โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

12 หนังภาคต่อ “ห่วยที่สุด” ตลอดกาล ที่มีแค่ภาคแรกก็เกินพอแล้ว

BT Beartai

อัพเดต 24 ก.พ. 2563 เวลา 03.05 น. • เผยแพร่ 23 ก.พ. 2563 เวลา 08.33 น.
12 หนังภาคต่อ “ห่วยที่สุด” ตลอดกาล ที่มีแค่ภาคแรกก็เกินพอแล้ว

หลายครั้งที่ความสำเร็จของหนังภาคแรกที่ทำรายได้ดีทั้งตามที่คาดและเกินกว่าที่ค่ายหนังคาดหวัง นำมาซึ่งภาคสองหรือภาคต่อที่ขยายลากยาวเป็นแฟรนไชส์ ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะทำรายได้ดีกว่าหรืออย่างน้อย ๆ ก็เท่ากับภาคแรกซึ่งจะสร้างกำไรให้กับค่ายหนัง แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นสำหรับบางเรื่อง ที่รายได้หล่นลงอย่างฮวบฮาบตามคุณภาพของหนังที่หล่นหายไปชนิดที่เรียกว่า อย่ามีภาคต่อ ให้จบในภาคเดียวจะดีเสียกว่า และนี่คือ 12 หนังภาคต่อ (ภาคสองและภาคหลังจากสอง) ที่ห่วยที่สุดตลอดกาล (อิงจากคะแนนจากเว็บไซต์วิจารณ์และให้คะแนนหนัง Rotten Tomatoes)

Speed 2: Cruise Control (1997)

Speed 2 (1997)

Speed 2 (1997)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 4% / 94%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 164 / 350 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Sandra Bullock, Jason Patric, Willem Dafoe, Temuera Morrison
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Jan de Bont (Speed, Twister, The Haunting, Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ภาคแรกเป็นหนังฮิตระเบิด ติดท็อปหนังดังของ Keanu Reeves และ Sandra Bullock และถ้าดูจากคะแนนวิจารณ์ก็สูงขนาด 94% ไม่แปลกที่ภาคต่อจะตามมาและยังได้ทั้งนางเอกและผู้กำกับจากภาคแรกกลับมา ขาดก็แต่เพียง Reeves ที่ถือเป็นปัจจัยความสำเร็จเพียงหนึ่งเดียวของหนังแอ็กชันเรื่องนี้ ซึ่งไม่ตามมากับภาค 2 ที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่ แค่เปลี่ยนสถานการณ์จากบนรถบัสมาเป็นเรือหรู และได้พระเอกที่ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย ทำให้คะแนนของหนังจากอีก 6 % จะร้อย เหลือแค่ 4% และรายได้หล่นลงกว่าครึ่ง แบบนี้ให้คนจำแค่ว่ามีภาคเดียวก็น่าจะดีกว่า

The Whole Ten Yards (2003) 

The Whole Ten Yards (2010)

The Whole Ten Yards (2003)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 4% / 45%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 26 / 106 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Bruce Willis, Matthew Perry, Amanda Peet, Kevin Pollak
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Howard Deutch (Grumpier Old Men, The Replacements, The Great Outdoors, My Best Friend’s Girl)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: เอาเข้าจริง ๆ หนังภาคแรกที่เกี่ยวข้องกับมือปืนผู้มาหลบซ่อนตัวและมีเพื่อนบ้านเข้าไปเกี่ยวข้องโดยบังเอิญเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีคำวิจารณ์ที่ดีเด่นอะไร (จนขนาดที่ควรจะมีภาค 2 ตามออกมา) แต่ก็เป็นไปได้ว่าค่ายหนังอาจอยากลองเสี่ยงกับพระเอกนักบู๊ที่เล่นหนังตลกได้ดีอย่าง Bruce Willis และพระเอกซีรีส์ Friends ที่ก็ฮิตอยู่หลายปีอย่าง Matthew Perry แต่ความสำเร็จแม้แต่ในระดับเดิมทั้งคุณภาพและการทำเงินก็ไม่ได้กลับมา แถมรายได้ยังหล่นหายไปกว่า 3 ใน 4 และยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณภาพของหนัง ปิดโอกาสที่จะมีภาค The Whole Eleven Yards ให้ได้อึดกันอีกสักสิบเอ็ดหลา

Basic Instinct 2 (2006)

