จากกรณีGoogle ประกาศแผนลงทุนสร้าง Data Centerและ Cloud Regionในไทย ด้วยมูลค่าเงินลงทุน เฟสแรก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 36,000 ล้านบาทสะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของไทย กับการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค
นัยสำคัญเรื่องดังกล่าว..สะท้อนได้จากข้อได้เปรียบของไทยกับเพื่อนบ้านอยู่หลายด้าน..
1)โครงสร้างพื้นฐานมีคุณภาพสูง ทั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เครือข่าย 5G ระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียร มีศักยภาพด้านพลังงานสะอาด และกฎระเบียบด้านดิจิทัลที่มีมาตรฐานสากล
2)มีความมั่นคงปลอดภัยและเป็นกลางในเวทีระหว่างประเทศ อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางสามารถเชื่อมต่อกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะศักยภาพการเป็น Connecting Hub สำหรับกลุ่มประเทศ CLMVT ที่มีประชากรรวมกันกว่า 250 ล้านคน
3)บุคลากรที่มีคุณภาพและมีทักษะด้านดิจิทัล
4)ตลาดในประเทศขยายตัวสูง ทั้งดีมานด์จากการยกระดับองค์กรสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) การกำหนดนโยบาย Cloud First Policy ของรัฐบาล สัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ระดับสูง และประชาชน มีทักษะการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบดิจิทัล
5)สิทธิประโยชน์จูงใจ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ภาคธุรกิจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อดึงดูดบุคลากรทักษะสูงเข้าสู่ประเทศ
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการลงทุน Data Center และ Cloud Service ของบริษัทระดับโลก เพื่อรองรับการขยายตัวของ AI และบริการด้านดิจิทัลต่าง ๆ ที่กำลังเติบโตสูงในภูมิภาค
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่า ปัจจุบันมีโครงการ Data Centerและ Cloud Serviceขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจำนวน 46 โครงการมูลค่าเงินลงทุน 167,989 ล้านบาทส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ชลบุรีและระยอง
นอกจาก Google ที่ประกาศแผนลงทุนและยื่นคำขอกับบีโอไอแล้ว ยังมีบริษัทชั้นนำระดับโลก เข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในประเทศไทยแล้วหลายราย อาทิ Amazon Web Service (AWS)ที่ประกาศลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาทภายในปี 2580 โดยเฟสแรกได้ลงทุนสร้าง Data Center แล้ว 3 แห่ง เงินลงทุน 25,000 ล้านบาท
โครงการ NextDC จากออสเตรเลีย มูลค่าลงทุน 13,700 ล้านบาท, โครงการ CtrlS จากอินเดีย มูลค่าลงทุน 5,000 ล้านบาท, โครงการ STT GDCจากสิงคโปร์ มูลค่าลงทุน 4,500 ล้านบาท โครงการ Evolution Data Centerจากสิงคโปร์ มูลค่าลงทุน 4,000 ล้านบาท, โครงการ Supernap (Switch) จากสหรัฐฯ มูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาทโครงการ Telehouse จากญี่ปุ่น มูลค่าลงทุน 2,700 ล้านบาทและโครงการ One Asiaจากฮ่องกง มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจการให้บริการคลาวด์ (Cloud Service) มีบริษัทชั้นนำที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว เช่น Alibaba Cloudมูลค่าลงทุน 4,000 ล้านบาทและ Huawei Technologiesมูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงอีกหลายราย ที่ลงทุนธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ด้วย อย่างGSA(ร่วมทุนระหว่าง GULF, Singtel และ AIS), บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ และ บริษัท อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ INET
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจต่าง ๆ ที่เชื่อมโยง Data Center และ Cloud Service นั่นคือกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์, แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล, ดิจิทัลคอนเทนต์และกิจกรรมในระบบนิเวศด้านดิจิทัล ทั้งกิจการ Innovation Park, Maker Space หรือ Fabrication Lab และกิจการพัฒนาพื้นที่และระบบ Smart City เป็นต้น
แหละด้วย Data Centerและ Cloud Serviceคือหัวใจสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะทำให้ไทยกลายเป็น Digital Economy Hubอย่างแท้จริง..!!??
สุภชัย ปกป้อง
ความเห็น 0