สตรีเช่นข้ามาพร้อมระบบเยี่ยมยุทธ
ข้อมูลเบื้องต้น
ฟางหรู ผู้กองสาวแห่งหน่วยรบพิเศษหลี่เจี๋ย คนในกองทัพตั้งฉายาให้เธอว่ายัยจิ๋วหมาบ้าที่แค่ทหารในกองร้อยได้ยินก็ส่ายหน้าหนี สวยนะสวยอยู่แต่ดุฉิบหาย
เธอได้รับภารกิจให้บุกเข้าไปยังองค์กรลับนามว่าฉยงฉี เพื่อแย่งชิงข้อมมูลของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า เอ้อหลางเสิน ก่อนภารกิจจะลุล่วงเธอถูกเด็กชายหน้าขาวโจมตีส่งเธอพุ่งเข้ามายังซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เอ้อหลางเสินพร้อมลูกระเบิด
แรงระเบิดมหาศาลทำเอาหูหาพร่ามัวตอนที่คิดว่าคงตายแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีนางมาอยู่ในร่างหญิงสาวที่ชื่อแซ่เดียวกับตัวเองบนเตียงหยกเย็นท่ามกลางเสียงสงครามอย่างงุนงงพร้อมระบบอัจฉริยะเอ้อหลางเสิน
(30ตอนแรกแต่ละตอนอาจจะสั้นหน่อยเพื่อดึงยอดวิวตอนที่ 31 ขึ้นไปความยาวตามปกติ)
นิยายแต่งจากจิตนาการของนักเขียนอาจจะขาดความสมจริงไปบ้างขออภัย
เนื้อหา : นางเอกเป็นแนวสู้คน ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ
# พระเอกคลั่งรัก
# นางเอกก็คลั่งรักเช่นกัน
ปล. งดอัพทุกวันพุธ อาจจะมีหยุดบ้างตามกิจธุระโดยไม่แจ้งล่วงหน้า มีติดเหรียญสำหรับคนที่อดใจรอไม่ไหว
กำหนดติดเหรียญหลังจากเปิดให้อ่านฟรีครบ 24 ชั่วโมงแล้วจะไล่ทยอยปิดตอนเก่า
คำเตือน : อ่านก่อนติดเหรียญถาวรนะคะสำหรับใครที่ซื้อแล้วไม่ต้องซื้อซ้ำนะคะ
ขอบคุณทุกการสนับสนุน
ฝากนิยายเรื่องเก่าด้วยนะคะ เป็นคนละแนวกันแต่สนุกไม่ต่างกัน
เป็นจอมเวทอยู่ดีๆ ตื่นมาอีกทีข้ากลายเป็นจอมยุทธ
https://writer.dek-d.com/yoklaaimek/writer/view.php?id=2319520
เกิดใหม่ทั้งทีข้าอยู่ในฐานะสตรีอุ่นเตียง
https://writer.dek-d.com/yoklaaimek/writer/view.php?id=2234434
หน่วยรบพิเศษ01
“ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยจากใจที่นักเขียนหายไปนาน เนื่องด้วยผู้แต่งเป็นพวกไม่มั่นใจในตัวเอง ทดลองเขียนนั้นเขียนนี้นับสิบเรื่องกว่าจะลงตัว สุดท้ายจึงได้มาเป็นเรื่องนี้ ไม่กล้าพูดว่าดีที่สุดแต่หวังว่าจะชอบกันนะคะ”
หยกลายเมฆ
…………………..
