เช้ามืดของวันที่ 1 กันยายนเมื่อ 29 ปีที่แล้ว เสียงปืนนัดหนึ่งได้ดังไปทั่วเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
.
มันคือเสียงปืนที่ “สืบ นาคะเสถียร” ตัดสินใจลั่นไกเพื่อปลิดชีพของตนเอง ลมหายใจสุดท้ายของเขาถูกทิ้งไว้พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง กับความเงียบหลังเสียงปืนได้กู่ตะโกนเรียกร้องเพื่อสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง เมื่อในที่สุดการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการบุกรุกป่าห้วยขาแข้ง ก็ได้เกิดขึ้นสองสัปดาห์หลังจากเสียงปืนนัดนั้น
.
ผลงานที่สืบฝากไว้ตลอดชีวิต 40 ปีของอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งด้วย ได้กลายมาเป็นบทเรียนสำคัญให้กับผู้คนทั่วประเทศไทย พร้อมจุดไฟแห่งการอนุรักษ์ให้เกิดขึ้นในใจผู้คนตลอดมา ด้วยคำพูดที่เขามักพูดเสมอว่า “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่าทุกตัว” ในวันที่เขาเป็นผู้นำในการต่อต้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน
.
สืบคือบุคคลที่ลงมือปั๊มหัวใจให้กับกวางที่จมน้ำเนื่องจากผลกระทบของการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา ในวันที่เขาร่วมกระโจนเข้าไปในภารกิจอพยพสัตว์ป่าในฐานะหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเนื่องจากการสร้างเขื่อนดังกล่าว ที่กินพื้นที่กว่าหนึ่งแสนไร่ นั่นคือสิ่งที่ตอกย้ำว่าสืบมองเห็นชีวิตของสัตว์ป่ามีค่าไม่ต่างจากชีวิตของมนุษย์ และย้ำให้เราได้เห็นชัดว่าสัตว์ป่าเองก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตบนโลกนี้ไม่ต่างจากมนุษย์ แต่แตกต่างกันเพียงสัตว์ป่าไม่สามารถพูดเพื่อเรียกร้องสิทธิให้ตัวเองได้
.
.
แต่ “สืบ” สามารถ “สาน” เสียงร้องเพื่อถิ่นที่อยู่อาศัยและการมีชีวิตรอดของสัตว์ป่า จนฝากความสำเร็จด้านการอนุรักษ์ไว้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในฐานะมรดกโลก กับบทกลอนแทนเสียงของสัตว์ป่าที่ยังคงสะท้อนอุดมการณ์ของเขาเสมอมา เป็นเวลาเกือบสามสิบปี
.
.
เสียงปืนที่ดังลั่น ตัวแม่นั้นต้องสิ้นใจ
ลูกน้อยที่กอดไว้ กระดอนไปเพราะแรงปืน
ฝืนใจเข้ากอดแม่ หวังแก้ให้แม่ฟื้น
แม่จ๋าเพราะเสียงปืน จึงไม่คืนชีวิตมา
โทษใดจึงประหาร ศาลไหนพิพากษา
ถ้าลูกท่านเป็นสัตว์ป่า ใครเข่นฆ่าท่านยอมไหม
ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์ใช่หรือไม่
โปรดเถิดจงเห็นใจ สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน
- สืบ นาคะเสถียร
.
.
ทุกอย่างตอกย้ำว่า “สืบ” ไม่เคยจากไปไหน
แต่เขายังมีชีวิตอยู่ในลมหายใจของสัตว์ป่าทุกตัว
และยังอยู่ในจิตวิญญาณแห่งการอนุรักษ์สืบไปตราบนานเท่านาน
.
.
ด้วยความรำลึกถึง
WWF-ประเทศไทย
.
.
#WWFThailand #TogetherPossible