รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว/ศ. ดุสิต
*อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น! *
*เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร” *
ดวงชันษาจร
ดวงนี้จัดว่าเป็น “ดวงจร” ชั้นเยี่ยมอีกดวงหนึ่ง แต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักแพร่หลายกันนัก เว้นแต่จะมีการทำดวงสำคัญๆ ขึ้นมาสักดวงหนึ่งจึงจะนำเอาดวงชันษาจรนี้มาใช้
คำว่า “ชันษา” แปลว่า “อายุ” ดังนั้น ดวงนี้จึงเท่ากับเป็นดวงอายุจรนั่นเอง
หมายถึงอายุของทุกคนที่จรไปทุกปี และแต่ละปีก็จะพบกับความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
เท่าที่ผมรู้ ดวงนี้ได้รับการเผยแผ่มาสู่วงการโหรนี่เกือบร้อยปีแล้ว ผู้ที่นำมาเผยแผ่คือท่านโหราจารย์ อรุณ ลำเพ็ญ ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งแห่งประเทศไทย
ดังนั้น ผู้ที่จะนำดวงนี้ไปใช้ ก็ควรที่จะพนมมือระลึกถึงพระคุณของท่านไว้เหนือเกล้า จะทำให้คุณผู้ใช้มีความคล่องตัว พยากรณ์ได้ถูกต้องแม่นยำสมดังที่ท่านอาจารย์ได้ปรารถนาไว้ทีเดียว
การสร้างดวงนี้มีความซับซ้อนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่แม้จะไม่มากนักก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนสำหรับผู้ที่เริ่มต้นศึกษาได้
ฉะนั้น คุณจึงต้องมีสมาธิในการศึกษาถึงวิธีการตั้งดวงให้ดี มิฉะนั้นอาจผิดพลาดได้
การสร้าง “ดวงชันษาจร” นั้นทำได้ดังนี้
ผูกดวงกำเนิดขึ้นมาตามปกติ แล้วตรวจดูว่าเมื่อถึงวันที่จะพยากรณ์นี้เจ้าชาตามีอายุย่างเท่าใด ให้ลบออกเสียหนึ่ง (คือใช้อายุเต็ม) จากนั้นนับที่ดาวตนุลัคน์เป็นหนึ่ง ไล่ไปราศีละปี พอถึงสิบสองตรงราศีใด ให้โดดข้ามราศีข้างหน้านั้นไปหนึ่งราศี แล้วนับสิบสามต่อไปจากราศีนั้น พอครบยี่สิบสี่ที่ราศีใด ก็ให้โดดข้ามราศีข้างหน้าไปหนึ่งราศีเช่นเคย แล้วนับยี่สิบห้าที่ราศีนั้น พอครบสามสิบหกที่ราศีใด ก็โดดข้ามไปอีกหนึ่งราศีแล้วนับหกสิบเจ็ดจากราศีนั้นไปอีก ทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไปจนถึงอายุประสงค์
ความซับซ้อนที่ว่านั้นอยู่ตรงการกระโดดของอายุนี่แหละครับ จำไว้เป็นหลักว่า อายุครบรอบคือ 12-24-36-48-60-72 ฯลฯ ที่ใดก็ให้โดดข้ามไปหนึ่งราศีก่อนเสมอเท่านั้นแหละ
แต่ถ้าอายุไม่ได้ครบรอบล่ะ จะหายังไง?
เช่น อายุ 40 ปี เป็นต้น อย่างนี้เราต้อง หยุด ตรงรอบที่ถึงก่อนอายุประสงค์คือ 36 โดดข้ามไปหนึ่งราศีแล้วนับ 37-38-39-40 ไปได้เลย (คือนับให้ถึงอายุประสงค์นั่นแหละ) ตกที่ราศีใด ชันษาจร ก็สถิตที่ราศีนั้น เราก็ตั้งภพ ตนุจร ขึ้นที่ราศีนั้นด้วย แล้วใช้ภพที่ชันษาจรตั้งขึ้นใหม่นี้พยากรณ์จากดาวในดวงเดิมนั้นไปได้ตามปกติ
โอ๊ย-นับยากจัง โดดโน่นโดดนี่ เดี๋ยวก็งงหรอก
ขยาย – มีวิธีนับที่ไม่ต้องโดดเหย็งๆ อย่างที่ว่านี่เหมือนกัน คือเราใช้นับขึ้นที่ดาวตนุลัคน์ว่า 12 แล้วนับต่อในราศีข้างหน้าไปเลยว่า 24 ต่อไปอีกราศีหนึ่ง 36 ต่อไปอีกก็ 48 ต่อไปอีกก็คือ 60 ฯลฯ ยังงี้แหละ ถ้าอายุเกินรอบตรงไหนก็ให้หยุดตรงตัวเลขก่อนอายุนั้น แล้วนับต่อจากราศีข้างหน้าไปจนถึงอายุประสงค์ได้เลยเช่นกัน
แต่ถ้าอายุครบรอบพอดี เช่น อายุ 60 เป็นอายุประสงค์ พอนับมาถึงราศีที่อายุ 60 แล้ว ให้ถอยหลังลงมาหนึ่งราศี แล้วลงชันษาจรไว้ที่ราศีนั้น เช่น อายุ 60 ตกที่ราศีกุมภ์ ก็ถอยมาวางชันษาจรที่ราศีมังกร เป็นต้น
ต้องจำตรงนี้ให้ดีนะครับ ถ้าลืมจะวางชันษาจรผิด ตนุจรจะผิดไปด้วย เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดก็จะผิดหมด เสื้อจะไม่เป็นรูปเป็นร่าง หายหล่อไปเลย
