โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

Lucid Dream ทฤษฎีที่ว่าด้วยการตระหนักรู้ ว่าเรากำลังอยู่ในความฝัน

Health Addict

อัพเดต 11 พ.ย. 2563 เวลา 08.43 น. • เผยแพร่ 11 พ.ย. 2563 เวลา 08.24 น. • Health Addict
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในฝันรึเปล่า? ปกติแล้วเราเองจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเรากำลังฝันอยู่ แต่จะมีฝันอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะรู้ตัวว่า ‘เรากำลังอยู่ในฝัน’ ซึ่งเมื่อเรารู้แบบนั้น เราจะสามารถควบคุม และสร้างสรรค์เหตุการณ์ในฝันได้ตามใจนึก
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในฝันรึเปล่า? ปกติแล้วเราเองจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเรากำลังฝันอยู่ แต่จะมีฝันอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะรู้ตัวว่า ‘เรากำลังอยู่ในฝัน’ ซึ่งเมื่อเรารู้แบบนั้น เราจะสามารถควบคุม และสร้างสรรค์เหตุการณ์ในฝันได้ตามใจนึก

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในฝันรึเปล่า? ปกติแล้วเราเองจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเรากำลังฝันอยู่ ความฝันก็จะเป็นหนึ่งเรื่องราวที่ดำเนินไป เราจะรู้ว่าเราฝันก็ต่อเมื่อเราตื่นขึ้นมาเท่านั้น แต่จะมีฝันอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะรู้ตัวว่า ‘เรากำลังอยู่ในฝัน’ ซึ่งเมื่อเรารู้แบบนั้น เราจะสามารถควบคุม และสร้างสรรค์เหตุการณ์ในฝันได้ตามใจนึก ฝันแบบนี้เรียกว่า Lucid Dream

