โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Pinocchio Effect การทดลองที่ใช้จับผิดคนโกหกด้วยอุณหภูมิบริเวณใบหน้า

Tidhoo - ติดหู

เผยแพร่ 04 เม.ย. 2564 เวลา 05.08 น. • Tidhoo

มีคำพูดที่เคยบอกไว้ว่า “โกหกใครโกหกได้ แต่เราโกหกตัวเองไม่ได้” ซึ่งคำพูดดังกล่าวนี้ นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเท่ ๆ คูล ๆ เท่านั้น แต่ว่าเป็นเรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยวิธีการ Pinocchio Effect

มหาวิทยาลัยเกรนาดา ประเทศสเปน จึงได้พยายามหาวิธีจับผิดการโกหก ด้วยการศึกษาอุณหภูมิบริเวณใบหน้าของผู้ที่โกหก โดยในการทดลองดังกล่าว ผลการวิจัยด้านจิตวิทยา พบว่า ระหว่างที่ คนกำลังพูดโกหกนั้นอุณหภูมิบริเวณรอบจมูกและรอบเบ้าตาด้านในจะสูงขึ้น จากการศึกษาผ่านกล้องถ่ายภาพความร้อน (thermographic camera)

สาเหตุที่จมูกของคนพูดโกหกร้อนขึ้น เพราะเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองส่วนที่เรียกว่า อินซูลา (Insula) ซึ่งทำหน้าที่กำหนดและควบคุมอุณหภูมิในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อพูดโกหกสมองส่วนนี้จะทำงานหนักขึ้นมากกว่าปกติ อุณหภูมิบางส่วนจึงสูงขึ้น

นอกจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว ร่างกายยังตอบสนองด้วยการหลั่งฮอร์โมนแคทีโคลามีน (Catecholamine) ออกมา ทำให้เนื้อเยื่อภายในโพรงจมูกและลำคอระคายเคือง คนพูดโกหกจึงมักจะยกมือหรือนิ้วขึ้นมาสัมผัส จับ และขยี้จมูกไปมา รวมถึงจับคอเสื้อบ่อยครั้งจนผิดสังเกต

ซึ่งจากผลการพิสูจน์นั้นพบว่าสามารถวัดผลได้เหมือนกันทั้งผู้ชายและผู้หญิง และเมื่อสมองของเราพยายามหาเหตุผลหรือข้อโต้แย้ง อุณหภูมิในร่างกายก็มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากร่างกายจะแสดงปฏิกริยาดังกล่าวนี้ออกมาเวลาที่โกหกแล้ว หากว่าคนนั้น กำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวลหรือกลุ้มใจมาก ๆ ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นในบริเวณเหล่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน

โดยเหล่านักวิจัยได้ตั้งชื่อผลการทดลองนี้ว่า Pinocchio Effect ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจากนิทานอมตะเรื่องพิน็อคคิโอ หุ่นไม้ที่จะมีจมูกยื่นยาวขึ้นเมื่อพูดโกหกนั่นเอง ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยที่ระบุว่าเมื่อคนเราโกหกจมูกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น แม้จมูกจะไม่ได้ยื่นยาวออกมาเหมือนพิน็อคคิโอ แต่ก็ถือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จมูกอย่างชัดเจนเหมือนกัน

และจากผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า โดยเฉลี่ยชาวอเมริกันพูดโกหกประมาณ 11 ครั้งต่อสัปดาห์ และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะพูดโกหกถึง 3 ครั้งระหว่างการพูดคุยช่วงสั้นๆ แต่หากต้องคุยในบทสนทนาที่ยาวกว่าเดิม คนอเมริกันเกือบ 60% มีแนวโน้มความจำเป็น ที่จะต้องพูดโกหกทุกๆ 10 นาทีเพื่อให้บทสนทนานั้นดำเนินไปต่อได้

ที่มาจาก : punpro, voathai, adaybulletin

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...