ว่ากันว่าเวลาเปลี่ยน อะไร ๆ ก็มักจะเปลี่ยน…
แต่มีอยู่อย่างที่ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยน แต่คนไทยไม่เคยเปลี่ยน นั่นก็คือนิสัย
คนไทยเมื่อสมัยก่อนนิสัยยังไง คนไทยปัจจุบันนี้ก็เหมือนเดิมเกือบจะเป๊ะ เรายังคงเป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นคนสบาย ๆ ในสายตาของคนต่างชาติเสมอ แต่ก็มีนิสัยไม่ดีบางอย่างที่กี่ปีผ่านไปก็ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งที่จริงมันควรจะเปลี่ยนได้แล้ว เพราะนิสัยเหล่านี้มันขัดขวางความเจริญและไม่ได้น่าภูมิใจเลยสักนิด
1. มักง่าย
เรื่องความมักง่ายของคนไทยถือว่าติดอันดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว โดยสถาบันอนาคตเพื่อการศึกษาได้ทำการสำรวจนิสัยคนไทยที่ควรเปลี่ยนแปลงมากที่สุด จากคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งผลสำรวจระบุว่านิสัยอันดับที่สองของคนไทยก็คือ การทำอะไรตามใจคือไทยแท้ แสดงให้เห็นว่าเราคนไทยรู้กันดีอยู่แล้วว่าพี่ไทยเราเป็นคนง่าย ๆ (มักง่าย)
จะเห็นได้ว่าความง่ายของคนไทยส่งผลกระทบอะไรหลายอย่าง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือความไร้ระเบียบวินัย ที่สะท้อนออกมาในสังคมเราอย่างมากมาย ทำให้คนไทยส่วนใหญ่นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวม สังคมหรือแม้แต่ประเทศชาติแม้แต่น้อย
เอาจริง ๆ นิสัยมักง่ายของคนไทยเหมือนอยู่คู่บรรพบุรุษของเรามานานแสนนาน ลองนึกภาพตัวเองทิ้งขยะไม่ลงถังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เชื่อเถอะว่าหลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน “เมื่อกี้นี้เอง!”
2. ไม่ตรงต่อเวลา
เรื่องจริงที่ต้องยอมรับเลยก็คือคนไทยเราไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องของเวลาสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบ้านเมืองเราไม่มีอะไรที่เป๊ะ ๆ ได้เลย โดยเฉพาะการคมนาคมที่ต้องไปวัดดวงเอาหน้างานว่าวันนี้รถจะติดมากหรือติดน้อย ส่งผลให้คนไทยกับการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่ไปด้วยกันไม่เคยได้
ผิดกับคนชาติอื่นที่เรื่องเวลาถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกรู้กันดีว่าตรงต่อเวลาแค่ไหน สาย 1 นาทีคือความผิดมหันต์ แต่สำหรับคนไทยการมาสาย 5-10 นาทีถือเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่รู้เพราะคนไทยเราใจดีมากไปหรือเปล่าก็เลยทำให้นิสัยแบบนี้ของคนไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลงสักที
3. เชื่อง่าย ไม่ไตร่ตรอง
ความเชื่อง่ายของผู้คนทั่วไปในสังคมมีสาเหตุสำคัญมาจากความไม่รู้ แต่สำหรับบางคนถึงรู้ก็ยังหลงเชื่อ คนไทยส่วนใหญ่เห็นอะไรก็เชื่อ อ่านอะไรก็เชื่อ ได้ยินได้ฟังอะไรมาก็พร้อมเชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ไม่ไตร่ตรอง หรือตรวจสอบเลยว่าเรื่องราวเหล่านั้นจริงหรือไม่จริง
