โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 วิธีเก็บเงินอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวโดนดูด

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 23 ต.ค. 2564 เวลา 17.00 น. • pp.p
ภาพจาก pexels.com
ภาพจาก pexels.com

พักนี้มีแต่ข่าวเงินไหลเงินรั่ว ทั้งที่เก็บไว้อย่างดีอยู่ในบัญชีแท้ ๆ แต่ก็ถูกแฮคเกอร์ตัวดีตอดไปทีละนิด ๆ แบบเนียน ๆ กว่าจะรู้ตัวก็สูญเงินไปแล้วจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าจะต้องถึงกับปิดบัญชีถอนเป็นเงินสดทั้งหมดมาใส่กล่องเก็บไว้ที่บ้านก็เกรงว่าจะเงินจะเปื่อยยุ่ยหรือจะมีปลวกจะมาแทะกินให้เจ็บใจ ครั้งนี้เราจึงได้รวมเอาวิธีเก็บเงินให้ปลอดภัย ถอนได้ยาก ไม่หวังกำไร ได้ดอกเบี้ยแบบน่ารักๆ

1. สลากออมทรัพย์

เป็นได้ทั้งการออม และการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ จ่ายเงินซื้อสลากเก็บไว้ ถ้าดวงดีก็มีกำไรก็ได้ลุ้นรางวัล แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างเอาเสียจริง เมื่อถึงครบกำหนดถอนได้ก็ยังมีดอกเบี้ยนิดหน่อยพอจุ๋มจิ๋ม เหมาะสำหรับเก็บเงินเย็นๆ ไม่เน้นรีบเอาออกมาใช้

2. ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์

(หนึ่งใน)ผลิตภัณฑ์ที่หลายธนาคารนิยมแนะนำให้กับลูกค้าที่กำลังเล็งหาวิธี ‘เก็บเงิน’ คล้ายการฝากเป็นประจำระยะยาวแต่ห้ามถอนออกก่อนกำหนด ได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไข ครบกำหนดก็สามารถถอนเงินออกมาได้ แถมยังได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง

3. เก็บในรูปแบบ ‘ของสะสม’

ของบางอย่างที่ทรงคุณค่าน่าสะสม ยิ่งเป็นของเก่า หรือของที่ผลิตในจำนวนจำกัด ไม่มีการทำเพิ่ม นานวันไปอาจได้มูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น ขายต่อได้กำไรงาม หรืออย่างน้อยก็ปล่อยได้ในราคาต้นทุนบวกกำไรนิดหน่อย แต่งานนี้ต้องแน่ใจว่าของที่ได้มาจะมีพื้นที่ให้ส่งต่อ หรือเป็นที่ต้องการของกลุ่มจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นซื้อมาเก็บไว้ปล่อยไม่ได้ ขายไม่ออก

4. ออมทอง

เป็นการซื้อทองคำในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยทยอยสะสมทองคำด้วยเงินทุนก้อนน้อย ๆ เพียงหลักร้อยก็สามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาซื้อ การออมทองเช่นนี้ ถือเป็นวิธีเก็บเงินหรือการออมเงินอีกวิธีหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการออมเงินระยะยาวเพื่ออนาคตได้อีกด้วย แม้จะใช้เงินซื้อมาก็จริงแต่ 'สิ่งนั้น' มันจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของทองคำออนไลน์ ซึ่งทองออนไลน์ที่ว่านี้สามารถถอนทองคำออกมาจากระบบ ถือเป็นทองคำแท่งได้จริง เพียงสะสมยอดการออมให้ครบตามเงื่อนไข (ylgbullion.co.th)

5. สหกรณ์

‘สหกรณ์’ มีบทบาทหน้าที่คล้ายกับธนาคาร แตกต่างกันตรงที่ธนาคารจะเปิดกว้างให้ประชาชนคนทั่วไป ใครจะเข้ามาฝากเงินหรือมากู้เงินก็ได้ ส่วนสหกรณ์จะเปิดให้บริการในวงที่แคบกว่า เช่นจำกัดเฉพาะหน่วยงานหรือคนที่ทำอาชีพเดียวกัน และด้วยความที่ให้เฉาะกลุ่ม ไม่ได้เปิดเป็นวงกว้าง ต้นทุนในการดำเนินการจึงต่ำกว่าธนาคาร ไม่ต้องดำเนินการเรื่องการตลาดหรือค่าพนักงาน จึงไม่จำเป็นต้องคิด ‘ค่าส่วนต่าง’ ระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ผู้กู้จึงถูกคิดดอกเบี้ยในเรทที่ต่ำกว่าธนาคาร และผู้ฝากก็ได้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าธนาคารทั่วไป

ทั้ง 5 วิธีข้างต้นนี้เป็นการหาที่เก็บเงินแบบยกระดับความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวถูกดูดไปง่าย ๆ และหากใครที่มีวิธีหรือลู่ทางในการเก็บเงินที่ปลอดภัยไม่ต้องกังวลว่าเงินจะหายไปง่าย ๆ ลองมาแบ่งปันกันได้ในช่องคอมเมนต์นะ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0