Lucid Dream เพราะในฝันฉันควบคุม
ลูซิดดรีม (Lucid Dream) คือความฝันรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ฝันรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝัน ทีนี้พอเรารู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความฝัน เราก็จะสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ ไร้ซึ่งความกังวลและความกลัวใดๆ แต่ความฝันนั้นจะออกมาสมจริงมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของแต่ละคนด้วย ซึ่งบางคนอาจจะถึงกับสามารถเนรมิตสภาพแวดล้อม ผู้คน หรือสถานการณ์ในความฝัน ให้ออกมาได้อย่างที่ใจต้องการเลย
อยากมี Lucid Dream ต้องทำยังไง?
มีการประมาณว่า 55% ของประชากรโลก เคยมีประสบการณ์การฝันแบบลูซิดดรีม อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ก็บอกตรงกันว่า การฝันแบบนี้ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และมีความต้องการอยากจะได้รับประสบการณ์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ เราเลยไปหาข้อมูลเรื่องนี้มาเพิ่ม จนได้ความว่า Dr. Stephen LaBerge คือนักจิตวิทยาชาวอเมริกาที่ศึกษาเรื่องนี้มากว่า 20 ปีแล้ว และได้อธิบายเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ถึงแม้ว่าลูซิดดรีมมักจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เราก็สามารถเรียนรู้และฝึกฝนที่จะควบคุมฝันได้เหมือนกัน
วันนี้เราเลยมี How to Lucid Dream ที่ผ่านการทดลองอย่างเป็นทางการมาฝากกันถึง 4 วิธี ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย!      #1 Reality Testing ลองถามตัวเองดู ว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่รึเปล่า? วิธี Reality Testing เป็นการฝึกการรับรู้ หรือที่เรียกว่าอภิปัญญา (Metacognition) ซึ่งเริ่มจากการฝึกจิตให้เกิดการรับรู้ (Awareness) เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวมากขึ้น เพราะจากรายงานของ Cognitive Neuropsychiatry ระบุว่าระดับของ Metacognition จะค่อนข้างเสถียร ไม่ว่าเราจะกำลังหลับหรือว่ากำลังตื่นอยู่ นั่นหมายความว่า ยิ่งเราฝึกการรับรู้ของจิตใจตัวเองให้มีมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเราเองกำลังอยู่ในความฝันมากเท่านั้น
  วิธีตลกๆ ที่เราเห็นตามละครทีวีหรือภาพยนตร์อย่างการตบหน้า หยิกแขน เอาจริงๆ แล้วไม่วิธีที่ไร้สาระไปซะทีเดียวนะ Dr. Stephen LaBerge แนะนำว่าอาจจะลองตั้งนาฬิกาปลุกตอนกลางคืนทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อลุกขึ้นมาทำ Reality Check ซึ่งโดยปกติแล้ว การงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่นในตอนกลางคืนอาจทำให้เราสับสนระหว่างฝันกับความเป็นจริงได้ ถ้าเราเริ่มเช็คตัวเอง และพบว่าเรากำลังอยู่ในความฝัน นั่นแหละคือลูซิดดรีมกำลังเกิดขึ้นแล้ว ๅๆ
   #2 Wake back to bed (WBTB) วิธีนี้คือการพยายามเข้าสู่ช่วง REM (อ่านเรื่อง Sleep Cycles เพิ่มเติมได้ที่นี่) ในขณะที่ยังมีสติอยู่ โดย Dr. Stephen LaBerge ได้แนะนำว่าให้ตั้งนาฬิกาปลุก 5 ชั่วโมง หลังจากเวลาเข้านอน จากนั้นก็เข้านอนตามปกติ พอถึงเวลาที่นาฬิกาปลุก ให้ลุกขึ้นมาทำแอคทิวิตี้เบาๆ อย่างการอ่านหนังสือสัก 30 นาที จากนั้นพอเข้านอนต่อ ก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่ลูซิดดรีมมากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ PLoS One ที่ระบุว่าการใช้วิธี WBTB มีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสประสบการณ์แบบลูซิดดรีม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับความตื่นตัวของเราเป็นหลัก
  •   #3 Mnemonic induction of lucid dreams (MILD) เทคนิคสุด Old School นี้ ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ถือเป็นวิธีแรกๆ ที่ Dr. Stephen LaBerge ใช้ในการทดลองและทำการวิจัยเรื่องลูซิดดรีม โดยในขณะที่กำลังจะหลับ ให้เรานึกถึงความฝันล่าสุด และให้พยายามระบุความผิดปกติที่เกิดขึ้นในฝัน จากนั้นพยายามท่องในหัวเอาไว้ว่าเราอยากที่จะกลับไปฝันแบบเดิมอีก ซึ่งจากผลการทดลองในปี 2017 ของ the jounal of Dreaming ระบุว่า การผสมผสานกันของทั้งสามวิธีข้างต้นนี้ เป็นการฝึกการเข้าสู่ลูซิดดรีมที่ดีที่สุด และจะช่วยให้เรามีโอกาสได้ลิ้มลองประสบการณ์การควบคุมฝันได้มากขึ้น
•   #4 Keeping a dream journal จริงๆ แล้วคนเรามักจะฝันเรื่องอะไรก็ตามมากกว่าหนึ่งครั้งอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเรามักจะจำความฝันของเราไม่ค่อยได้เนี่ยสิ วิธีง่ายๆ สุดเบสิคที่ใครๆ ก็ทำได้เลยคือ การจดบันทึกความฝันหลังจากที่เราตื่นขึ้นมา เพราะถ้าครั้งหน้าเราฝันเรื่องเดิมอีก เราอาจจะรู้ตัวก็ได้ว่ากำลังอยู่ในฝัน
ใครที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ฝันแบบ Lucid Dream ก็ลองเอาไปทำกันได้นะ แต่ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ได้สำเสร็จขนาดที่ว่าใครทำตามสเต็ปนี้แล้วจะควบคุมฝันกันได้ทุกคนนะ ส่วนถ้าใครเคยมีประสบการณ์ Lucid Dream มาแล้วก็มาแชร์ให้เราฟังได้นะ!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0