เวิ้งฟ้าสีน้ำหมึกที่มืดสนิทจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายมือของตัวเอง ยิ่งในอุทยานแห่งชาติป่าดิบชื้นไห่หนานที่ใหญ่ที่สุดในจีน พื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจมีมากมายบนถนนลูกรังเป็นหลุมบ่อขรุขระคดเคี้ยวราวกับงูตัวใหญ่กำลังเลื้อยผ่านป่า
รถบรรทุกสีดำสนิทฝ่าความมืดอย่างช้าๆ แสงจากไฟหน้ารถเป็นสิ่งเดียวที่ส่องสว่างท่ามกลางราตรีแสนมืดมิด จุดหมายที่รถบรรทุกคันนี้กำลังจะมุ่งหน้าไปคือสถาบันวิจัยลับที่เรียกตัวเองว่า
‘ฉยงฉี’
อสูรในตำนานจีนโบราณตัวแทนแห่งความยั่วยุ ตามตำราซานไห่จิงพรรณนาว่ามันมีรูปร่างเหมือนเสือติดปีกที่กลืนกินผู้มีปัญญาเป็นอาหาร
ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลคนกลุ่มหนึ่งหมอบต่ำจ้องไปยังอาคารสีดำทะมึนขนาดใหญ่ โดยมีหญิงสาวร่างเล็กแต่งกายด้วยชุดลายพรางสีดำสลับเทา พร้อมเกราะกันกระสุนสะพายปืนไรเฟิลจู่โจม QBZ-95 ไว้แนบลำตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
รายล้อมไปด้วยผู้ชายร่างกายกำยำที่ล้วนแต่สูงกว่าเธอไปสองช่วงศีรษะ มองปลายนิ้วของเธอที่ชี้ลงไปยังอาคารนั้น
“ทวนภารกิจนะพวกเราจะแอบเข้าไปยังอาคารนั้นจากนั้นขโมยข้อมูลการวิจัยกลับออกมาทำให้เงียบที่สุด”
ชายหนุ่มกำยำดวงตาคมเข้มใต้แว่นมองกลางคืนที่เปลี่ยนราตรีให้สว่างได้เหมือนกลางวันกลอกตามอง
‘ฟางหรู’ ผู้กองสาวแห่งหน่วยรบพิเศษหลี่เจี๋ย คนในกองทัพตั้งฉายาให้เธอว่ายัยหมาบ้า ที่แค่ทหารในกองร้อยได้ยินก็ส่ายหน้าหนี แม้นว่าจะสวยอยู่บ้างแต่อัดผู้ชายที่สูงกว่าเธอสองเท่าลงไปกองมานักต่อนักเอ่ยย้อนถาม
“ข้อมูลแบบไหน”
“นั้นไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้…รู้แค่ว่าพวกมันกำลังสร้างอาวุธที่อันตรายสุดๆ ขึ้นมา”
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งถัดไปหัวเราะในลำคอตบบ่าคนที่เพิ่งถูกเธอห้ามปรามไป
“ศูนย์สามนายถามเพื่อให้ถูกเจ๊ด่าใช่ไหมโรคจิตจริงๆ เลย”
คนถูกเปิดโปงหันขวับ “ศูนย์สองหุบปากไปเลย”
เธอไม่ได้ต่อว่าอะไรทั้งที่กำลังจะทำภารกิจเสี่ยงตายยังคุยเล่นกันได้แสดงว่ากำลังใจดี ทุกคนเป็นหัวกะทิของหน่วยรบพิเศษหลี่เจี๋ย (ฮีโร่) ที่คัดมาเฉพาะทหารชั้นยอดจากคนชั้นยอดอีกที
ทุกคนทิ้งตัวตนของตัวเองปิดทุกอย่างเป็นความลับเรียกขานกันด้วยโค้ดเนมมีแต่เธอที่รู้จักชื่อและประวัติของทุกคนกล่าวว่า
“ห้ามตายนะ นี้เป็นคำสั่ง”
“ครับ” ทุกคนขานรับในลำคอเสียงแผ่ว
เจ๊…ศูนย์เก้ามาแล้ว”
ชายหนุ่มโค้ดเนมศูนย์หกนอนราบอยู่บนพื้นหญ้าแนบดวงตากับท้ายกล้องที่วางอยู่บนปืนสไนเปอร์ McMillan TAC-50 เจ้ากระบอกที่เคยสร้างสถิติยิงไกลที่สุดในโลกไว้
เธอพยักหน้าเตือนทุกคนอีกครั้ง “เตรียมตัวทันทีที่ศูนย์เก้าให้สัญญาณพวกเราจะลงมือทันที”
ไม่มีเสียงตอบทุกคนพยักหน้ารับในความมืด บรรยากาศสนุกสนานสลายไปหลงเหลือไว้แต่บรรยากาศเคร่งขรึม “ประตูเปิดแล้วนับสาม…สอง…หนึ่ง”
ปัง!
