อีกหนึ่งปัญหาของการเลือกซื้อกระเบื้อง โดยเฉพาะเจ้าของบ้านที่ต้องไปเลือกซื้อเองนั้น ส่วนใหญ่เจอลวดลายที่ถูกใจ แต่ไม่รู้ว่าถูกตามประเภทที่ต้องการใช้งานหรือไม่ อีกทั้งในปัจจุบันกระเบื้องถูกนำมาพัฒนาให้มีหลากหลายรูปแบบทั้งลวดลาย เนื้อวัสดุ และผิวสัมผัส เพื่อตอบโจทย์กับสไตล์ของบ้านที่มีหลากหลายมากขึ้น ยิ่งทำให้การเลือกซื้อกระเบื้องกลายเป็นงานยากขึ้นไปอีกค่ะ เพราะฉะนั้น Homeday จะพามาทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ กันดีกว่า ว่ากระเบื้องผนังกับกระเบื้องปูพื้นต่างกันอย่างไร สามารถใช้แทนกันได้หรือไม่
กระเบื้องผนัง มีลักษณะอย่างไร
กระเบื้องผนังจะมีน้ำหนักเบา มีความพรุนสูงเพื่อให้แปะอยู่บนผนังได้โดยที่ผนังไม่ต้องรับน้ำหนักกระเบื้องมาก การยึดของหนัก ๆ เข้ากับผนังจะมีโอกาสหล่นลงมามากกว่าของเบาและเพื่อให้ยึดเกาะได้ดีด้านหลังของกระเบื้องจะต้องขรุขระ ไม่เรียบ หากเลือกนำไปปูพื้นอาจะแตกเปราะได้ง่าย และมีพื้นผิวที่มีความลื่นอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม
ลักษณะกระเบื้องผนังที่เหมาะสม
ลักษณะกระเบื้องที่เหมาะสมสำหรับกระเบื้องผนัง คือ กระเบื้องผิวหน้ามัน เป็นผิวกระเบื้องที่เหมาะสำหรับบุผนัง ทำความสะอาดง่าย แต่หากโดนน้ำแล้วจะเกิดความลื่น จึงไม่นิยมปูพื้นที่เปียกอย่างในห้องน้ำ ระเบียงนอกบ้าน ที่กลางแจ้ง เพราะอาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ แต่หากใช้บุผนังสามารถใช้ได้ทุกจุด
กระเบื้องพื้น มีลักษณะอย่างไร
กระเบื้องปูพื้น มีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก มีความแข็งแรงสูงเพื่อรองรับน้ำหนักเวลาถูกกดทับ สามารถใช้งานได้ในทุกจุดตามความเหมาะสม ใช้บุผนังได้ แต่ต้องอาศัยช่างที่มีประสบการณ์สูง เพราะเวลาปูต้องปูแบบแห้ง โดยใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่ได้มาตรฐาน ห้ามปูแบบซาลาเปาเป็นอันขาด เพื่อป้องกันปัญหากระเบื้องหลุดร่อน
ลักษณะกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสม
ลักษณะกระเบื้องที่เหมาะสมสำหรับกระเบื้องปูพื้น คือ กระเบื้องผิวหน้าหยาบ การเลือกกระเบื้องที่มีผิวหน้าหยาบมากหรือน้อยต้องคำนึงถึงพื้นที่การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสำหรับการปูนอกบ้าน โรงจอดรถ บริเวณที่ต้องเปียกชื้น พื้นที่ที่มีผู้สูงอายุใช้งาน จนถึงบริเวณทั่วไปอย่างห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องนอน ซึ่งสามารถขอคำแนะนำจากพนักงานขายเพิ่มเติมในการเลือกซื้อกระเบื้องเพื่อให้นำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
ความแตกต่างระหว่างกระเบื้องผนังและกระเบื้องพื้น
- กระเบื้องผนังสีเนื้อด้านหลังของแผ่นกระเบื้องที่เป็นสีเนื้อดินธรรมชาติผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ ซึ่งไม่ถูกเคลือบสีพิมพ์ลวดลายใด ๆ มีเพียงเท็กซ์เจอร์ที่สร้างขึ้น เพื่อช่วยในการยึดติดเท่านั้น
- กระเบื้องปูพื้น จะมีโทนสีเนื้อดินที่เข้มกว่ากระเบื้องผนังอย่างเห็นได้ชัด อันมาจากส่วนผสมของวัตถุดิบ ที่ต้องมีความแข็งแกร่ง ทนแรงกดอัดได้มากกว่า อุณหภูมิการเผาที่สูงกว่าเล็กน้อย ในส่วนของอุณหภูมิการเผากระเบื้องปูพื้นจะใช้อุณหภูมิสูงกว่าเล็กน้อย โดยกระเบื้องเซรามิกปูพื้นจะเผาที่อุณหภูมิ 1,100 องศาเซลเซียส กระเบื้องเซรามิกบุผนังจะเผาอยู่ที่ 1,000 องศาเซลเซียส กระเบื้องแกรนิตโต้และเกลซพอร์ซเลนจะเผาอยู่ที่อุณหภูมิ 1,250 องศาเซลเซียส ซึ่งกระเบื้องบุผนังนอกจากจะมีน้ำหนักเบากว่า สีเนื้อดินแผ่นหลังที่ดูซีดจางกว่า ยังมีค่าการซึมน้ำที่สูงกว่า (15-22 เปอร์เซ็นต์) แต่กระเบื้องปูพื้นมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำถึงปานกลาง (3-6 เปอร์เซ็นต์)
ข้อแนะนำในการปูกระเบื้องผนังและพื้น
- ควรวางแนวกระเบื้องเพื่อตรวจสอบลายก่อนเสมอ
- ผสมน้ำและกาวซีเมนต์ในอัตราส่วน 1:3
- ใช้เกรียงหวีในการปาดกาวซีเมนต์ก่อนทำการปูกระเบื้องเพื่อการยึดเกาะที่แข็งแรง
- ระหว่างการปูควรใช้ระดับน้ำเช็ดระนาบพื้นผิวตลอดเวลา
- การเว้นร่องยาแนวควรใช้อุปกรณ์จัดแนวกระเบื้อง เพื่อให้เท่ากันทุกร่องยาแนว
- กระเบื้องขนาด 60*60 ซม. ขึ้นไป ควรใช้ตัวปรับระดับกระเบื้อง ให้พื้นเรียบเนียน ไม่มีสะดุด
สรุปได้ว่า “เราสามารถนำกระเบื้องปูพื้นไปใช้ปูผนังได้ แต่ไม่ควรใช้กระเบื้องปูผนังไปปูพื้นนั่งเอง” เพราะด้วยลักษณะทางกายภาพต่าง ๆ ไม่เหมาะกับการรับน้ำหนักและแรงกดทับได้ เพราะฉะนั้นการเลือกกระเบื้องให้ถูกต้องตามลักษณะการใช้งานเป็นสิ่งที่ควรคำนึง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินแก้ไขและไม่เกิดอุบัติเหตุด้วยนะคะ
ความเห็น 0