จากอดีตผู้ก่อตั้ง McAfee บริษัทแอนตี้ไวรัสดังระดับโลก จนกลายเป็นเศรษฐีระดับพันล้าน ก้าวสู่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบเจ้าพ่อ ล่องเรือยอชท์ส่วนตัวพร้อมสาวๆ 7 คน สร้างบ้านกลางป่า ลงทุนจ้างบอดี้การ์ดรอบกาย ถือปืนถ่ายรูปเหมือนของเล่น พัวพันคดีฆ่าเพื่อนบ้าน ตั้งพรรคการเมืองและประกาศชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 กล่าวอ้างว่ารู้จักผู้สร้าง BitCoin และประกาศจะกินปิกาจูตัวเองถ้า BitCoin ราคาไม่ถึง 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ
รูปภาพจาก YouTube
เหมือนพล็อตภาพยนตร์แต่มันไม่ใช่ มันคือเรื่องจริงไม่อิงนิยายของชายที่ชื่อว่า John McAfee ผู้ที่มีชีวิตหักเหขึ้นถึงจุดสูงสุดรวยระดับพันล้าน และตกลงมาต่ำสุดเสียเงินเกือบหมดตัว แถมมีแนวคิดไม่เหมือนใคร ดูน่าสนใจใช่ไหม รายละเอียดเป็นยังไง เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง
“John McAfee กับช่วงชีวิตวัยเด็กแสนยากลำบาก”
John McAfeeเกิดในปี 1945 เป็นเด็กชาวอังกฤษ ที่ย้ายถิ่นฐานตามพ่อแม่ ไปอยู่ใน ณ เมืองโรอาโนก (Roanoke) รัฐเวอร์จิเนีย (Virginia) ประเทศอเมริกา ช่วงชีวิตวัยเด็กเขาทุกข์ทรมานและเจ็บปวดจากการกระทำของพ่อที่เมาแล้วชอบตบตีตัวเขาและแม่ จนเมื่ออายุได้ 15 ปี ความเจ็บปวดก็สิ้นสุดลง เมื่อพ่อของเขาฆ่าตัวตายด้วยปืนที่อยู่ในมือ…
ความเป็นจริงก็คือ แม้ตัวพ่อเขาจะจากไป แต่มรดกที่เหลือไว้คือ "โรคหวาดระแวง" (Paranoia) ที่ส่งผลจนถึงทุกวันนี้ เขามักจะหวาดระแวงกับบางสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นอยู่ตลอด และมักจะทำอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ
“ผู้สร้างแอนตี้ไวรัสในตำนาน สู่ชีวิตมหาเศรษฐี”
หลังจากที่พ่อของเขาจากไป John McAfee ก็กลายเป็นคนติดเหล้าเหมือนกับพ่อของเขาไม่ผิดเพี้ยน เขาเริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโรอาโนก (Roanoke College) ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเขาไม่เหมือนกับคนอื่น เขาเป็นคนฉลาดและมีความคิดเรื่องทำธุรกิจก่อนชาวบ้านชาวช่อง เขาเริ่มธุรกิจแรกด้วยการส่งหนังสือแมกกาซีนตรงถึงหน้าประตูบ้าน (Magazines door-to-door) โดยที่ลูกค้าไม่ต้องออกไปซื้อให้เสียเวลา
John McAfee ขณะดื่ม Wine รวดเดียว — thefederalist
และเมื่อ John McAfee จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาได้เข้าทำงานในบริษัทผลิตบัตรเจาะรู (Punched-card) สำหรับสั่งงานเครื่องจักร ซึ่งเป็นยุคก่อนที่คอมพิวเตอร์กำลังจะเฟื่องฟู ระหว่างนี้เขาเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ด้านพื้นฐานภาษาคอมพิวเตอร์ (Basics of Computing) ไว้มากมาย และย้ายไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่าอย่าง Missouri Pacific Railroad บริษัทขนส่งเดินรถจักรแห่งรัฐมิสซูรี่ (Missouri) เขาใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีในการสร้างระบบควบคุมเวลาการเดินรถไฟ ด้วยคอมพิวเตอร์ IBM รุ่นใหม่อยู่หลายปี