รถบรรทุกที่ขับเข้ามายางแตกพอดิบพอดีตรงระหว่างกลางของประตู เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันที
“ใครก็ได้หยุดไอ้สัญญาณบ้านี้ที” ทหารยามที่เฝ้าประตูหันไปบอกพวกพ้องของตน คนขับรถบรรทุกลดกระจกลงใช้นิ้วอุดหู
“โอ๊ยหูจะแตก…ปิดสัญญาณก่อน”
ทหารยามที่เพิ่งสั่งให้พวกพ้องของตนปิดสัญญาณคุ้นหน้าอีกฝ่ายดีตบประตูรถ “ขยับเข้าสิวะปิดประตูทางเข้าไม่ได้”
คนบนรถล้วงซองบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อใส่ปากคาบแล้วจุดก่อนจะส่งต่อให้อีกฝ่าย
“ก็ยางแตกจะให้ขยับยังไงช่วยเข็นหน่อยสิพวก”
ทหารยามเฝ้าประตูรับบุหรี่จากมืออีกฝ่ายมาสูบต่อหันไปสั่งคนของตัวเอง
“เฮ้ย…ช่วยเข็นหน่อยสิจะได้ปิดประตู”
ตอนนี้เสียงสัญญาณเงียบลงแล้วศูนย์หกที่นอนราบอยู่บนเนินสูงเอ่ยปากทันที “ตอนนี้แหละสัญญาณเงียบแล้ว”
ไม่ต้องสั่งซ้ำหญิงสาวพร้อมพวกพ้องวิ่งฝ่าความมืดมือข้างหนึ่งยกชูเครื่องจักรหน้าตาคล้ายโดรนขนาดเล็กแต่มีพลังมหาศาลสามารถใบพัดทั้งสี่หมุนด้วยความเร็วสูงโดยไร้เสียงแค่พริบตาเดียว
หญิงสาวพร้อมคนในหน่วยทั้งเจ็ดก็ลอยอยู่กลางอากาศ คนบนรถกำลังสนทนากับทหารยามอีกฝ่ายยังคาบบุหรี่คาปากอยู่ ศูนย์หกปืนลั่นไกทันที ปัง! ศีรษะแตกกระจุยต่อหน้า ร่างกายไร้หัวไหลพรือลงไปกองกับพื้น ทหารยามเฝ้าหน้าตาเลิกลั่กรีบร้องเตือนกัน
“ถูกลอบ…”
หน่วยรบพิเศษ 02
ปัง! ปัง! ปัง!
ยังพูดไม่ทันจบประโยคคนขับรถบรรทุกก็ชักปืนยิงเข้าศีรษะทหารยามทั้งสามอย่างแม่นยำ พวกมันไม่ทันขยับตัวก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
ทหารยามอีกคนที่ยืนอยู่อีกด้านมองไม่เห็นเหตุการณ์แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงปืนก็รู้ว่าทุกอย่างผิดปกติแล้ว ยกปืนขึ้นประทับบ่าปากเพิ่งอ้าออกยังไม่ทันจะเปล่งวาจา
ปัง!
บนรถบรรทุกฝั่งคนนั่งมีชายอีกคนดีดตัวขึ้นจากเบาะยิงปืนสั้นทะลุกระจก เจาะเข้ากลางหน้าผากของมันอย่างพอดิบพอดี หงายหลังล้มฟาดเข้ากับกำแพง ชายที่นั่งฝั่งคนขับถอดแว่นกันแดดที่สวมก่อนจะลูบบริเวณลำคอ
ตัวเองลอกหน้ากากหนังออกเปลี่ยนใบหน้ากลายเป็นหัวหน้าทหารยามที่เพิ่งรับบุหรี่จากมือมันใน พริบตาเดียว คนที่นั่งฝั่งคนนั่งยักคิ้ว
“วิชาปลอมตัวเห็นตอนไหนก็ทึ่งนะนี้”
อีกฝ่ายลูบใบหน้าอีกครู่ตรวจสอบว่าไม่มีจุดบกพร่อง ค่อยหยิบแว่นดำกลับขึ้นมาสวม “แต่แววตาเปลี่ยนไม่ได้นี้แหละข้อเสีย”
[ศูนย์สี่เจ๊พร้อมแล้ว]
คนที่ถูกเรียกว่าศูนย์สี่ยกมือแตะวิทยุสื่อสารที่ใส่ไว้ในหูเอ่ยตอบรับ “รู้แล้ว…ศูนย์เก้าไป” หันไปพยักหน้าให้พวกพ้องอีกฝ่ายกระโดดลงจากรถส่วนตัวเองขับรถบรรทุกที่ยางแตกเข้ามาด้านในก่อนจะกระโดดตามลงมาประตูทางเข้าค่อยๆ ปิดลง
ศูนย์เก้าวิ่งอ้อมมาปีนขึ้นหลังรถที่ถูกผ้าใบคุมปรายตามองไปยังเครื่องกวนสัญญาณขนาดใหญ่ที่ทำลายระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดในระยะยี่สิบกิโลเมตร ศูนย์สี่เดินไปยังศพของหัวหน้าทหารยามจัดการถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายเอามาสวมแทน ชักมีดออกจากด้านหลังตัดนิ้วโป้งของร่างไร้วิญญาณออกมา
เดินย้อนกลับไปข้างแผงควบคุมที่ส่งเสียงร้องดังมาตั้งแต่เมื่อครู่เมื่อแตะนิ้วที่เพิ่งตัดมาลงไป หน้าจอสีดำก็ติดขึ้นคนที่อยู่อีกฝั่งเห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้าไม่ได้สงสัยอะไรรีบถามกลับ
“เกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ ปิดระบบสัญญาณเตือนภัยมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่ากล้องวงจรปิดก็ตัดภาพไปเฉยเลย”
ศูนย์สี่เอ่ยตอบ “ไม่มีอะไร…ทางนี้ทุกอย่างปกติดี”
“งั้นเหรอแต่เหมือนระบบจะมีปัญหาจะบูทระบบรักษาความปลอดภัยนะ”
“อืม….เอาเลย” พูดจบจอตรงหน้าก็มืดดำไปอีกครั้ง ครู่ถัดมาเลเซอร์ที่อยู่เหนือตัวอาคารก็หายไป ศูนย์หกที่เฝาสังเกตการณ์รีบรายงาน
[เจ๊ระบบรักษาความปลอดภัยถูกปิดแล้วลงมือเลยมีเวลาแค่สามนาที] หญิงสาวที่เกาะโดรนลอยอยู่เหลียวมองผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเตรียมตัวพร้อม
“ลงมือพร้อมกันในสาม…..สอง…..หนึ่ง” ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียวเธอคลายมือที่จับโดรนออก ยังไม่ทันถึงพื้นทหารยามสองคนที่ยืนอยู่ใกล้จุดที่เธอจะตกได้ยินเสียงลมแหงนหน้าขึ้น
ปัง! ปัง! กระสุนสองนัดจากที่ไกลๆ พุ่งฝ่าความมืดเจาะกะโหลกกระจุย
เสี้ยวพริบตาที่ปลายเท้าเธอแตะพื้นลงขอบกำแพงได้อย่างพอดิบพอดีกลิ้งตัวชักมีดเล่มเล็กออกมาจากด้านหลัง ทหารยามสองคนที่ถูกยิงร่างส่ายโงนเงน
เพื่อนของพวกมันทียืนเฝ้าประตูทางลงลิฟต์อยู่ห่างออกไปร้องถาม “เฮ้ย…เป็นอะไรไป”
มีดสั้นสองเล่มก็พุ่งแหวกความมืดปักเข้ากลางหน้าคนฝั่งขวา คนฝั่งซ้ายโชคดีกว่าตวัดด้ามปืนกระแทกมีดสั้นที่พุ่งมาให้กระเด็นพ้นตัวไปได้
“เฮ้ย”
ปัง! ร้องได้คำเดียวกระสุนอีกนัดก็พุ่งเจาะหน้าผากมันแทน
เธอวิ่งตัดผ่านทั้งสองร่างไร้วิญญาณที่ถูกศูนย์หกยิงจากระยะไกลไปปล่อยให้คนที่วิ่งตามหลังหิ้วร่างนั้นไปซ่อนก่อนที่ใครจะมาเห็น
ศูนย์สามที่วิ่งตามมายกปืนประทับบ่ายิงเฉียดผ่านด้านหลังของเธอ วัตถุสีดำคล้ายหัวลูกศรพุ่งปักลงไปที่ประตูลิฟต์อย่างแม่นยำ
ประตูที่ต้องการเปิดจากคนในห้องควบคุมเปิดออกช้าๆ ทันทีที่แสงเลเซอร์เหนืออาคารทำงานอีกครั้ง หญิงสาวพร้อมทีมเข้ามายืนด้านในลิฟต์ได้สำเร็จ
อาวุธมนุษย์ 01
“ทำไมกล้องวงจรปิดยังกลับมาทำงานไม่ได้อีก” ชายหนุ่มสวมแว่นส่งเสียงอย่างไม่พอใจทั้งที่รีบูทระบบแล้วกล้องวงจรปิดควรจะกลับมาทำงานได้แล้วแต่เหมือนมีอะไรรบกวนระบบอยู่
ตึ่ง!
