โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คปภ.แก้เกณฑ์คืนกำไรผู้ถือหุ้น สบช่อง บ.ประกันต่างชาติขนเงินกลับประเทศ

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 09 มี.ค. 2562 เวลา 01.00 น.

คปภ.แก้เกณฑ์ไฟเขียวประกันจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ในส่วนที่ได้กำไรจากการขายอสังหาฯ-เงินลงทุน สบช่องประกันต่างชาติขนกำไรกลับประเทศได้ไม่เกิน 25% พร้อมเพิ่มกฎเข้ม “วิเคราะห์” ผลกระทบใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ทั้ง “IFRS9-IFRS17” ครอบคลุมสินค้ารับประกันสูงสุดรวมกันแล้วเกิน 50% มาก่อนขออนุมัติ

แหล่งข่าวสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อปลายปี 2561 คปภ.ออกประกาศฉบับใหม่ เรื่องแนวปฏิบัติในการขอรับความเห็นชอบการคำนวณผลกำไรของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกันชีวิต ซึ่งประกาศฉบับนี้เปิดทางให้บริษัทประกันชีวิตทั้ง 23 แห่ง สามารถนำกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน และกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ มาคำนวณเป็น “กำไร” ของบริษัท เพื่อจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้สัดส่วนไม่เกิน 25% ของกำไรดังกล่าว

“เดิมกำไรส่วนนี้จะไม่ให้มานับรวมกับกำไรจากการขายประกันเพื่อจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น แม้จะเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจริงแล้วก็ตาม เนื่องจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นสัญญาระยะยาว เบี้ยประกันที่ได้รับจากผู้เอาประกันยังไม่ถือเป็นรายได้ของบริษัททั้งหมด บริษัทจะต้องกันเป็นเงินสำรองเพื่อจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันตามสัญญา” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ดี บริษัทประกันชีวิตจะสามารถนำกำไรส่วนนี้มาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้นั้น จะต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 และ IFRS17 มาก่อน ซึ่งจะต้องครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประกันที่มีสัดส่วนการรับประกันสูงสุดของบริษัทรวมแล้วเกินกว่า 50% ของการรับประกันทั้งหมด

“ซึ่งเกณฑ์นี้จะเข้มกว่าเดิมค่อนข้างมาก เพราะก่อนหน้านี้ บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องวิเคราะห์ผลกระทบ IFRS9 และ IFRS17 ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีมาตรฐาน แต่เริ่มเห็นหลายบริษัทเตรียมพร้อมเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะบริษัทประกันต่างชาติที่ต้องการจะนำงบฯบางส่วนไปรวมกับบริษัทแม่” แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับคุณสมบัติของบริษัทประกันชีวิตที่จะขอรับความเห็นชอบเรื่องการจ่ายเงินปันผลนั้น จะต้องเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและฐานะการเงินดี มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) มากกว่า 200% หลังจากหักจำนวนเงินปันผล และทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) นอกจากนี้ ต้องมีอัตราส่วนสินทรัพย์ลงทุนต่อเงินสำรองประกันภัยมากกว่า 110% และมีอัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 3% ด้านอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก รวมถึงมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง 2 ปี รวมงวดบัญชีที่จ่ายปันผล พร้อมทั้งต้องจัดทำประมาณการงบการเงิน และประมาณการอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของบริษัทอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจ

ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทประกันชีวิตรายใดยื่นขอรับความเห็นชอบต่อนายทะเบียน (เลขาธิการ คปภ.โดยตำแหน่ง) เพื่อจะนำกำไรส่วนนี้มาจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น แต่โดยปกติแล้วบริษัทประกันชีวิตจะปิดงวดบัญชีก่อนที่จะมีการขออนุมัติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ประมาณเดือน มี.ค-เม.ย. ซึ่งการพิจารณานั้นจะแจ้งผลให้บริษัทประกันเป็นหนังสือภายใน 15 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จริง ๆ ของเดิมก็เข้มอยู่แล้ว เพราะการขอรับความเห็นชอบในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกันชีวิต นอกจากจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว ที่สำคัญคือจะต้องขออนุมัติจากนายทะเบียน ซึ่งหากไม่อนุญาตก็ไม่สามารถจ่ายได้

“ทุกวันนี้บริษัทประกันชีวิตมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งในอนาคตเทรนด์ลงทุนจะเป็นแบบนั้น ส่วนจะเปิดช่องให้บริษัทประกันต่างชาตินำกำไรออกไปต่างประเทศได้นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพ แต่อย่างไรก็ตาม การจ่ายปันผลจะต้องได้รับการอนุมัติจากนายทะเบียน” นายสาระกล่าว

ส่วนผลกระทบมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะต้องไปวิเคราะห์นั้น สำหรับ IFRS9 ไม่ได้มีประเด็นมาก แต่ IFRS17 มีประเด็นที่ต้องศึกษา เพราะขณะนี้ทุกบริษัทยังมองไม่ทะลุ เนื่องจากเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งโลก แต่ต่างประเทศอาจจะบังคับใช้ไปก่อน 1 ปี ปัจจุบันบริษัทใช้ที่ปรึกษาบริษัทตรวจสอบบัญชีที่เป็น BIG4 เข้ามาช่วยในการศึกษา

นายสุธี โมกขะเวส รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทประเมินผลกระทบการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ไปมากพอสมควร แต่การจะ full implementation อาจจะยังไม่พร้อม ขณะนี้ขับเคลื่อนไปแล้ว 20-30% โดยลงทุนเรื่องระบบมากที่สุดเป็นหลักร้อยล้านบาทในการนำมาดำเนินการ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...