โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

กฎไม่ได้มีไว้แหก..เรื่องของกฎจราจรที่คนไทยไม่เคยเคารพเลยสักนิด

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 22 ส.ค. 2564 เวลา 17.33 น. • เพื่อนตุ้ม

ถ้าพูดเรื่องการทำผิดกฎจราจร บอกเลยว่าคนไทยไม่เคยเป็นสองรองใคร และยืนหนึ่งเรื่องการฝ่าฝืนกฎจราจรจนติดอันดับโลกมาแล้ว

กฎจราจรที่ง่ายที่สุดอย่างการพกใบขับขี่ขณะขับรถ เรายังทำกันไม่ค่อยได้ บางคนขับรถมาหลายสิบปี ยังไม่เคยไปสอบใบขับขี่เลยสักครั้งก็มี แต่ก็เห็นคนขับรถที่ไม่มีใบขับขี่เกลื่อนถนน ทั้ง ๆ ที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 กำหนดโทษไว้ตามมาตรา 64 “ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ในขณะที่ต่างประเทศการไม่พกใบขับขี่ขณะขับรถมีความผิดร้ายแรง อย่างที่ญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ขับรถมีมารยาทสุด ในกรณีที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ โดยมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 300,000 เยน หรือประมาณ 90,000 บาท หรืออย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต หรือใบอนุญาตถูกเพิกถอน มีโทษปรับสูงสุดถึง 25000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 800,000 บาท และมีโทษจำคุก 5 ปีกรณีที่ไม่ใช่ความผิดซ้ำ โดยจะมีการบันทึกประวัติการละเมิดกฎจราจรตลอดชีวิตด้วย

เรียกได้ว่ากฎจราจรในต่างประเทศมีโทษที่ร้ายแรงกว่าบ้านเราอย่างได้ชัด เพราะนอกจากการทำผิดกฎจราจรจะมีโทษปรับสูงแล้ว กฎจราจรยังเป็นเรื่องของสังคมส่วนรวมที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามและรับผิดชอบร่วมกันด้วย ซึ่งถ้าทุกคนเคารพกฎจราจร ไม่เพียงอุบัติเหตุจะลดลง แต่ยังช่วยให้การจราจรไม่ติดขัด และระเบียบวินัยบนท้องถนนมีมากขึ้นด้วย

มองย้อนกลับมาที่บ้านเรา ประเทศไทยยังคงเป็นแชมป์เรื่องของสถิติในการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าปี 2563 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุสูงที่สุดอันดับ 1 ในเอเชียและในภูมิภาคอาเซียน โดยสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม พบว่ามาจากการชน การขับรถเร็วเกินที่กำหนด ขับรถตัดหน้า และอุปกรณ์ขัดข้อง

พอรู้สาเหตุแบบนี้แล้ว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความสูญเสียแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเราทุกคนเคารพกฎจราจร แต่เอาเข้าจริง พอประสบช่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สะดวกสบาย ๆ นิดหน่อย ๆ ทุกคนก็พร้อมจะแหกกฎจรจรด้วยกันทั้งนั้น ด้วยความอยากจะไปให้เร็วขึ้นอีกหน่อย หรืออะไรก็ตาม แต่สุดท้ายกฎจราจรก็เป็นแค่ข้อความบนกระดาษที่คนไทยไม่เคยถือเอามาเป็นสาระในการขับขี่บนท้องถนนแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนรู้ อยากทำตาม แต่ไม่มีใครทำได้ ?

พูดกันตามตรงทุกคนพออ่านข่าวเรื่องอุบัติเหตุ พอเห็นคนไม่ทำตามกฎจราจรก็มักจะแอบบ่นในใจ แต่พอตัวเองขับรถเห็นไฟเหลืองอยู่ตรงหน้า ขาก็เผลอเหยียบคันเร่งแบบควบคุมตัวเองไม่ได้เสียอย่างนั้น และเหตุการณ์จำลองในลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนเสียด้วย

