกา 56,823 คน, ฝรั่งเศส 38,675 คน, สเปน 30,872 คน และสวิตเซอร์แลนด์ 28,078 คน

ปัจจุบันมัลดีฟส์มีที่พักที่เปิดดำเนินงานอยู่ที่ 1,269 แห่ง รวมห้องพักจำนวน 62,896 เตียง แบ่งเป็นรีสอร์ต 174 แห่ง 42,699 เตียง, โรงแรม 14 แห่ง 1,940 เตียง, เกสต์เฮาส์ 919 แห่ง 15,076 เตียง และเรือซาฟารี (Safari Vessel) จำนวน 162 แห่ง 3,181 เตียง

ทั้งนี้ ในปี 2566 “มัลดีฟส์” กำหนดเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนจำนวน 1.9 ล้านคน ขณะที่ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่จำนวน 1,675,285 คน และ 1,702,887 คน ตามลำดับในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19

ปักธง “เกาะแฟเรส”

สำหรับกลุ่มไมเนอร์ฯนั้น “พอล” บอกว่า ในปีนี้ไมเนอร์ได้เปิดตัว “อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Avani+ Fares Maldives Resort)” จุดเด่นของที่พักแห่งนี้ คือ สถานที่ตั้งอย่างเกาะแฟเรส ตั้งอยู่ในเขตสงวนชีวมณฑลยูเนสโกของบา อะทอลล์ โดยตลอดการก่อสร้างโรงแรม มีการคำนึงและให้ความสำคัญในเรื่องของการปกป้องและรักษาธรรมชาติเดิมให้มากที่สุด รีสอร์ตแห่งนี้ล้อมรอบด้วยชายหาด 360 องศา

โดยโรงแรมแห่งนี้ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 176 ห้อง พร้อมวิลล่าที่มีให้เลือกตั้งแต่ 1 ถึง 4 ห้องนอน เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบหมู่คณะหรือครอบครัวใหญ่ และมีวิลล่าที่ตั้งอยู่เหนือน้ำทะเล ทั้งแบบ 1 ถึง 3 ห้องนอน พร้อมวิว ดอลฟิน เบย์ และราคาห้องพักที่เป็นมิตร เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนและคู่รักที่มองหาสถานที่พักผ่อนในฝันที่ไม่เหมือนใคร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว

ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของอวานี+ แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท คือ นักท่องเที่ยวยุโรป 45% อเมริกาเหนือและใต้ 20% กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 15% ชาวเอเชีย 20% ซึ่งรวมชาวไทยราว 5% และเริ่มเห็นสัญญาณของกลุ่มคู่แต่งงาน-ฮันนีมูน และเชื่อว่าที่นี่จะสามารถดึงดูดชาวไทยจากแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย การนำเสนอว่าอาหารมีความอร่อย

เชนอินเตอร์ใหญ่สุดในมัลดีฟส์

“พอล” ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันไมเนอร์ โฮเทลส์ ถือเป็นเครือโรงแรมเชนอินเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในมัลดีฟส์ มีพนักงานราว 2,800 คน และราว 300 คนในธุรกิจด้านอาหาร มีโรงแรมและรีสอร์ตถึง 7 แห่ง มีห้องพักรวม 707 ห้อง ได้แก่ เป็นเจ้าของ 1 แห่ง คือ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ (Anantara Kihavah Maldives Villas) จำนวน 80 ห้อง

ร่วมลงทุน (joint venture properties) 3 แห่ง คือ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Avani+ Fares Maldives Resort) จำนวน 176 ห้อง, นิยามา ไพรเวท ไอส์แลนด์ มัลดีฟส์ (Niyama Private Island Maldives) จำนวน 134 ห้อง และเอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ ฮาวอดด้า รีสอร์ท (NH Collection Maldives Havodda Resort) จำนวน 120 ห้อง

และโมเดลบริหารจัดการ (managed only properties) 3 แห่ง ได้แก่ อนันตรา ดิห์กู มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Anantara Dhigu Resort) จำนวน 110 ห้อง, อนันตรา เวลิ มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Anantara Veli Maldives Resort) จำนวน 67 ห้อง และนาลาดู ไพรเวท ไอส์แลนด์ มัลดีฟส์ (Naladhu Private Island Maldives) จำนวน 20 ห้อง

“ไมเนอร์ โฮเทลส์ เพิ่งทำการปรับปรุง วิลล่าที่ตั้งอยู่เหนือน้ำทะเล ที่อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท และยังมีการปรับปรุงอนันตรา เวลิ มัลดีฟส์ รีสอร์ท ซึ่งเสร็จไปเมื่อปี 2565”

ผลตอบแทนดี กลุ่มทุนแห่เปิด

ต่อคำถามที่ว่า ทำไมทุนไทยถึงเลือกมาลงทุนที่มัลดีฟส์ “พอล” ตอบว่า เป็นโอกาสของบริษัทไทยที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงประเทศที่มีระยะใกล้กับไทย ในมุมของธุรกิจฮอสพิทาลิตี้คือ บริษัทไทยมีองค์ความรู้ด้านฮอสพิทาลิตี้ที่ยาวนาน มีโนว์ฮาวในการดำเนินกิจการโรงแรม จึงสามารถนำมาต่อยอดในการลงทุนมัลดีฟส์ได้

ประกอบกับจากดัชนีชี้วัดด้านการลงทุนโรงแรม “มัลดีฟส์” มีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี จึงทำให้ดึงดูดนักลงทุนมายังมัลดีฟส์ได้

จึงเชื่อว่าในอนาคตการท่องเที่ยวจะยังเติบโตต่อไป และนักท่องเที่ยวมี “มัลดีฟส์” เป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางที่อยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต

หนึ่งในปีที่ดีที่สุดของไมเนอร์

“พอล” ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ในปี 2565 โรงแรมและรีสอร์ตของเครือไมเนอร์ในพื้นที่มัลดีฟส์ มีอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) อยู่ที่ 72% สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ สูงกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ 36%

ขณะที่ในปี 2566 นี้ คาดว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมและรีสอร์ตของเครือไมเนอร์ในพื้นที่มัลดีฟส์จะอยู่ที่ประมาณ 67% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ 22% ขณะที่โรงแรมและรีสอร์ตอื่น ๆ กำหนดเป้าหมายเฉลี่ยที่ประมาณ 62%

อย่างไรก็ดี อัตราการเข้าพักในปี 2566 คาดการณ์ไว้ยังลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5 จุด (BPS) เนื่องจากปีที่ผ่านมาหลายพื้นที่ เช่น ประเทศไทยยังไม่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทำให้นักท่องเที่ยวอาจเลือกเดินทางมายังมัลดีฟส์ แต่เชื่อว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดรองจากปีที่ผ่านมาของไมเนอร์มัลดีฟส์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...