Basic Instinct 2

Basic Instinct 2 (2006)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 6% / 53%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 38 / 352 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Sharon Stone, Hugh Dancy, David Thewlis, Charlotte Rampling
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Michael Caton-Jones (The Jackal, Scandal, This Boy’s Life, Rob Roy)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ภาคแรกออกฉายปี 1992 ก็ไม่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีเท่าไรนัก แต่ความฉาวของเรื่องราว และความแซ่บของนักแสดงสาวสวยเป๊ะในเวลานั้นอย่าง Sharon Stone รวมไปถึงท่านั่งไขว้ขาในตำนานก็ทำให้หนังฮิตระเบิดและเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดังที่สุดของเธอ 14 ปีให้หลัง ภาค 2 ก็ตามมา โดยไม่มีใครกลับมาเลยนอกจาก Stone และท่าไขว้ขาของเธอ ซึ่งก็ต้องยองรับว่าด้วยความที่หนังไม่มีอะไรใหม่ และ Stone ก็หมดมนต์ขลังทั้งความสาวและความสวยลงไปเยอะ หนังที่มาในรสชาติเดิมในยุคใหม่ที่คนดูไปสนใจหนังแนวอื่นกันเยอะแล้ว คุณภาพก็หล่น รายได้ก็หล่นตาม

Son of the Mask (2005)

Son of the Mask (2005)

Son of the Mask (2005)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 6% / 77%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 59 / 351 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Alan Cumming, Damon Herriman, Kal Penn, Bob Hoskins
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Lawrence Guterman (Cats & Dogs, Antz)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ภาคแรกเมื่อปี 1994 คือหนังที่ทำรายได้รวมทั่วโลกเป็นอันดับสองในเครดิตของ Jim Carrey ที่ 352 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลก (เป็นรองแค่Bruce Almighty (2003)) และแจ้งเกิดนางเอกสาว Cameron Diaz ภาคต่อใช้เวลาถึง 11 ปี โดยไม่มีทีมงานหลักและนักแสดงคนไหนกลับมาเลย นอกจากไอเดียมนุษย์สวมหน้ากากแล้วกลายเป็นไอ้หน้าเขียวตัวฮา ซึ่งเพราะการไม่มีนักแสดงดังและทีมงานที่มือถึงมาคุมงานสร้าง ก็ทำให้หนังสะเปะสะปะและดูไม่สนุกเอาเลยทั้งเรื่อง จนดูเป็นหนังเกรดบีที่เหมาะจะลงโฮมวิดีโอในสมัยนั้น (หรือสตรีมมิงในสมัยนี้) มากกว่า

The Next Karate Kid (1994)

The Next Karate Kid (1994)

The Next Karate Kid (1994)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 7% / 88%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 15 / 91 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Hilary Swank, Michael Ironside, Pat Morita, Constance Towers
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Christopher Cain (Young Guns, Gone Fishin’, The Principal)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ภาคแรกนั้นเป็นหนังฮิตระดับตำนานในการเชื่อมวัฒนธรรมระหว่างการต่อสู้ของญี่ปุ่นและวิถีชีวิตของเด็กอเมริกัน ออกฉายในปี 1984 และทำรายได้รวมทั่วโลกไป 91 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างแค่ 8 ล้านเหรียญฯ จึงมีภาคต่อตามออกมา ภาค 2 ในปี 1986 ภาค 3 ในปี 1989 ซึ่งคะแนนของคุณภาพหนังก็ลดต่ำลงเรื่อย แต่ไม่หนักเท่าภาค 4 ที่ได้ Hilary Swanks นักแสดงรางวัลออสการ์ที่ยังวัยรุ่นอยู่ในตอนที่เล่นมารับบท คะแนนความนิยมต่ำเตี้ยเหลือ 7% เป็นเพราะเสน่ห์ที่จางหายและการซ้ำรอยภาคเดิม ๆ ย่อมทำให้คนดูเบื่อ หนังมีฉบับรีเมกเป็นหนังฮิตอีกครั้งในปี 2010 ในชื่อ The Karate Kid นำแสดงโดย Jaden Smith และเฉินหลง โดยได้ผู้กำกับภาคแรกปี 1984 กลับมา และทวงคืนคุณภาพได้ที่คะแนน 66%

I Still Know What You Did Last Summer (1998)

