เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 เวลา 13.00 น. ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เสด็จออก ณ ตำหนักทิพย์พิมาน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
พระราชทานพระวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เบิก ศาสตราจารย์คลินิก แพทย์หญิงโฉมศรี โฆษิตชัยวัฒน์ อธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เข้าเฝ้ากราบทูลถวายรายงาน ขอพระราชทานพระอนุญาตให้นักศึกษาใหม่ของสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประจำปีการศึกษา 2564 จำนวน 493 คน ร่วมกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน และขอพระราชทานพระโอวาทผ่านระบบออนไลน์
โดยนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2564 ประกอบด้วย นักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพประยุกต์ : อนามัยสิ่งแวดล้อม สาขาวิทยาศาสตร์เคมี และสาขาพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม จำนวน 30 คน นักศึกษาจาก วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คณะพยาบาลศาสตร์ จำนวน 168 คน คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ จำนวน 154 คน คณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตววิทยาประยุกต์ จำนวน 30 คน และนักศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 111 คน
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้พระราชทานพระโอวาทแก่นักศึกษาใหม่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ความว่า ขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นนับเป็นก้าวที่สำคัญในการเดินทางของชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งจากเทคโนโลยีและการระบาดของโรคที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง ความรู้และประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขวิกฤตปัญหาต่างๆ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เล็งเห็นความสำคัญของการให้ความรู้ ส่งเสริมทักษะการวิจัย และปลูกฝังความมีจิตสาธารณะเพื่อสร้างบุคลากรในการพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างประโยชน์สุขให้มวลมนุษยชาติ ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าก่อตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้
ข้าพเจ้าขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระองค์ เรื่องการทำความดีที่พระราชทานไว้ว่า “การทำความดีนั้นทำยากและเห็นผลช้าแต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี”
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะใช้เวลาและโอกาสอันมีค่านี้ สั่งสมความรู้ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างฉลาดและมีสติ ประสบความสำเร็จในการศึกษาตามที่มุ่งหวัง และเป็นบัณฑิตที่มุ่งมั่นทำความดี มีเมตตาและสามัคคี เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า สร้างความมั่นคงให้แก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติต่อไป
ความเห็น 0