ทุกวันนี้ก็เลยได้เห็นข่าวแชร์ลูกโซ่ เตือนภัย หลอกเงิน หลอกลงทุนกันอยู่เนือง ๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความเชื่อคนง่าย อีกส่วนก็มาจากความโลภในจิตใจ ที่เมื่อสองสิ่งนี้รวมกันเข้าให้ ผลก็คือความสูญเสีย การโดนหลอกลวงที่เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อได้รับรู้ข้อมูล หรืออ่านอะไรมาสักอย่าง สิ่งที่แรกที่ต้องทำเลยก็คืออย่าเพิ่งเชื่อ ที่สำคัญอย่าเพิ่งแชร์ เพราะการแชร์ต่อข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็เหมือนการทำร้ายกันทางอ้อม ทางที่ดีคือควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าสิ่งเหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร อย่าปักใจเชื่ออะไรง่าย ๆ เพราะความไม่รู้อีกเลย
4. งมงาย
พอไม่มีการครุ่นคิดหรือไตร่ตรอง สิ่งที่ตามมาก็คือคนไทยพร้อมที่จะเชื่อสารพัดเรื่องงมงายทุกรูปแบบ น่าจะมีแต่คนไทยชาติเดียวนี่แหละที่เอาแป้งไปโรยตามที่ต่าง ๆ หรือบูชาได้แม้กระทั่งเจลเย็นลดไข้ ไม่รู้ว่าเพราะเรางมงายหรือเราพร้อมจะเชื่อทุกอย่างกันแน่
จริง ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนไทยใกล้ชิดกับเรื่องเหลือเชื่อหรือความมหัศจรรย์มากกว่าคนชาติอื่น หลายคนโตมากับการระลึกชาติ ของขลัง และตำนานที่เล่าขาน ไม่แปลกที่เรื่องเหล่านี้จะทำให้คนเราเชื่อแบบหมดใจ ซึ่งถึงแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมากแค่ไหน แต่สำหรับคนไทย เรื่องงมงาย ลี้ลับยังคงเป็นปริศนาที่หยุดนิ่งอยู่กับที่เช่นเดิม
5. ไม่ค่อยพูดความจริง
การพูดไม่จริงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการโกหกเสมอไป แต่คือการพูดอ้อม ๆ พูดไม่ตรง หรือการตอบปฏิเสธไปก่อนตามความเคยชิน ไปจนถึงการโกหกจริง ๆ จัง ๆ เลยนั่นแหละ
นิสัยคนไทยอย่างหนึ่งเลยก็คือเราไม่ใช่คนตรง ๆ ด้วยความโอบอ้อมอารีหรืออะไรก็ตาม ทำให้คนไทยไม่พูดกันตรง ๆ พอเป็นอย่างนั้น ก็ส่งผลให้เราไม่ค่อยพูดความจริงกันสักเท่าไหร่ อะไรที่โกหกแล้วรอดมาได้ หรืออะไรที่โกหกแล้วอีกคนสบายใจ เราจะไม่รู้สึกฝืนเลยที่จะทำ ส่งผลให้นิสัยแบบนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยไปโดยปริยาย
มีนิสัยไม่ดีไปแล้ว ก็ต้องมีนิสัยดี ๆ ของคนไทยที่ใคร ๆ ก็ชื่นชมกันบ้าง นิสัยเหล่านี้เรียกว่าอยู่ในสายเลือดของคนไทยเกือบทุกคน ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน คนไทยก็มักได้รับคำชมจากนิสัยดี ๆ เหล่านี้เสมอ
6. มีน้ำใจ
นิสัยที่คนทั่วโลกยอมรับในตัวคนไทยอย่างไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เลยก็คือความมีน้ำใจ เราคนไทยไม่ได้มีน้ำใจกับแค่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือคนไทยด้วยกันเอง แต่เมื่อใครก็ตามในโลกนี้ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าทำได้คนไทยก็พร้อมหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เพื่อนร่วมโลกด้วยกันเสมอ
ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน จะวิกฤตโรคระบาด ความขัดแย้ง อุณหภูมิการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ผู้คนชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่เมื่อมีใครสักคนต้องการความช่วยเหลือ ความร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งประเทศก็มุ่งไปที่จุด ๆ เดียวเสมอ แสดงให้เห็นว่าแม้เราจะต่างคนต่างก็มีปัญหา แต่เราก็พร้อมจะช่วยเหลือกัน