ดูเหมือนชีวิตเขาจะรุ่ง แต่ก็มีเรื่องพัวพันกับยาเสพติดและการดื่มแอลกอฮอล์ในเวลางาน จนต้องย้ายไปทำงานใน Silicon Valley ในช่วงนี้เขาเข้าทำงานในบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง NASA ด้วย จนเมื่อราวๆ ปี 1986 เกิดวิกฤตมัลแวร์ระบาด สร้างความเสียหายมหาศาลแก่คอมพิวเตอร์ทั่วโลก John McAfee มองเห็นช่องทางทำธุรกิจ เลยตั้งบริษัท McAfee ในปีถัดมา (1987) และเปิดตัวโปรแกรมสแกนไวรัสในตำนาน McAfee ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก
ณ เวลานั้น สำหรับคนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักแอนตี้ไวรัส McAfee สักเท่าไร แต่พอปี 1992 ที่คอมพิวเตอร์ทั่วโลกโดนโจมตีจากมัลแวร์ระเบิดเวลาตัวร้ายที่ชื่อว่า Michelangelo ที่ใครโดนเข้าไป ข้อมูลฮาร์ดดิสก์ก็หายทุกราย แต่แอนตี้ไวรัส McAfee สามารถกำจัดมัลแวร์ตัวนี้ได้ จึงทำให้มันดังเป็นพลุแตกจนคนทั่วโลกนิยมใชังาน
สำนักงานใหญ่ของบริษัท McAfee ที่ตั้งตระหง่าน ในแคลิฟอร์เนีย — Wikipedia
ถัดมาอีกไม่กี่ปีบริษัท McAfee ก็เป็นที่หมายปองของบริษัทมหายักษ์ใหญ่ ณ ขณะนั้น Intel เข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทต่อจาก John McAfee ซึ่งเขาก็ยอมรับข้อเสนอนั้น และรับเงินตอบแทนจากการขายบริษัทประมาณ 2,500 พันล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีทันที
ในช่วงกลาง-ปลายยุค 90s เศรษฐี John McAfee ก็กลับมาใช้ชีวิตแบบธรรมดา เขาทำหน้าเป็นที่ผู้บรรยายให้กับสถาบันด้านธุรกิจ Stanford Graduate School of Business และเริ่มตั้งบริษัท PowWow และสร้างโปรเจกต์โปรแกรมแชท Tribal Voice แต่มันก็ไม่รุ่งเท่าไร จนขายทิ้งไปในที่สุด
จนเมื่อวิกฤตด้านการเงินมาเยือนในปี 2008 นาย John McAfee ถึงกับต้องสูญไปเกือบหมดถัง จากการลงทุนในสกุลเงินออนไลน์ (Cryptocurrency) และการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับที่อยู่อาศัย ในเวลานั้น John McAfee มีเงินอยู่ในบัญชีแค่ 100 ล้านบาทเท่านั้น จากที่แต่ก่อนเคยมีถึง 2,500 ล้านบาท ทำให้เขาต้องเทขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี ทั้งโคโลราโด และฮาวาย พร้อมกับรวบรวมเงินไปตั้งต้นชีวิตใหม่ในเบลีซ Belize ประเทศเล็กๆ ในภูมิภาคอเมริกากลาง ด้วยสาเหตุที่ว่ามีการเก็บภาษีน้อยกว่าสหรัฐอเมริกา
“ชีวิตด้านมืด ยาเสพติด และแอลกอฮอล์”
ชีวิตวัยทำงานกิจวัตรประจำวันของ John McAfee ทุกเช้าคือการดื่มแอลกอฮอล์ เขาติดมันเป็นนิสัยตั้งแต่สมัยอยู่ในมหาวิทยาลัย ก่อนจะเริ่มพัฒนาสู่ด้านมืด คือเป็นการ "เสพยา" และการขายยาเสพติด
การแสดงเหมือนกับว่ากำลังเสพยา — YouTube
ระหว่างที่ทำงานอยู่ในบริษัท Missouri Pacific Railroad เขาเล่าว่า เขาเสพ “กระดาษเมา” หรือ LSD (ยาเสพติดประเภทหลอนประสาทที่รุนแรงมากๆ) ก่อนเข้าไปทำงานติดต่อกันหลายวัน แล้วจากการเสพก็พัฒนาเป็นการขาย หลังจากที่เขาย้ายมาทำงานในบริษัท Omex เขาเริ่มขาย “โคเคน” (ในอเมริกาเรียกว่า Coke) ให้กับลูกน้อง พร้อมกับเสพโคเคนอย่างหนัก ในช่วงเช้าเขามักจะเสพยาจำพวกกล่อมประสาทเพื่อให้มีสมาธิมากขึ้น และเมื่อรู้สึกง่วงเขาจะเสพโคเคนเพื่อให้เขารู้สึกตื่นตัว พอตกช่วงบ่ายเขาก็กระดกสก๊อตวิสกี้เพื่อทำให้สมองโล่ง