ปัญหาคือพวกเราทำผิดกฎจราจรกันจนชิน คนโน้นทำนิด คนนี้ทำหน่อยก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อคนหมู่มากได้ทั้งนั้น ยกตัวอย่างที่เห็นจนชินตากับการปาด-เบียดขึ้นหรือลงสะพาน รถต่อแถวกันมายาว ๆ จะเห็นภาพรถที่เปิดไฟเลี้ยวรอและทำให้รถติดยาวเป็นโขยงตามหลังเสมอ เรียกว่าเป็นภาพติดตาแทบทุกเช้าจนใคร ๆ ก็ก่นด่ากันทั้งนั้น แต่ก็ยังมีภาพแบบนี้ให้เห็นบ่อย ๆ บนท้องถนน

ขณะที่เมื่อไหร่ก็ตามเห็นตำรวจจราจรยืนอยู่ ต่อให้ต้องปาด ต้องเบียดที่โซนนี้ประจำ แต่ก็หักห้ามใจขับเลยไปวนมาใหม่อีกรอบได้ เป็นเหตุให้ ‘จ่าเฉย’ ถือกำเนิดขึ้นบนท้องถนนเมืองไทย กลายเป็นรูปปั้นตำรวจหนึ่งเดียวของโลกที่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎจราจร เหมือนเด็กกลัวครูอย่างไรอย่างนั้น

ถามว่าจ่าเฉยใช้ได้ผลกับคนขับรถบ้างไหม ? คำตอบคือได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้ตอนนี้ ‘จ่าเฉย’ เปลี่ยนบทบาทมาเป็นตำรวจเชิงสัญลักษณ์เพื่อเตือนให้ผู้คนใช้รถใช้ถนนขับรถอย่างปลอดภัย

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎ แต่อยู่ที่เรา

มีหลายมุมมองนำเสนอวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้คนไทยเคารพกฎจราจรมากขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มบทลงโทษเมื่อกระทำผิด แต่เห็นได้ชัดว่าพอมีตำรวจยืนอำนวยความสะดวกในการใช้รถใช้ถนน พวกเราก็รักษากฎจราจรกันได้ แปลว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎ แต่อยู่ที่พวกเรากันเองที่ละเมิดกฎจนกลายเป็นความเคยชิน เอาความสะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองมาทำให้ส่วนรวมเกิดปัญหาจนอาจกลายเป็นอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตได้

ถามว่าบทลงโทษที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้คนเรารักษากฎจราจรได้มากขึ้นไหม คำตอบคงมีหลากหลายประเด็น แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกครั้งที่ผิดกฎจราจรแล้วจะถูกจับ แปลว่าก็ยังมีช่องโหว่อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกคนก็รู้ว่าไม่ควรทำผิดกฎจราจร แต่พอเอาเข้าจริง เห็นคนจอดในที่ห้ามจอดก็จอดบ้าง ไหลตามไฟเหลืองบ้าง ขี่จักรยานยนต์ขึ้นทางเท้าบ้าง ดื่มมานิดหน่อยแต่ก็ขับรถบ้าง ส่วนคนเดินถนนนึกอยากจะข้ามตรงไหนก็ข้าม เรื่องแบบนี้กลายเป็นอะไรเล็กน้อยที่หลายคนมองข้ามและทำไปโดยอัตโนมัติ

ทีนี้เมื่อปัญหาอยู่ที่คน ก็ต้องแก้ที่คน คือเราทุกคนต้องมีจิตสำนึก ต้องไม่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ และต้องไม่ทำเพราะใคร ๆ ก็ทำกัน

สามสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคนเรามีแนวโน้มที่จะผิดกันอยู่แล้ว ยิ่งพอเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ หรือเห็นว่าคนอื่นทำ ก็ยิ่งไม่มีความละอายที่จะทำ ดังนั้นคนเราจึงต้องมีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ ตระหนักรู้ถึงบทบาทของตน รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ในกรณีนี้ก็คือรู้ว่ากฎจราจรไม่ได้มีไว้แหก แต่มีไว้ให้ปฏิบัติตามเพื่อให้เราทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างดี

สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คืออย่าทำตามความเคยชิน เชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยทำผิดกฎจราจรกันมาแล้วทั้งนั้น แค่หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ ลองใช้จิตสำนึกให้มากขึ้น เริ่มที่ตัวเอง รักษาวินัยจราจรให้มากขึ้น ถ้าทุกคนทำได้และพร้อมใจกันทำ การที่บ้านเราจะเป็นประเทศที่มีวินัยจราจรมากที่สุดในโลกก็ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0