โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘Noble Development’ เปิด 7 โครงการใหม่ ปี 67 ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท แจกปันผลระหว่างกาล 0.20 บาทต่อหุ้น

TODAY

อัพเดต 19 ม.ค. 2567 เวลา 17.26 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2567 เวลา 06.10 น. • workpointTODAY

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2567 แตะ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sale) ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท เตรียมทุ่มงบซื้อที่ดินย่านพระราม 9 ประชาชื่น และบางนา-ตราด ขึ้นโครงการใหม่ ปูทางเป็น Top 5 ในวงการผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ปีนี้จ่อเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,710 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมีจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,600 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เตรียมเปิดตัวใหม่ตลอดทั้งปีนี้ ประกอบไปด้วย

  • Noble Norse กรุงเทพกรีฑา : บ้านเดี่ยว ทำเลกรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 1,480 ล้านบาท เปิดตัว Q1/2024
  • Nue Shade ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ : บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท เปิดตัว Q2/2024
  • Nue Center Westgate : บ้านเดี่ยวย่านเวสต์เกต มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท เปิดตัว Q3/2024
  • Pattanakarn Condo : คอนโด High-Rise ย่านพัฒนาการ มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท เปิดตัว Q3/2024
  • Nue Coast Khu Khot Station : คอนโด Low-Rise ใกล้รถไฟฟ้าคูคต มูลค่าโครงการ 1,470 ล้านบาท เปิดตัว Q3/2024
  • Chaengwattana Lotus : คอนโด Low-Rise ใกล้ห้าง มูลค่าโครงการ 1,160 ล้านบาท เปิดตัว Q3/2024
  • Rama9 – Din Daeng phase 1 : คอนโด High-Rise ย่านพระราม 9 มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท เปิดตัว Q3/2024

และอีกหนึ่งโครงการน่าจับตา เตรียมขาย Pre-sale ช่วง Q1/2024 คือโครงการ The Embassy Wirless คอนโดมิเนียม Freehold บนทำเลศักยภาพ ถนนวิทยุ มูลค่ากว่า 9,550 ล้านบาท ที่ร่วมกับทาง Hongkong Land ปัจจุบันมียอด Pre-sale จากต่างชาติแล้วกว่า 2,200 ล้านบาท ถือว่ากระแสตอบรับดีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างเสร็จ (Inventory) ในมือ มีมูลค่ารวมกว่า 34,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมที่จะสร้างเสร็จใหม่ในปี 2567 อีกจำนวน 4 โครงการ ปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70% ได้แก่

  • โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว
  • โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ
  • โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง
  • โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%

สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถกวาดยอดขาย Pre-sale ได้กว่า 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ จำนวน 6,600 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8,300 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ ทั้งหมดนี้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและน่าพอใจ แม้จะมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากก็ตาม

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังสร้างยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้ค่อนข้างเยอะด้วย โดยมีสัดส่วนยอดขายกว่า 5,700 ล้านบาท ถือว่าเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยโครงการที่ได้การตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมระดับ Luxury บนทำเลถนนทองหล่อ ถนนสุขุมวิท และถนนวิทยุ เช่น โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ โครงการโนเบิล สเตท 39 และโครงการ ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส

ที่ผ่านมา โนเบิลได้มีขยายตลาดของลูกค้าต่างชาติไปในตลาดใหม่ๆ เช่น เมียนมา ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง ฯลฯ สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทคาดการณ์ว่า กลุ่มลูกค้าจีนจะกลับมามากขึ้นหลังเศรษฐกิจของจีนฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติของบริษัทฯ กลับมามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเห็น Sentiment (ความเชื่อมั่น) ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดย Segment ที่ยังคงสร้างยอดขายที่ดีให้กับบริษัทฯ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับ Luxury และคอนโดมิเนียมในเมือง

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติปันผลระหว่างกาลของผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนของไตรมาส 3/2566 จำนวน 0.20 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 51.2% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 มกราคม 2567 และจ่ายเงิน ปันผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 โนเบิลเชื่อว่าน่าจะเป็นปีที่ดีขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับการมีรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการต่างๆ ได้เต็มปีในปีแรกก็น่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งดอกเบี้ยที่อยู่ในภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงทำให้นักลงทุนกล้าจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดที่หายไปเป็นกลุ่มของนักลงทุน ขณะที่กลุ่ม Real Demand ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ดังนั้นหลังจากนี้ก็เชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนจะกล้าลงทุนมากขึ้นและเพื่อรองรับตลาดอสังหาฯ ที่จะดีขึ้น

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยการเพิ่มไลน์ธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด ในรูปแบบธุรกิจบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า รวมถึงธุรกิจการบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

พร้อมทั้งมีธุรกิจต่อเนื่องที่จะสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income ) เช่น ธุรกิจการให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) ในโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) ธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell) บนหลังคาของโครงการที่อยู่อาศัย เป็นต้น อีกทั้ง ยังมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่ เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม แผนการสยายปีกดังกล่าวเป็นการต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้มีความครบวงจรควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในอนาคต

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...