ปลดล็อกแล้วไงต่อ? ส่อง“พรบ.กัญชา” ช่องโหว่ที่มีเว้นไว้เพื่อใคร?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พรบ.กัญชา” เป็นประเด็นทางสังคมร้อนแรงอันดับต้น ๆ ที่หลายภาคส่วนจับตามองอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ได้มีมติเห็นชอบในวาระ 3 ผ่านร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่มีสาระสนองเรื่องกัญชา-กระท่อมโดยตรง
การปลดล็อกกัญชาและกระท่อมครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการนำพาพืชดังกล่าว ก้าวข้าม “ยาเสพติด” ไปสู่การเป็น “ยารักษาโรค”
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ปลดล็อกแล้วยังไงต่อ? จะบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะหลายฝ่ายกำลังเข้ามาชี้ให้เห็นช่องโหว่ ของ พรบ.นี้ ในหลากหลายประเด็น และสุดท้าย..ใครได้ประโยชน์กันแน่?
ดูเหมือนว่าบริษัทยาของต่างชาติจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการปลดล็อกพรบ.กัญชา ทั้งจากการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาจากกัญชาในประเทศไทย แทนที่จะเป็นประชาชนในประเทศซึ่งได้เคยพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกัญชาเป็นยารักษาโรคมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้เพราะภาครัฐหรือภาคเอกชนไทยยังไม่มีผลวิจัยเป็นของตัวเอง หลังปลดล็อกฯ แล้ว ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี ในการทำผลวิจัยขึ้นมาเพื่อประกอบการขออนุญาตใช้ในทางการแพทย์ ในขณะที่บริษัทต่างชาติมีผลวิจัยรองรับและพร้อมใช้งานได้ทันที
สำหรับช่องโหว่เรื่องการละเมิดสิทธิบัตร โดยเฉพาะสิทธิบัตรที่ต่างชาติอาจได้ครอบครองเพื่อหาประโยชน์ทางพาณิชย์ ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาอยู่ก่อนแล้ว และมีคำขอสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 10 สิทธิบัตร ยังไม่ถูกยกเลิก ล่าสุดก็ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 1/2562 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตรและมาตรการด้านสิทธิบัตรเป็นกรณีพิเศษ เข้ามาปิดช่องโหว่ในประเด็นนี้เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ด้วยความรีบร้อนของการผลักดันกฎหมาย ทำให้เกิดช่องโหว่ที่นำพาให้“ฝิ่น” ได้รับการปลดล็อกไปพร้อมกับกัญชาและกระท่อมด้วย! ซึ่งอาจมีปัญหาตามมาในอนาคตหรือไม่ อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะเหมือนว่าฝิ่นจะถูกปลดล็อกไปโดยมิได้ตั้งใจ
อีกทั้งยังมีการเพิ่มสาระสำคัญ เรื่อง การนิรโทษกรรมย้อนหลังให้กับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการครอบครองกัญชาเพื่อศึกษาวิจัยก่อนพ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับ นั่นหมายถึง ผู้ที่ครอบครองเริ่มงานวิจัยก่อนกฎหมายมีผลบังคับ ก็จะไม่มีความผิด?
เพราะประเด็นนี้ครอบคลุมและเกี่ยวข้องกับทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจและการค้า อีกทั้งกระบวนการยุติธรรม ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลจะปิดช่องโหว่และรอยรั่วได้ทุกด้านหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ภาคสังคมคงต้องช่วยกันขับเคลื่อน เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดเกิดขึ้นกับภาคประชาชนที่จะได้ใช้พืชเหล่านี้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคร้ายที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต
แหล่งข้อมูล :
https://www.matichonweekly.com/column/article_164446
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/blunt-opinion/news_2086444
https://mgronline.com/uptodate/detail/962000000970
ภาพประกอบ
http://kurdflora.com/flora/خ/1865/92
https://www.oncb.go.th/ncsmi/picture/Forms/Thumbnails.aspx?FolderCTID=0x012000778087481BFB76429041190590CD3A72&View={8f3d371b-579f-4566-a883-c85662579000}&RootFolder=%2Fncsmi%2Fpicture%2F25590616%5Fใบกระท่อม&SortField=Modified&SortDir=Asc
ความเห็น 37
🙂
ดัจริต
ใครใคร่ปลูก ปลูก
ใครใคร่ดูด ดูด
ไม่ต้องสนพวกดูดเลือด
01 ก.พ. 2562 เวลา 01.14 น.
SarawootCh
แล้วชาวบ้านปลูก ได้หรือยัง??
01 ก.พ. 2562 เวลา 01.03 น.
THBoowis
รอปลูกไว้ใส่ผัดเผ็ดไก่บ้านสัก 1 ไร่
01 ก.พ. 2562 เวลา 01.57 น.
Fluke
กัญชามีประโยชน์มากว่าโทษแน่นอนครับ
01 ก.พ. 2562 เวลา 04.05 น.
Ta_wan 🪽
ประโยชน์เยอะกว่ากว่า บุหรี่ สุราแน่นอนค่ะ ช่วยรักษาได้มากกว่าได้โทษ ใครไม่เห็นด้วยคงไม่ผิดคำพูดไปหาซื้อมาไว้ใช้นะคะ
01 ก.พ. 2562 เวลา 04.05 น.
ดูทั้งหมด