I Still Know What You Did Last Summer

I Still Know What You Did Last Summer (1998)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 7% / 42%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก:40 / 125 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Jennifer Love Hewitt, Freddie Prinze Jr., John Hawkes, Brandy Norwood
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Danny Cannon (Judge Dredd, Phoenix, Goal! The Dream Begins)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: หนังสยองขวัญวัยรุ่นภาคต่อที่เป็นของฮิตในยุคสมัยนั้นที่จะมีทั้งหนังวัยรุ่นสยองขวัญแบบน่ากลัวอย่างแฟรนไชส์ Scream (1996-2011) ทั้ง 4 ภาค และแบบฮา ๆ อย่างแฟรนไชส์ Scary Movie (2000-2013) ทั้ง 5 ภาค และหนังก็ได้นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังของยุคอย่าง Jennifer Love Hewitt และ Freddie Prinze Jr. มารับบท ด้วยความที่ภาคแรกนั้นเป็นความสดใหม่ของหนังสยองขวัญ แต่พอภาค 2 ที่ไม่ใหม่แล้วรวมถึงหนังก็แทบจะซ้ำรอยเดิมไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นกันใหม่ การสร้างภาค 2 แบบตามมาติด ๆ จากภาคแรกแค่ปีเดียว จึงดูเป็นการสร้างแบบสุกเอาเผากินเพื่อจะมาโกยรายได้มากกว่าเน้นคุณภาพ ซึ่งเมื่อคุณภาพตก รายได้ก็ตกไปกว่า 2 ใน 3 ต่อมาปี 2006 ที่มีภาค 3 ออกมาที่ไม่มีเนื้อเรื่องหรือนักแสดงเกี่ยวข้องกับภาคแรก ถึงขนาดได้คะแนนวิจารณ์ 0% กันเลยทีเดียว (ก็ยังจะกล้าสร้าง)

Little Fockers (2010)

Little Fockers

Little Fockers (2010)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 9% / 84%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก:310 / 330 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Robert De Niro, Ben Stiller, Owen Wilson, Dustin Hoffman, Barbra Streisand, Laura Dern, Jessica Alba, Kevin Hart
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Paul Weitz (American Pie, About a Boy, In Good Company, Being Flynn)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: 2 ภาคแรกเป็นความสำเร็จของหนังพ่อตาลูกเขยจอมแสบที่ป่วนกันจนเกิดความชุลมุนยุ่งเหยิงกันไปหมด Meet the Parents ออกฉายในปี 2000 และภาค 2 Meet the Fockers ออกฉายปี 2004 กลายเป็นหนังฮิตทำรายได้สูงสุดของแฟรนไชส์ (ทำรายได้รวมทั่วโลก 522 ล้านเหรียญฯ) ทั้งสองภาคกำกับโดย Jay Roach เจ้าพ่อหนังตลกที่เคยกำกับ Austin Powers มาแล้วทุกภาค และเพิ่งพลิกกับมาทำหนังดรามาตลกร้ายอย่าง Bombshell เมื่อปีที่ผ่านมา ค่ายหนังจึงดันภาค 3 ตามมาในปี 2010 แต่เปลี่ยนผู้กำกับ ความชุลมุนยุ่งเหยิงในเรื่องลดลงแต่สำหรับคนดูนั้นเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีตัวละครเยอะไปหมด และมุกตลกในเรื่องจากเดิมที่เป็นมุกตลกสถานการณ์ดันกลายมาเป็นมุกชวนแหยให้คนดูส่ายหน้าเสียมากกว่า แต่หนังก็ยังทำรายได้เยอะพอ ๆ กับภาคแรกที่ค่ายหนังก็คงได้เงินตามที่อยากได้อยู่ดี

Deuce Bigalow: European Gigolo (2005)

Deuce Bigalow: European Gigolo (2005)