ในที่สุดชีวิตเขาก็ดิ่งลงเหวหลังจากที่มีคนจับได้ว่าเขาเสพยาในเวลางาน และพบถุงใส่โคเคนซุกซ่อนไว้หลังถังขยะ เขาถูกไล่ออกทันที จากนั้นภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาก็ตีจาก เขาจึงเริ่มฉลองความย่ำแย่ของชีวิตด้วยการเมายาเช้ายันเย็น และเริ่มคิดว่า “ช่วงชีวิตที่ผ่านมามันเหมือนกับตกนรก” และเริ่มมีความคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็ไปรับการบำบัดจนอาการดีขึ้น
“มุ่งสู่ชีวิตใหม่ ไลฟ์สไตล์เจ้าพ่อ พร้อมคดีติดตัว”
McAfee พร้อมกับบอดี้การ์ด จาก Gringo: The dangerous life of John McAfee
เขาเริ่มย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน เบลีซ (Belize) ประเทศเล็กๆ ในอเมริกากลาง ที่มีประชากรราว 3 แสนคน (อ้างอิงปี 2008) พร้อมความหวังใหม่ในธุรกิจยาปฏิชีวนะและแบคทีเรียกับบริษัทที่ชื่อว่า Quorumex
เขากำลังมีความสุขกับสาวๆ ที่จ้างให้อยู่รอบกาย — whoismcafee.com
ระหว่างที่ John McAfeeอยู่ใน เบลีซ (Belize) เขาทำตัวเหมือนเจ้าพ่อ เขาเริ่มละลายเงินหลักล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปกับบ้านหลายไร่กลางป่า ทุ่มเงินซื้อเรือยอชท์ส่วนตัว และจ่ายเงินจ้างสาว 7 คนให้มามีอะไรด้วย พร้อมมีบอดี้การ์ดหลายคนเดิมตาม ซื้อหมาหลายตัวไว้เฝ้าบ้าน แถมถ่ายรูปปืนเหมือนกับถือของเล่น และถ่ายรูปสาวๆ ตอนกำลังนัวเนียกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง Jeff Wise ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งกล่าวหลังจากที่เคยไปเยี่ยมเยียนว่า "แม้ John McAfee จะเหลือเงินอยู่ไม่เท่าไร แต่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง" ซึ่งจุดนี้เองมันไปเชื่อมโยงกับคดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
บาร์ที่ McAfee ชอบไปนั่งมองผู้คนเดินเข้าเดินออก — businessinsider
ปกติแล้ว John McAfee มักจะอัปเดทเรื่องราวชีวิตผ่าน Blog อยู่เสมอๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาตัดตัวเองออกจากโลกอินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน และใช้เวลาไปกับการนั่งมองคนเดินเข้าเดินออกบาร์ร้านประจำ และเฝ้ามองเหล่าคนจนในเมือง แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาโพสต์อัปเดทชีวิตอีกครั้ง
หลังจากที่กลับสู่โลกอินเทอร์เน็ตได้ไม่นานก็มีข้อกล่าวหาว่า John McAfee ใช้ชื่อ Stuffmonger ไปตั้งกระทู้เกี่ยวกับยาเสพติดที่ชื่อว่า Bath salts หรือ MDPV ในเว็บไซต์ Bluelight แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงข้อกล่าวหาเขาออกมาปฏิเสธทั้งหมด พร้อมบอกว่าเขาไม่ได้เสพเพราะว่าตัวเขามีบุคลิกที่ตกเป็นเป้าสายตาง่าย และเสริมอีกว่าถ้าเขาเสพจริงป่านนี้เขาต้องเมายาอยู่
