โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อวกาศ : นักฟิสิกส์เผยวิธีมองหา "รูหนอนข้ามจักรวาล" ในธรรมชาติ

Khaosod

อัพเดต 27 ต.ค. 2562 เวลา 03.50 น. • เผยแพร่ 27 ต.ค. 2562 เวลา 03.50 น.
Getty Images วิธีการที่ใช้พิสูจน์ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป อาจนำมาใช้ค้นหาร่องรอยของรูหนอนในกาแล็กซีทางช้างเผือกได้

อวกาศ : นักฟิสิกส์เผยวิธีมองหา “รูหนอนข้ามจักรวาล” ในธรรมชาติ – BBCไทย

การเดินทางไปยังกาแล็กซีอันไกลโพ้นหรืออีกฟากหนึ่งของจักรวาลด้วย “รูหนอน” (wormhole) ยังคงเป็นความฝันที่บรรดานักฟิสิกส์ต้องการจะทำให้เป็นจริงขึ้นมาให้จงได้ แม้ปัจจุบันจะยังคงค้นหาช่องทางดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการบิดเบี้ยวพับตัวของปริภูมิ-เวลาในทางทฤษฎีไม่พบก็ตาม

ล่าสุดนอกจากจะมีผู้เสนอวิธีการสร้างรูหนอนที่มีความเสถียรขึ้นมาเองแล้ว ยังมีแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อใช้มองหารูหนอนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติให้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยทีมนักฟิสิกส์และจักรวาลวิทยาจาก University at Buffalo (UB) ของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์เผยแพร่วิธีการที่เป็นไปได้มากที่สุดในการค้นหารูหนอนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ลงในวารสาร Physical Review D. ไว้ดังนี้

ทีมผู้วิจัยระบุว่า เมื่อการพับตัวของปริภูมิ-เวลา (space-time) ได้ทำให้เกิดรูหนอนย่นระยะทางเชื่อมต่อสถานที่สองแห่งในจักรวาลนั้น แรงโน้มถ่วงมหาศาลจากวัตถุที่มีมวลมาก เช่นจากดาวฤกษ์ที่ปลายทางอีกด้านหนึ่งของรูหนอน ย่อมสามารถจะส่งผ่านมาถึงยังปลายทางด้านตรงข้ามที่เราเป็นผู้สังเกตอยู่ได้ โดยแรงโน้มถ่วงมหาศาลนี้จะทำให้การเคลื่อนที่ของวัตถุอวกาศในฝั่งของเรากวัดแกว่งเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ

ทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีอยู่ของรูหนอนดังกล่าว มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้สูงในสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงแบบสุดขั้ว เช่นในห้วงอวกาศโดยรอบหลุมดำมวลยิ่งยวด หรือแม้แต่ในบริเวณขอบฟ้าเหตุการณ์ (event horizon) ของหลุมดำเอง

ดร. เดยาน สตอยโควิช ผู้นำทีมวิจัยอธิบายว่า “เราอาจมองหาร่องรอยของรูหนอนในกาแล็กซีทางช้างเผือกได้ด้วยหลักการดังกล่าว หากมีรูหนอนเกิดขึ้นจริง แรงโน้มถ่วงจากดาวฤกษ์ในอีกฝั่งหนึ่ง จะสามารถมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์ในฝั่งตรงข้ามได้”

“เราอาจพิสูจน์สมมติฐานนี้โดยเฝ้าสังเกตและทำแผนที่การโคจรของดาวฤกษ์รอบหลุมดำมวลยิ่งยวด เช่นดาวฤกษ์ S2 ซึ่งโคจรรอบหลุมดำซาจิตทาเรียสเอสตาร์ (Sgr A*)ที่ใจกลางดาราจักรของเรา”

“หากพบว่าดาวฤกษ์ S2 มีการเคลื่อนที่กวัดแกว่งออกจากวงโคจรปกติขณะเข้าใกล้หลุมดำมวลยิ่งยวด ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันได้รับอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงที่ส่งผ่านรูหนอนมาจากอีกฟากหนึ่งของจักรวาล”

ก่อนหน้านี้ข้อมูลการโคจรของดาวฤกษ์ S2 รอบหลุมดำซาจิตทาเรียสเอสตาร์ ได้เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์มาแล้วในปี 2018 และคาดว่าการเก็บข้อมูลที่ยาวนานถึง 25 ปีเพื่อการพิสูจน์ทฤษฎีดังกล่าว จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการมองหารูหนอนในธรรมชาติได้

อย่างไรก็ตาม ดร. สตอยโควิชกล่าวย้ำด้วยว่า การกวัดแกว่งออกจากวงโคจรปกติของดาวฤกษ์เพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานชี้ถึงการมีอยู่ของรูหนอนได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการตรวจสอบและศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

“แม้เราจะพบรูหนอนในธรรมชาติเข้าจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะใช้มันเดินทางไปกลับข้ามจักรวาลได้ทันที เพราะรูหนอนจะไม่เสถียรและพังทลายลงอย่างรวดเร็ว หากเราไม่มีแหล่งกำเนิด “พลังงานลบ” เข้าช่วยพยุงให้โครงสร้างของรูหนอนเปิดอยู่นานพอ” ดร. สตอยโควิชกล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...