Deuce Bigalow: European Gigolo (2005)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 9% / 22%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 45 / 93 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Rob Schneider, Adam Sandler, Til Schweiger, Kelly Brook
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Mike Bigelow
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: คอหนังในยุค 90s ต่อ 2000s อาจจะพอคุ้น ๆ ว่า วงการฮอลลีวูดมีนักแสดงตลกที่ชื่อ Rob Schneider ที่มาพร้อมหนังมุกตลกสัปดนและความหน้าตาย เขาเล่นหนังร่วมกับ Adam Sandler เกือบทุกเรื่อง ที่ฮิต ๆ ก็อย่าง Big Daddy (1999) The Water Boy (1998) The Longest Yard (2005) ไม่แปลกที่ในเวลานั้นจะขอมีหนังนำเดี่ยวเป็นของตัวเองในบทจอมสัปดน ชื่อว่า “ดิวซ์ บิกะโลว์” ซึ่งภาคแรก ปี 1999 แม้คำวิจารณ์จะไม่สวยหรู เพราะเป็นหนังตลกที่ไม่ได้แคร์เสียงวิจารณ์อยู่แล้ว แต่หนังก็ทำรายได้รวมทั่วโลกไป 93 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างแค่ 17 ล้านเหรียญฯ ภาค 2 ตามออกมาปี 2005 ที่ทุนสร้างเพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านเหรียญฯ แต่รายได้ลดลงกว่าครึ่งตามความนิยมของตัว Schneider เอง (ต่างจาก Sandler ที่ยังพอมีหนังฮิต ๆ ออกมาอยู่บ้าง) Schneider ยังมีหนังอย่างThe Animal (2001) และ The Hot Chick (2002) ในยุคนั้น ซึ่งทุกวันนี้เราไม่เห็นผลงานเขาอีกแล้ว

Urban Legends: Final Cut (2000)

Urban Legend: Final Cut (2000)

Urban Legend: Final Cut (2000)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 9% / 20%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 38 / 72 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Eva Mendes, Jennifer Morrison, Rebecca Gayheart, Jacinda Barrett
  • ผู้กำกับภาคต่อ: John Ottman
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ปลุกตำนานโหดมหา’ลัยสยองเรื่องนี้ มาตามสไตล์หนังหวีดสยองเรต R ในยุคนั้น ว่าด้วยเรื่องของตำนานสยองขวัญในมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ที่เล่าขานกันต่อ ๆ มา กำลังกลายเป็นเรื่องจริง เมื่อมีนักศึกษาตายไปทีละคน และใครที่ดวงแข็งกว่าหรือมีบทบาทสำคัญกับเรื่องมากกว่าก็แน่นอนว่าจะรอดตายในท้ายที่สุด ในภาคแรกที่มี Jared Leto จากMorbius รับบทนำในสมัยยังไม่ดัง นำทีมนั้น ก็ได้คำวิจารณ์ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้ว แต่ในเมื่อหนังทุนสร้างต่ำ 14 ล้านเหรียญฯ ฟันกำไรไป 72 ล้านเหรียญฯ ค่ายหนังก็ดันภาคต่อออกมาโกยใน 2 ปีให้หลัง แม้ทุนสร้างจะเท่าเดิมแต่รายได้ลดลงกว่าครึ่ง หนังมีนักแสดงอย่าง Eva Mendes เป็นนักแสดงดังสุดของเรื่อง

Divergent: Allegiant (2016)

Divergent: Allegiant (2016)

Divergent: Allegiant (2016)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 11% / 42%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 179 / 288 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Shailene Woodley, Theo James, Naomi Watts, Octavia Spencer, Jeff Daniels, Miles Teller
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Robert Schwentke (Insurgent, RED, Flightplan, The Time Traveler’s Wife, R.I.P.D.)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: กลายเป็นแฟรนไชส์บรรยากาศโลกล่มสลายเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่สร้างมาจนถึงภาค 3 แล้วแท้ ๆ แต่ก็สร้างได้ไม่จบทั้งชุด (ฉบับนิยายมีทั้งหมด 4 ภาค) ในทีแรกก็มีข่าวว่า จะมีการนำภาค 4 ไปสร้างเป็นหนังออกฉายทางโทรทัศน์แทน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว แม้ภาคแรกจะมีไปได้ดีในระดับกลาง ๆ ทั้งคุณภาพและรายได้ เต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพระดับออสการ์การันตี ตั้งแต่ Kate Winslet และนักแสดงวัยรุ่นแถวหน้าทั้ง Shailene Woodley, Theo James, Miles Teller, Zoë Kravitz, Ansel Elgort ชนิดที่ทุกคนคงคาดหวังว่า หนังจะประสบความสำเร็จเหมือน The Hunger Games ที่แจ้งเกิด Jennifer Lawrence แต่ท้ายที่สุด ด้วยความน่าเบื่อและแทงกั๊กไว้เล่าเรื่องในภาคสุดท้ายที่คาดหมายได้ว่าจะเป็นภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็เลยทำให้ภาคระหว่างทางทั้ง 2 และ 3 น่าเบื่อขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมาบอกเล่าบริบทแวดล้อมมากกว่าจะพุ่งไปที่แก่น หนังก็เลยจอดสนิทหมดอนาคตไปดื้อ ๆ