ซึ่งมันทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเบลีซตั้งข้อสงสัยว่า John McAfee กำลังเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธปืนอยู่ จนทำให้เกิดการเข้าจับกุมถึงในบ้าน การบุกค้นพบเจอแค่ปืนกับเงิน ไม่พบยาเสพติดตามที่สงสัย แต่ยังไงเขาก็โดนคดีครอบครองอาวุธเถื่อนอยู่ดี และได้รับการปล่อยตัวออกมาในเวลาไม่นาน เขาก็ออกมาบอกว่าเจ้าหน้าที่จับเขาไปตากแดดนาน 14 ชั่วโมงโดยไม่ให้กินข้าวหรือกินน้ำ
เช้าวันหนึ่งในปี 2012 John McAfee ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า หมาที่เขาเลี้ยงไว้ทั้งหมดถูกวางยาพิษ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครจึงเริ่มสืบหา ถัดจากนั้นไม่กี่วัน Gregory Faull เพื่อนบ้านที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันเกี่ยวกับเสียงหมาเห่า นอนนิ่งเป็นศพภายในบ้านของตัวเอง ตำรวจเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า John McAfee เป็นคนฆ่า เพราะมีการรายงานมาก่อนว่า Gregory Faull เพื่อนบ้านเคยมาร้องเรียนว่า John McAfee เคยขู่ฆ่าด้วยปืนมาก่อนแล้ว
ภาพของนาย Gregory Faull — vice.com
เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา John McAfee จึงตัดสินใจหลบหนีไปกบดานที่กัวเตมาลา (Guatemala) ตลอดเวลาที่หนีคดี John McAfee มักจะพูดเสมอว่า “เขาโดนกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ของเบลีซ” สุดท้ายเขาถูกตำรวจจับในกัวเตมาลา (Guatemala) จากความผิดพลาดของสำนักข่าว Vice ที่โพสต์ภาพพร้อมกับตำแหน่ง GPS นำสู่การจับกุมตัว
ในตอนแรกทางกัวเตมาลากำลังจะส่งตัวเขากลับไปที่เบลีซเพื่อดำเนินคดี แต่ไม่รู้ว่าเป็นการตบตาหรือเป็นอาการป่วยจริงๆ เขาเกิดอาการหัวใจวายกะทันหันทำให้ต้องรีบหามนำส่งโรงพยาบาล และอาการก็เกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ไม่ถูกส่งต่อไปที่เบลีซ แต่เขาถูกส่งกลับอเมริกาในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตแทน
“กลับสู่อเมริกา พร้อมกับข่าวฉาว”
ขอบคุณภาพจาก Getty Images - Getty
John McAfee ถูกส่งตัวกลับอเมริกา พร้อมกับข่าวฉาวเรื่องคดีฆ่าคนตาย ทำให้เขาตกเป็นข่าวอยู่เป็นประจำ ทุกคนอยากรู้ว่าเขาคือใคร ไปทำอะไรมา และเขาเสียสติหรือไม่ ซึ่งช่วงนั้นเขาใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก เพราะว่าถูกจับจ้องโดยสื่อต่างๆ แทบตลอดเวลา
John McAfee ปรากฏตัวให้สื่อเห็นอีกครั้งในปี 2013 ในวีดีโอที่ชื่อว่า "How To Uninstall McAfee Antivirus" หรือ “วิธีลบแอนตี้ไวรัส McAfee” เนื้อหาในวีดีโอเต็มไปด้วยการด่าว่าสารพัดว่าโปรแกรมมันไม่ดี ทำให้เครื่องช้า และชักชวนให้ทุกคนลบมันออกจากเครื่อง
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้เขามีปัญหาระหองระแหงกับทาง Intel มาระยะหนึ่งแล้วเรื่องสิทธิการใช้ชื่อ McAfee แต่สิ่งที่แปลกจริงๆ คือการพรีเซนต์ของเขา ในวีดีโอเขาโดนเล้าโลมโดยสาวๆ ในชุดเซ็กซี่หลายคน ขณะที่กำลังอธิบายวิธีลบการติดตั้ง แถมเขายังเปลื้องผ้าโชว์อีก นอกจากนี้แล้วเขายังทำเหมือนเสพยาด้วย รวมไปถึงเอาปืนหลายกระบอกมาถือโชว์ มันเป็นอะไรที่แปลกและหลุดโลกมาก ไม่เหมือนกับผู้ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นผู้สร้างบริษัทระดับโลก
หลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาก็ตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อสารคดีเกี่ยวกับตัวเขาที่ชื่อ “Gringo: The dangerous life of John McAfee” มีการเผยแพร่ออกมา เขาถูกกล่าวหาว่าเสพยาและข่มขืนอดีตพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ถึงอย่างนั้น John McAfee ก็ออกมาปฏิเสธอย่างโกรธเกรี้ยว
Leaving detention (don't judge my looks - four days of confinement). I was well treated. My superiors were friendly and helpful. In spite of the helpful circumstances, we've decided to move on. More later. pic.twitter.com/V4539uYCHR
— John McAfee (@officialmcafee) 24 กรกฎาคม 2562
และล่าสุดในช่วงกลางปี 2019 เขาก็ถูกควบคุมตัวอีกครั้ง ณ สาธารณรัฐโดมินิกัน ขณะที่ล่องเรือส่วนตัวในอ่าว Puerto Plata ด้วยข้อหาครอบครองอาวุธปืนและกระสุน แต่ในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมา แถมยังถ่ายรูปเซลฟี่กับเจ้าหน้าที่อีกด้วย
“ทัศนคติสุดโต่ง และคำพูดเกินจริง”
ตลอดช่วงชีวิตของ John McAfee เรามักจะเห็นเขาตกเป็นข่าวอยู่เสมอๆ ทั้งจากการกระทำ และคำพูดของเขา มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาโพสต์ใน Twitter ส่วนตัวว่า “สกุลเงิน BitCoin จะมีมูลค่าสูงถึง 500,000 เหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2020” และยังท้าทายอีกด้วยว่า “ถ้าไม่ถึงจะกินปิกาจูของตัวเองโชว์ออกทีวี” ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยมีคนที่มีชื่อเสียงมาท้าทายกินปิกาจูตัวเองขนาดนี้ และนี่ก็ใกล้จะถึงปี 2020 แล้วด้วยแต่ก็ยังไม่มีคำตอบใดๆ จากเขาเลย
และก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ในช่วงที่ Apple กำลังมีข่าวดังว่าไม่ยอมปลดล็อกสมาร์ทโฟนของผู้ก่อการร้ายตามคำขอของ FBI นาย John McAfee ก็ออกมาเสนอตัวว่าจะกู้รหัสผ่านได้ด้วยวิธี Social Engineering ที่กินเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการปลดล็อก และยังบอกอีกว่าถ้าไม่เชื่อก็ลองไปหาคำว่า “Cybersecurity Legend” ใน Google ดูว่าใครโผล่ขึ้นมาเป็นอันดับแรก
The John McAfee Privacy Phone, by MGT - first prototype. World's first truly private smartphone. You gonna love it. pic.twitter.com/n06CuO3Jay
— John McAfee (@officialmcafee) 25 เมษายน 2019
นอกจากนี้แล้วยังมีข่าวเกี่ยวกับ John McAfee อีกมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตมือถือที่อวดอ้างว่าเป็นมือถือที่ปลอดภัยที่สุดในโลกไม่มีใครเจาะระบบได้, การออกมาบอกว่าเขาสามารถเปิดเผยตัวตนของผู้ให้กำเนิดสกุลเงินตระกูล BitCoin หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Satoshi รวมไปถึงความคิดในการตั้งพรรคการเมือง เพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 อีกด้วย หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งในปี 2016 ที่ผ่านมา
