ตร.ทางหลวงจับรถปอร์เช่สวมทะเบียนหน้า-หลังไม่ตรงวิ่งผ่าน M-Flow เจ้าของรถจริงเดือดร้อนถูกเรียกปรับ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 และ พ.ต.ท.ปรัชญา กัมลาศพิทักษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. พร้อมตำรวจ กก.8 บก.ทล. ตรวจพบรถยนต์ปอร์เช่ สีขาว ติดป้ายทะเบียนหมายเลข สช 5555 กรุงเทพมหานคร บริเวณถนนเลียบคลองห้า ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลักษณะและป้ายทะเบียนตรงกับฐานข้อมูลรถต้องสงสัย จึงเรียกตรวจสอบพบนายสัญชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ผู้ขับขี่ และพบว่าป้ายทะเบียนด้านหลังติดป้ายประมูล หมายเลข 3กษ 1155 กรุงเทพมหานคร ไม่ตรงกับป้ายด้านหน้า ตรวจสอบพบว่ารถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่คันดังกล่าวมีนายสัญชัยเป็นผู้ครอบครอง ป้ายทะเบียน 3กษ 1155 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบพบว่ามีปั๊มนูนสัญลักษณ์ ขส มีลายน้ำเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก และมีเลข 10 หลัก ถูกต้องตรงกับข้อมูลการจดทะเบียน เชื่อได้ว่าเป็นป้ายทะเบียนของรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่คันดังกล่าวจริง ในส่วนของป้ายทะเบียนหมายเลข สช 5555 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบไม่พบปั๊มนูนสัญลักษณ์ ขส ไม่มีลายน้ำเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก และไม่มีเลข 10 หลัก เชื่อได้ว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม จึงตรวจยึดป้ายทะเบียนหมายเลข สช 5555 กรุงเทพมหานคร ไว้เป็นของกลาง และจับกุมตัวผู้ต้องหา แจ้งรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดีให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อหา “ปลอมหรือใช้เอกสารราชปลอม, ใช้ยานยนตร์บนทางหลวงหรือสะพานโดยเจตนาหลีกเลี่ยงไม่เสียค่าธรรมเนียม” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องจากนายธนธัช (สงวนนามสกุล) แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา หลังได้รับหนังสือเรียกให้ชำระค่าธรรมเนียมผ่านทางพร้อมค่าปรับ กรณีใช้รถยนต์วิ่งผ่านช่อง M-Flow โดยไม่ชำระค่าผ่านทางจากกรมทางหลวง ซึ่งภาพในหนังสือปรากฏรูปรถยนต์ที่กระทำผิดเป็นรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีขาว หมายเลขทะเบียน สช 5555 กรุงเทพมหานคร แต่รถของนายธนธัชเป็นรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์เงิน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามผู้กระทำความผิดตัวจริง มาดำเนินการตามกฎหมาย
ต่อมา ดร.ธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ประสานการปฏิบัติมายัง พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. เพื่อให้ดำเนินการติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดเพราะเป็นกรณีทำให้ประชาชนคนอื่นเดือดร้อน และเจตนากระทำผิดกฎหมาย ทำให้ภาครัฐเสียหาย ซึ่งข้อมูลจากระบบการแจ้งเตือนรถสวมทะเบียน หรือรถผิดกฎหมาย กองบังคับการตำรวจทางหลวง และการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รถทะเบียน สช 5555 กรุงเทพมหานคร วิ่งผ่านช่อง M-Flow มาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม โดยข้อมูล ณ วันที่ 11 เม.ย.66 มีการวิ่งผ่านระบบ M-Flow จำนวน 22 ครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. จึงสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาโดยตลอด และนำข้อมูลการวิ่งผ่านบนสายทางมาวิเคราะห์เพื่อตั้งจุดสกัดในบริเวณต่างๆ ตามเวลาที่คาดว่ารถคันดังกล่าวจะวิ่งผ่าน จนทราบว่ารถคันดังกล่าวติดทะเบียนด้านหน้าและด้านหลังคนละทะเบียน ทำให้ทราบสาเหตุว่าในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสกัดจับไม่พบรถยนต์รถทะเบียน สช 5555 กรุงเทพมหานคร จึงเพิ่มป้ายทะเบียนเฝ้าระวังในฐานข้อมูลของตำรวจทางหลวงเพิ่มเติม ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวได้ข้อมูลจากระบบการแจ้งเตือนรถสวมทะเบียน หรือรถผิดกฎหมายที่ผ่านช่อง M-Flow ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลรถผิดกฎหมาย ป้ายทะเบียนเฝ้าระวัง ฯลฯ โดยระบบดังกล่าวจะช่วยในการตรวจสอบรถที่ผิดกฎหมายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต