โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

จับตา!! ประชุม กนง. นัดแรกของปี 2568 เสียงแตก ‘คง’ หรือ ‘ลด’ ดอกเบี้ย

The Bangkok Insight

อัพเดต 25 ก.พ. เวลา 13.13 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. เวลา 22.40 น. • The Bangkok Insight

จับตา!! ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. นัดแรกของปี 2568 เสียงแตก "คง" หรือ "ลด" ดอกเบี้ย

จับตา!! ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วันนี้ (26 ก.พ.) นัดแรกของปี 2568 โดย "นายกรัฐมนตรี" สะกิดดัง ๆ ขอ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ช่วยหั่นดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดภาระประชาชน ขณะที่แวดวงการเงินยังเสียงแตกจะ "คงดอกเบี้ย" หรือ "ลดดอกเบี้ย"

CIMBT บอกเป็นไปได้สูง "กนง." ลดดอกเบี้ย

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ กนง. จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% ในรอบการประชุมที่จะถึงนี้ โดยเห็นว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวไปมากกว่านี้ หรือพยายามรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบไตรมาสต่อไตรมาสให้ทรงตัว ไม่ให้ปรับลดลง

ส่วนกรณีที่หลายสำนักคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงก็น่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณใด ๆ จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งยังมีการย้ำถึงการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายหรือเก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองต่างและมองว่า กนง. น่าจะทบทวนปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากการประชุมครั้งก่อน และจากทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดการเงินในอนาคต จนน่าจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบเดือนกุมภาพันธ์นี้ อีกทั้งหากไม่ได้ปรับลดในรอบนี้ นักวิเคราะห์ในตลาดการเงินส่วนใหญ่ก็มองว่ามีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมหน้าในเดือนเมษายนอยู่แล้ว จึงมองว่าการปรับลดก่อนน่าจะสร้างความเชื่อมั่นและมีผลต่อเศรษฐกิจมากกว่า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มอง "คงดอกเบี้ย" รอดูสถานการณ์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 2.25% ต่อเนื่อง โดย กนง. มีแนวโน้มรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจไทยภายใต้ความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ

ขณะที่โมเมนตัมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ คาดว่า จะยังขยายตัวได้ใกล้เคียงกับระดับอัตราการขยายตัวในไตรมาส 4/2567 ที่อยู่ที่ 3.2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งส่งออก และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ

ทั้งนี้ ในปี 2568 มีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ครั้ง โดยกนง. คงให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศเป็นสำคัญ ทิศทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลกที่ล่าช้าออกไปตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กนง. นำมาพิจารณาจังหวะในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทย

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาด "คงดอกเบี้ย"

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% ในการประชุมรอบวันนี้ (26 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับไม่สูงนัก แต่มองว่า กนง. ก็กำลังประเมินความเสี่ยงจากสงครามการค้า และภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศเข้ามาพิจารณาประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยนโยบายเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้ กนง. อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนโยบายเพียงครั้งเดียว ซึ่งอาจจะเป็นการประชุมในเดือนมิถุนายน 2568

ทิสโก้ คาด "คงดอกเบี้ย" ระดับเดิม

นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ในการประชุมนัดแรกของปีในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต (Policy Space) ท่ามกลางประสิทธิผลของนโยบายการเงินที่ลดลง โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

"TISCO ESU ประเมินว่า กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หรือ 25 bps จำนวน 1 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับลดในช่วงกลางปี 2568 เป็นต้นไป จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มปรับลดตั้งแต่การประชุมนัดแรกของปี 2568" นายเมธัส กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...