รูปภาพจาก Twitter ของ John McAfee
หากยังจำได้ในช่วงชีวิตวัยเด็กเขามีอาการหวาดระแวงหรือ Paranoid ติดตัว ดูเหมือนว่าในช่วงหลังๆ มานี้อาการเหล่านี้จะหนักขึ้น ในต้นปี 2019 ออกมาโพสต์ว่า “เขาอยู่บนเรือกลางทะเล พร้อมกับถือปืน” สาเหตุที่เขาต้องหนีออกมา เพราะเขากำลังโดนตามจับตัวโดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เนื่องจากเขาไม่ยอมจ่ายภาษีตั้งแต่ปี 2012 แต่กลับกันทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษีอย่างกรมสรรพากรก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งคนไปจับแต่อย่างใด
.@PHTTOKENX and @OlexKP kept guard in our room last night in London. The bad guys never came close. We are out of England now and on our way to complete safety. We will not be silenced. pic.twitter.com/SYqqGf6uOJ
— John McAfee (@officialmcafee) 28 กรกฎาคม 2019
ในระหว่างที่กลับไปยังอังกฤษเขาโพสต์ว่า สหรัฐฯ จะส่งหน่วยซีล (Navy Seals) มาจับตัวเขากลางทะเล และจากนั้นไม่นานเขาก็โพสต์อีกครั้งในขณะที่อยู่ที่ปารีสว่า "พวกคนเลวไม่มีวันเข้าใกล้เขาได้หรอก” นี่เป็นแค่เหตุการณ์บางส่วนเท่านั้นจาก อาการหวาดระแวง ที่เขาประสบพบเจออยู่
“แต่ถึงยังไงก็ยังมีคนติดตามเขา”
รูปภาพจาก Twitter ของ John McAfee
แม้ว่า John McAfee จะมีข่าวฉาวมากมาย ทั้งยาเสพติด อาวุธปืน คดีฆ่าคนตาย รวมถึงการออกมาพูดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นแบบล่วงหน้า และแทบจะไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนติดตามเขามากมายถึง 1 ล้านคน (ข้อมูลจาก Twitter) เลยทีเดียว และมักจะมีคนมารีทวิตโพสต์อยู่เสมอๆ
แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ?
Going out on the village tonight. Big time. Gregor's eatery doesn't close until the sun sets (never this time of year), and they serve hot wine (no idea how wonderful that is in this weather). Anyway …it's a formal affair. Which face should I wear? pic.twitter.com/ZLtvpwzod2
— John McAfee (@officialmcafee) 20 สิงหาคม 2562
เวลานี้ (20-8-2019) John McAfee เดินทางกลับไปบ้านเกิดในอังกฤษแล้วข้ามไปซ่อนตัวอยู่ในยังปารีสและคอยออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องสกุลเงินออนไลน์อยู่เสมอๆ ล่าสุดมีการเชิญชวนให้คนเข้าไปสมัครในเว็บไซต์เทรดสกุลเงินออนไลน์ และบอกว่าจะแจก 15 BitCoin ที่มีมูลค่ากว่า 160,000 เหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งสื่อต่างๆ ก็ออกมาโจมตีว่าเขาเป็น Scrammer (นักต้มตุ๋น) แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำกล่าวหาเหล่านั้น และยังคงเดินหน้าโปรโมตต่อไป
สุดท้ายในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้ เขาจะกลับมาชิงเก้าอี้นายก หรือจะเปิดเผยตัวตนผู้สร้าง BitCoin รวมไปถึงจะกินปิกาจูตัวเองหรือไม่ เราคงต้องรอดูนายคนนี้ต่อไป
ความเห็น 1
รู้มานานแล้ว
11 ก.ย 2562 เวลา 09.45 น.
ดูทั้งหมด