ประตูของห้องควบคุมเปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มสวมแว่นอดประหลาดใจไม่ได้คนที่ปรากฏตัวใบหน้าคุ้นเคยเป็นทหารยามเฝ้าอยู่ตรงส่วนประตูหน้าที่เพิ่งสนทนากันเมื่อครู่
สวมแว่นกันแดดปิดปังดวงตาใส่เสื้อเกราะกันกระสุนยกปืนประทับบ่ามาพร้อมคนที่ตัวเองไม่คุ้นหน้าอีกคน ไม่พูดพร่ำไม่บอกจุดประสงค์ ศูนย์สี่กับศูนย์เก้าเหนี่ยวไกยิงทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
“อ๊าก…อ๊าก” คนในห้องควบคุมที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์จู่ๆ ก็ถูกยิงหมอบลงหนีตายจ้าละหวั่น ทหารสองคนที่ดูแลห้องควบคุมเป็นเป้าหมายแรกล้มกองสิ้นใจก่อนจะยกปืนประทับบ่าด้วยซ้ำ
“หมอบลง…แจ้งผู้บุกรุก” ชายหนุ่มสวมแว่นร้องบอกลูกน้องของตัวเองที่หมอบหลบหลังโต๊ะ กระสุนหลิวว่อนเหนือหัว ใกล้กับปุ่มสีแดงใหญ่สำหรับส่งสัญญาณเตือนทางนั้นกลั้นใจพยักหน้า
“ครับ”
ปัง!
“อ๊าก”
เด็กหนุ่มที่ยื่นแขนขึ้นไปเตรียมจะกดสัญญาณ ดิ้นพราดกุมข้อมือตัวเองที่ถูกยิงจนกระจุย เสียงปืนดังอยู่นานเกือบๆ สองนาทีค่อยสงบลง คนในห้องควบคุมเกินครึ่งร้องโอดครวญกับพื้นอีกส่วนก็สิ้นลมหายใจ ชายหนุ่มสวมแว่นรวบรวมความกล้าร้องตะโกน
“อาเติ้งแกทำอะไรทรยศองค์กรรึไง”
ศูนย์สี่หัวเราะลูบหน้าตัวเองถอดแว่นดำมาแขวนไว้ที่คอเสื้อ
“หมอนี้ชื่ออาเติ้งเหรอเพิ่งรู้นะนี่” ชายหนุ่มสวมแว่นค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังโต๊ะปากสั่นหน้าซีดจนแทบจะเป็นกระดาษขาว
“แกเป็นใครกัน” ศูนย์สี่ยกปืนฟาดบ่ามืออีกข้างคีบบุหรี่ออกจากปากพ่นควันเป็นวงกลมก่อนตอบ “คนใกล้ตายจะรู้ไปทำไมอย่าขยับดีกว่าเปลืองกระสุน”
ศูนย์เก้าเดินอ้อมผ่านกลุ่มคนที่บาดเจ็บบนพื้นทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแตะเครื่องมือสื่อสารในหูตัวเอง “เจ๊ทางนี้เรียบร้อยแล้วจะส่งเจ๊ลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้”
ฟางหรูยืนในส่วนที่ลึกที่สุดของลิฟต์โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอยืนขวางหน้าไว้เป็นการคุ้มกันเธอในตัว หญิงสาวเอ่ยตอบ
“พร้อม” สิ้นเสียงตัวลิฟต์เคลื่อนที่ลงทันทีเร็วเท่าความคิดพวกเธอถูกส่งลงมายังใต้ดินที่ลึกจากพื้นผิวดินเกือบสองพันเมตร
ตึ่ง! ประตูลิฟต์เปิดออกหน่วยรบพิเศษหลี่เจี๋ย ตั้งโล่ใสวิ่งโถมออกไปพร้อมกันทันที