The Grudge 2 (2006)

The Grudge 2

The Grudge 2 (2006)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 11% / 39%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 70 / 187 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Sarah Michelle Gellar, Teresa Palmer, Takako Fuji, Edison Chen
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Takashi Shimizu (The Grudge, Ju-on: The Grudge, Reincarnation)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ สำหรับThe Grudge เวอร์ชันต้นฉบับที่รีเมกมาจากหนังฉบับญี่ปุ่นอีกที เพราะได้ผู้กำกับอย่าง Takashi Shimizu จากเวอร์ชันญี่ปุ่นของแท้มากำกับภาค 1 และภาค 2 ในฉบับหนังอเมริกัน ซึ่งแน่นอนว่าสูตรหนังตุ้งแช่หรือฉากหลอนของผีเด็กหน้าขาวก็ไม่มีมนต์ขลังมากพอจะทำให้ฝรั่งกลัว (ฝรั่งชอบความหลอนแบบหนังผีเข้า The Exorcist มากกว่า) ซึ่งก็ทำเอาผู้กำกับเกิดอาการฝีมือชอร์ตกันดื้อ ๆ ที่คงเพราะความกดดันจากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จพอประมาณสำหรับหนังทุนต่ำ ก็เลยออกอาการมาที่หนังทำให้ดูจะหลอนก็ไม่ใหม่ และจะดูให้สนุกก็ทำได้ไม่น่าติดตามขนาดนั้น ในปี 2020 เดือนมกราคมที่ผ่านมาก็เลยถึงรอบรีเมกกันอีกสักทีโดยผู้อำนวยการสร้าง Sam Raimi กับคะแนนวิจารณ์ 20% ก็ไม่น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไร

Halloween: Resurrection (2002) 

Halloween: Resurrection

Halloween: Resurrection (2002)

  • Rotten Tomatoes Score ภาคต่อเทียบภาคแรก: 11% / 52%
  • รายได้รวมทั่วโลก ภาคต่อเทียบภาคแรก: 37 / 55 ล้านเหรียญฯ
  • นักแสดงภาคต่อ: Jamie Lee Curtis, Brad Loree, Busta Rhymes, Bianca Kajlich
  • ผู้กำกับภาคต่อ: Rick Rosenthal (Halloween II, American Dreamer, Russkies)
  • ทำไมมันถึงห่วยได้ขนาดนั้น?: ภาคแรกเมื่อปี 1978 กลายเป็นหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งขวัญใจนักวิจารณ์และคนดูขนาดได้คะแนนวิจารณ์ไปที่ 96% กันเลยทีเดียว ก่อนที่ภาคต่อ ๆ มาคะแนนวิจารณ์จะหล่นฮวบ และไม่มีภาคไหนทำคะแนนได้เกิน 50% อีกเลยจนกระทั่งการมาถึงของ Halloween H20 (1998) ที่ออกฉายในวาระครบรบ 20 ปีของหนัง และทำเป็นภาคต่อกึ่งรีเมกที่ได้ Jamie Lee Curtis กลับมา ร่วมกับทีมนักแสดงอย่าง Michelle Williams และ Josh Hartnett ภาคต่อของภาคนี้อย่าง Halloween: Resurrection จึงตามออกมา แต่คุณภาพและรายได้ก็กลับไปลงเหวเหมือนภาคอื่น ๆ ในแฟรนไชส์ จนกลับมากู้หน้าได้จริง ๆ ก็กับ Halloween (2018) ที่เซ็ตตัวเองให้เป็นภาคต่อโดยตรงกับภาคแรกปี 1978 ที่ได้คะแนนวิจารณ์ไปถึง 79% และทำรายได้ทั่วโลกไป 255 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างแค่ 10 ล้านเหรียญฯ ในปี 2020 นี้ภาคต่อโดยผู้กำกับ David Gordon Green จากภาค 2018 จะกลับมารับเทศกาล Halloween กันอีกรอบ (ไม่หมดแรงก็ดูกันต่อไป!)

อ้างอิง

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

แชร์โพสนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...