มีบางคนมาบอกให้ผมเอาดาวตนุลัคน์ไปหาทักษาจรก่อนว่าตกภูมิใด แล้วนำกำลังของดาวเจ้าภูมิมาบวกกับอายุเจ้าชาตา เอา 12 หาร ตกเศษเท่าใดนับจากลัคนาไปเท่าเศษแล้วลงชันษาจร ผมฟังแล้วก็พยักหน้าหงึก แต่ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ เพราะผมเห็นว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น เราใช้ “ตนุลัคน์” เป็นดาวเจ้าการนับอายุจรไปตามปีที่เกิดก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปเอาทักษามายุ่งด้วยหรอกครับ
แต่ถ้าใครอยากจะใช้แบบนี้มั่งก็ตามใจ ไม่ว่ากัน ขอให้ทายเขาถูกก็แล้วกันนะ จะใช้วิธีไหนก็ได้
ผมเป็นห่วงเรื่องการนับหาอายุจรมากกว่าครับเพราะมันเป็นวิธีที่ออกจะยุ่งยากซับซ้อนอยู่บ้าง จะทำตัวอย่างให้ดูดังนี้
สมมติว่าเจ้าชาตานี้มีลัคนาสถิตราศีกรกฎและมีดาวจันทร์สถิตที่ราศีกันย์ จึงเริ่มต้นนับหนึ่งที่ราศีกันย์ ตัวเลขในวงในคือการนับแบบลัด (ไม่ต้องกระโดด) ส่วนตัวเลขในวงนอกคือการนับแบบเต็ม (กระโดดเมื่อครบรอบ) โดยสมมติว่าเจ้าชาตามีอายุย่าง 41 ปี (ลบ 1 เหลือ 40 ปีเต็ม) จะได้ชันษาจรที่ราศีมีน
นี่คือวิธีการนับหาอายุจร (ชันษาจร)
ขยายการอ่านดวง
มาดูดวงจริงกันบ้าง ดวงเป็นอย่างนี้
นี่เป็นดวงของนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ที่ผมเคยคำนวณและอ่านดวงไว้ เป็นดวงที่ผมลอกเขามา ถูกผิดยังไงไม่รู้ได้ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะเราต้องการเอาดวงมาเป็นครูในการศึกษากันเท่านั้น
เขาบอกว่าดวงนี้เป็นดวงของ คุณเฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองใหญ่ชื่อก้องของเมืองไทยเลย ผมขออนุญาตนำมาเป็นดวงครูในการศึกษา คุณเฉลิมรู้เข้าก็คงจะไม่ว่ากระไร เพราะไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใดเลย
คุณเฉลิมเกิดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2490 นับมาถึงวันที่ผมเคยคำนวณดวงนี้ไว้ เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ก็จะตกอายุย่าง 66 ปี ตามสูตรต้องลบหนึ่งปีเหลือ 65 คุณเฉลิมมีลัคนาสถิตราศีเมษ มีดาวอังคารเป็นตนุลัคน์ จึงนับจากอังคารที่ราศีเมษว่า 12 นับที่ราศีพฤษภว่า 24 นับราศีมิถุนว่า 36 นับราศีกรกฎว่า 48 และนับราศีสิงห์ว่า 60 กันย์ 61 ตุล 62 พิจิก 63 ธนู 64 และที่มังกร 65 ชันษาจรจึงตกที่ราศีมังกรนี่แหละ
ตั้งภพตนุจรขึ้นที่มังกรนี้
รูปดวงจะเป็นอย่างนี้
เราก็เริ่มอ่านดวงคุณเฉลิมโดยตั้งต้นที่ราศีมังกรเป็นตนุ ภพทั้ง 12 ภพจะถูกเปลี่ยนไปหมด บางภพดีขึ้นบางภพเลวลง วิธีอ่านก็คือใช้ภพใหม่เป็นตัวตั้งและใช้ภพเดิมเป็นตัวตอบ เช่นภพตนุใหม่นั้นคือภพกัมมะเดิม ก็อ่านได้ว่าในปีนั้น (2555) คุณเฉลิมจะมีภาวการณ์งานเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต
นี่เป็นการอ่านเพียงภพเดียวเท่านั้น ยังนำมาใช้กับชีวิตจริงไม่ได้ เพราะชีวิตจริงนั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ อีกไม่น้อย เราจึงต้องอ่านภพอื่นด้วย และก็ใช้วิธีอ่านแบบเดียวกันนี้แหละ คือ… ภพใหม่นี้มาจากไหน? (ในภพเดิม)
เช่น อยากจะรู้ว่า ภาวะการงานในปีนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ก็ดูที่ภพกัมมะ (ใหม่) ที่ราศีตุล ก็รู้ว่าภพกัมมะนี้มาจากภพปัตนิของดวงเดิม แสดงว่าภาวะการงานยังได้รับความร่วมมือดีอยู่ ดาวศุกร์เจ้าเรือนภพกัมมะไปสถิตที่ราศีเมษภพพันธุ บ่งถึงความมั่นคง แปลว่าปีนั้น คุณเฉลิมไม่ตกงานแน่
แต่…ภาวะของกิจกรรมในปีนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง!