แต่เมื่อทั้งหมดเห็นภาพตรงหน้าผิดจากที่คาด คิดว่าจะเจอกองทหารคอยต้อนรับแต่ที่เห็นกับเป็นห้องสีขาวสะอาดขนาดใหญ่เพดานสูงสุดลูกหูลูกตาสว่างจ้า
แคปซูลสูงราวสองเมตรจำนวนนับร้อยด้านในมีเด็กชายหญิงวัยราวเจ็ดแปดขวบที่กำลังนอนอย่างสงบราวจำศีลในของเหลวสีฟ้าเคลื่อนไหวดุจฟองอากาศ
ศูนย์สองที่ถือโล่ใสปากอ้าค้างกวาดตามองอุทานออกมา “นี้มันเรื่องบ้าอะไรวะ”
ฟางหรูไม่สนใจนี้ไม่ใช่เป้าหมายของเธอ “ไม่ใช่เวลามาสงสัยภารกิจมาก่อน”
อีกฝ่ายไม่ยินยอมง่ายๆ “แต่เจ๊เด็กพวกนี้ไม่รู้ว่าถูกจับมารึเปล่าจะไม่ช่วยเหรอครับ” เธอกัดฟันมองเด็กสาวที่หลับตาพริ้มอยู่ในแคปซูลรายละเอียดภารกิจก็ไม่มีเรื่องนี้ ตัดสินใจด้วยตัวเองน้ำเสียงแข็งกร้าว “งั้นกวาดให้เกลี้ยงฉันรับผิดชอบเอง”
“ครับเจ๊” ทุกคนขานรับ
ตอนนี้ชายหนุ่มชุดกาวน์เดินหักเลี้ยวหักศอกตัดผ่านออกมาจากหลังแคปซูล ต่างฝ่ายสบตากันครู่หนึ่งแล้วก็ร้องโวยวายขึ้นทันที
“ผู้บุกรุก…อ๊าก…” ร้องจบประโยคศูนย์สองประทับท้ายปืนกับบ่าเหนี่ยวไกอย่างแม่นยำเจาะหน้าผากอีกฝ่ายเขามีลูกชายคนหนึ่งอายุใกล้เคียงกับเด็กที่นอนหลับอยู่ในแคปซูล
ไม่รู้ว่าไอ้พวกเดรัจฉานนี้จับเด็กมาทำการทดลองอุบาทว์อะไรแต่สมควรตายแล้ว สิ้นเสียงร้องพวกคนของศูนย์วิจัยรู้ตัวถึงผู้บุกรุกแล้วเธอสั่ง
“ศูนย์สองศูนย์สามช่วยเด็กๆ ที่เหลือตามฉันมา”
“ครับเจ๊” คนที่เหลือขานรับวิ่งตามเธอไป หญิงสาวเอ่ยปากถามคนที่อยู่ในระบบสื่อสารกับตัวเอง “ศูนย์เก้าไปทางไหน” ตอนนี้ในห้องควบคุมศูนย์เก้านั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ที่บอกแผนผังของตัวศูนย์วิจัยนี้ทั้งหมดกล่าวตอบ
“ตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายผมเปิดประตูให้”
ปัง! ปัง! เสียงปืนดังไปทั่วบริเวณเคล้าเสียงหนีตายของนักวิจัยที่ไร้อาวุธ ศูนย์เจ็ดศูนย์แปดวิ่งนำหน้าสุดเลี้ยวหักศอกก็เผชิญหน้ากับทหารยามกลุ่มหนึ่งสองฝ่ายยิงปะทะ
ฟางหรูกระโจนออกจากด้านหลังของผู้ใต้บังคับบัญชาโยนระเบิดแสงไปตกลงตรงหน้าคนพวกนั้นพอดิบพอดี
ตูม!
แสงสว่างวาบออกมา “อ๊าก…ฆ่าพวกมัน…” พวกมันร้องเสียงสูงตาพร่ามัว ยิงสะเปะสะปะกระสุนพุ่งอย่างไร้ทิศทาง ยิงถูกกระจกของแคปซูลจนแตกออก
เพล้ง!! น้ำเจิ่งนองเด็กที่อยู่ด้านในไหลออกมาตามน้ำ “อย่ายิงมั่วเดี๋ยวโดนตัวทดลอง” คนที่ร้องเตือนพวกพ้องสิ้นเสียงก็ถูกพวกของหญิงสาวส่งกระสุนเจาะร่างเป็นรูพรุนล้มตึง