โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ความนิยมทรัมป์สวนทางกับ ทองคำ ฮั่วเซ่งเฮงระบุ ยังต้องจับตาใกล้ชิดสงครามการค้า

การเงินธนาคาร

อัพเดต 13 พ.ค. เวลา 12.41 น. • เผยแพร่ 13 พ.ค. เวลา 05.41 น.

ฮั่วเซ่งเฮงเผย ค่าความนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์สวนทางกับ ทองคำ หลังครบ 100 วัน ทรัมป์นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

13 พฤษภาคม 2568 - ฮั่วเซ่งเฮงเผย ค่าความนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์สวนทางกับทองคำ หลังครบ 100 วัน ทรัมป์นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คะแนนความนิยมต่ำสุดในรอบ 80 ปี ขณะที่ราคาทองคำ All-Time High พุ่งแตะ 3,500 ดอลลาร์ แนะจับตาใกล้ชิด “อาวุธลับ” ของโดนัลด์ ทรัมป์

ครบ 100 วันแรกของการบริหารประเทศ (30 เมษายน 2568) ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คะแนนความนิยมกลับดิ่งลงต่ำที่สุดในรอบ 80 ปีของประวัติศาสตร์ผู้นำสหรัฐฯ สวนทางกับราคาทองคำที่พุ่งทะยานทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องท่ามกลางมรสุมสงครามการค้าที่ยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย

สงครามการค้าเดือด ปัจจัยหลักดันทองคำทะลุ 3,500 ดอลลาร์

ฮั่วเซ่งเฮงระบุว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทรัมป์และการตอบโต้ที่คาดเดาได้ยากจากจีน ได้ผลักดันให้นักลงทุนทั่วโลกหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึง +29.15% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง +10,850 บาท หรือ +24.68% ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ราคาขายออกบาทละ 54,800 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

นโยบายสั่นคลอนคะแนนนิยม: มากกว่าแค่เรื่องการค้า

นอกเหนือจากสงครามการค้า นโยบายภายในประเทศหลายด้านของทรัมป์ก็กำลังสั่นคลอนคะแนนนิยมอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงการจัดการผู้อพยพ การคุกคามเสรีภาพในการแสดงออก การบ่อนทำลายหลักนิติธรรมและสื่อ การละเมิดสิทธิสตรีและกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) และการละเลยชุมชนคนผิวสี ประเด็นเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อฐานเสียงและความเชื่อมั่นในตัวผู้นำสหรัฐฯ

ปัจจัยหลักกำหนดทิศทางทองคำครึ่งปีหลัง

ส่วนทิศทางทองคำในครึ่งปีหลังนั้น ยังคงผันผวนสูง โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ดังนี้

  • เส้นตาย Reciprocal Tariff (8 กรกฎาคม) เส้นตาย 90 วัน สำหรับการเจรจามาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะเป็นจุดชี้วัดสำคัญ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจได้ และสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีเต็มรูปแบบ อาจเห็นความตึงเครียดระลอกใหม่ ซึ่งย่อมส่งผลบวกต่อราคาทองคำในฐานะ “สินทรัพย์หลบภัย”
  • ทิศทางราคาทองคำ หากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรง ฮั่วเซ่งเฮงมองว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อีก แต่หากสถานการณ์เริ่มมีสัญญาณผ่อนคลาย โดยเฉพาะการเจรจาการค้ามีความคืบหน้าที่ชัดเจน อาจเห็นแรงขายทำกำไรจากทองคำเป็นระยะ เนื่องจากความกังวลที่ลดลง และเม็ดเงินบางส่วนอาจโยกย้ายกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากข้อตกลงทางการค้าก่อนถึงกำหนดเส้นตาย ยังคงเป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนและกดดันตลาดได้อีกเป็นระยะ
  • "อาวุธลับ" ชุดใหม่ของทรัมป์ แม้จะยังไม่มีรายละเอียด แต่หากเป็นมาตรการที่สร้างความตึงเครียดทางการค้าหรือภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มเติม ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำได้ ฮั่วเซ่งเฮง แนะนำว่า “ในช่วงที่เหลือของปี ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ-จีน และประเทศคู่ค้าอื่น ๆ รวมถึงรายละเอียดของมาตรการทางเศรษฐกิจชุดใหม่จากฝั่งสหรัฐฯ และท่าทีตอบโต้จากจีน ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดความผันผวนและทิศทางของตลาดโลก รวมถึงราคาทองคำ การกระจายความเสี่ยงและติดตามข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในภาวะเช่นนี้”

ย้อนไทม์ไลน์สงครามภาษีสหรัฐฯ-จีน: ปฐมบทความผันผวน (ก.พ. - เม.ย. 2568)

กุมภาพันธ์ สหรัฐฯ เปิดฉากขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% (4 ก.พ.) จีนตอบโต้ในทันทีด้วยอัตรา 10-15% ส่งผลกระทบต่อน้ำมันดิบ เครื่องจักรเกษตร รถยนต์ ถ่านหิน และ LNG (10 ก.พ.)

มีนาคม สหรัฐฯ ยกระดับภาษีสินค้าจีนเป็น 20% (4 มี.ค.) จีนสวนกลับรอบใหม่ เพิ่มรายการสินค้ากลุ่มเกษตรและอาหารที่อัตรา 10-15% (10 มี.ค.) จากนั้นสหรัฐฯ ขยายผลกระทบ ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25% กับทุกประเทศ (12 มี.ค.)

เมษายน ทรัมป์ประกาศ "ปลดแอกสหรัฐฯ" ด้วย Reciprocal Tariff โดยจีนถูกตั้งกำแพงภาษีเบื้องต้น 34% (2 เม.ย.) ตามด้วยการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้า 25% กับทุกประเทศ (3 เม.ย.) จีนจึงตอบโต้ด้วยอัตราภาษี 34% เท่ากัน (4 เม.ย.)

  • สถานการณ์บานปลายเมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเภทกับทุกประเทศอีก 10% (5 เม.ย.) และเฉพาะสินค้าจีนที่ถูกปรับภาษีขึ้นอย่างรวดเร็ว ไปสู่ 104% ก่อนขยับเป็น 125% และ 145% ในเวลาต่อมา (9-10 เม.ย.) แม้ทรัมป์จะประกาศเลื่อนการใช้ Reciprocal Tariff (ยกเว้นจีน) ออกไป 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจา แต่จีนยังคงตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% และ 125% (10-11 เม.ย.)
    • อย่างไรก็ตาม มีการยกเว้นภาษีนำเข้ากลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนด้วยกำแพงภาษี 145% และภาษีทั่วโลก 10% (12 เม.ย.)
    • ท่าทีแข็งกร้าวของจีนที่พร้อมตอบโต้ทุกประเทศหากข้อตกลงการค้าสร้างความเสียหาย ส่งผลให้ราคาทองคำต่างประเทศพุ่งทำจุดสูงสุดที่ 3,500 ดอลลาร์ (22 เม.ย.) ก่อนที่ทรัมป์จะผ่อนปรนการเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์บางรายการ (29 เม.ย.)

ข้อมูลอ้างอิง :

The Guardian / Amnesty International / ฐานเศรษฐกิจ / ฮั่วเซ่งเฮง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...