อะไรกัน? จะเปลี่ยนเป็นแบบไหน?
ที่ต้องอ่านยังงี้ก็เพราะในราศีตุลนี้มีดาวพฤหัสฯ ลอยอยู่ และดาวพฤหัสฯ ในปีนั้นถูกกำหนดให้เป็นเจ้าเรือนภพวินาสน์-สหัชชะ สหัชชะนั้นแปลว่าการเคลื่อนที่ วินาสน์แปลว่าการเปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิม เมื่อมาสถิตในภพการงาน มันก็หมายถึงการงานน่ะซีที่จะมีความเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนในทางไหน ดีหรือเลว?
ไม่ดีและไม่เลว เพราะจะเป็นการเปลี่ยนที่ได้รับความร่วมมือกันเป็นอันดี ปีนั้นคุณเฉลิมมีอิทธิพลอยู่ยังไง ก็ยังมีอิทธิพลอยู่ยังงั้น เพียงแต่งานในมือเท่านั้นที่จะแปลกออกไปบ้าง หรือต้องมีความรับผิดชอบที่แตกต่างออกไป
ภาวะการเงินล่ะ จะดีขึ้นไหม?
ก็ดูที่ภพกดุมพะใหม่ คือราศีกุมภ์ มีราหูเป็นเจ้าเรือน ราหูในดวงสถิตที่ราศีพฤษภซึ่งปีนั้นถูกกำหนดให้เป็นภพปุตตะซึ่งแปลว่าใหม่ๆ ซิงๆ ราหูตัวจรในปีนั้นจรอยู่ราศีพิจิกภพลาภะ และจะย้ายเข้าราศีตุลในเดือนธันวาคม ซึ่งก็เป็นภพกัมมะอีก เพราะฉะนั้น ลาภผลในปีนั้นของคุณเฉลิมจึงนับว่าแจ๋วมาก ไม่อดตายแน่
ที่ยืนยันว่าแจ๋วแน่ก็เพราะภพกดุมพะจรในปีนั้นคือภพลาภะเดิม ลาภะมาเป็นกดุมพะ จะเลวไปได้ยังไงจริงมั้ย?
อ่านมาให้ดูสองภพสองแบบก็คงจะสร้างความเข้าใจได้พอแล้ว ความจริงก็ใช้การอ่านอย่างปกตินี่แหละ เพียงแต่เปลี่ยนลัคนาไปไว้ที่ราศีมังกรเท่านั้น ดาวยังคงเดิมอยู่แต่เปลี่ยนหน้าที่ไป และเวลาอ่านจะต้องนำภพมาซ้อนกัน จะทำให้การพยากรณ์ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เพราะรู้ได้อีกว่าสถานะที่เป็นอยู่ขณะนี้นั้นมีที่มาจากอะไร
ก็เห็นจะพอแล้วนะครับ ขอจบตรงนี้ไว้ก่อนเพื่อจะได้ว่ากันถึงดวงอื่นๆ อีกต่อไป
ความเห็น 6
ไม่ค่อยเข้าใจค่ะอ่านดูยากจังเลย
16 ต.ค. 2560 เวลา 00.43 น.
ฐิติชญา 159
งงมาก..ตอนแรกสนจัยแต่ซับซ้อนเกินไม่ดูดีกว่า..
16 ต.ค. 2560 เวลา 06.37 น.
ญ่าญาย
ลงคำทำนาย เลยได้มั้ยแต่ละราศี
18 ต.ค. 2560 เวลา 03.23 น.
.
ต้องคนสนใจจริงๆ จึงจะอ่านจนจบ
ขอบาย 555
16 ต.ค. 2560 เวลา 09.37 น.
ไทยสยาม จิตติเจริญวิ
อ่านแล้วเข้าใจง่าย
20 ต.ค. 2560 เวลา 11.26 น.
ดูทั้งหมด