7. อะลุ้มอล่วย
ตามพจนานุกรม อะลุ้มอล่วยแปลว่าผ่อนหนักให้เป็นเบา ปรองดองกัน แต่ในความหมายที่จะพูดกันนี้ก็คือ การยอม ๆ กันไป ซึ่งคนไทยเราขึ้นชื่อเลยเรื่องนี้
พี่ไทยเราเป็นคนใจดี มีน้ำใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่ยอม ๆ กันได้ก็มักจะยอม ๆ กันไป ว่ากันตามตรงการยอมกันก็มีข้อดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว ทั้งการลดความขัดแย้ง ลดปัญหา ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
แต่ข้อเสียของความอะลุ้มอล่วยก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะพอเรายอม ๆ กันได้ ยอม ๆ กันไป กฎ-กติกาก็เลยไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นความอะลุ้มอล่วยที่คนไทยมี มองเผิน ๆ อาจจะเป็นข้อดี แต่ลึก ๆ แล้วอาจจะเป็นนิสัยที่ควรเปลี่ยนได้แล้วก็ได้
8. ให้อภัย ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น
ไม่ใช่เพราะว่าคนไทยลืมง่ายถึงได้ให้อภัยกันง่าย ๆ แต่นิสัยอันดีอย่างหนึ่งของเราก็คือเราไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่แค้นฝังหุ่นกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือคนไทยพร้อมให้โอกาสและให้อภัยคนที่สำนึกผิดได้เสมอ
9. สบาย ๆ
คนไทยเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ เราอยู่ง่าย กินง่าย ใช้ชีวิตกันง่าย ๆ เป็นเสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็รับรู้และยอมรับกันทั่วโลก บางทีคนต่างชาติยังอิจฉาคนไทยที่เราสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียดในการใช้ชีวิต
แต่ความสบาย ๆ บางทีก็เป็นข้อเสียที่น่าใจหาย เพราะเราสบายเกินไป ง่ายเกินไป คนไทยก็เลยไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไร้กฎเกณฑ์ เราอยากทำอะไรก็ทำ โดยไม่สนใจกฎหรือกติกาใด ๆ เลย
10. อารมณ์ดี ยิ้มง่าย รักสนุก
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งข้อดีของคนไทยที่รู้กันทั่วโลกว่าคนไทยยิ้มง่าย คนไทยกับการยิ้มเป็นของคู่กันอยู่แล้ว เราคนไทยไม่ค่อยจะเคอะเขินกับการทักทายด้วยการยิ้มให้คนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เราไม่ได้ยิ้มเพราะไม่มีจุดยืนหรือคิดอะไรไม่ออก แต่เรายิ้ม..เพราะรอยยิ้มคือเสน่ห์ของคนไทยที่ไม่เคยแพ้ชาติใดในโลกต่างหาก
ทั้งหมดนี้แค่ต้องการจะสะท้อนให้เห็นว่าพวกเราบางคนมีนิสัยเหล่านี้ติดตัวอยู่ เพราะฉะนั้นอะไรดี ๆ ก็แค่เก็บไว้แล้วพัฒนาให้มันดีขึ้นอีก ส่วนอะไรที่ไม่ดี ก็ตัดทิ้งไปหรือเปลี่ยนให้มันดีขึ้นซะ แค่นี้เราก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นแล้ว
ความเห็น 297
Poj Kt
พอขาดวินัย สังคมก็ไม่น่าอยู่
เช่น ที่จอดรถคนพิการ แต่คนปกติมาจอดเฉย
สถานัชาร์ทรถไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซด์จอดเฉยเค้าบอกดีๆ ก็เอาพวกมารุม
ทางเท้าไว้เดินแต่รถมอเตอร์ไซด์วิ่งบีบแตรไล่คนเดิน
21 ส.ค. 2565 เวลา 23.18 น.
Audiomaker
ข้อ3กับ4ใครปลูกฝังให้เป็นล่ะน่าจะรู้กันดี
21 ส.ค. 2565 เวลา 02.53 น.
supreecha sakkarapan
โอ๊ย...แย่
12 ส.ค. 2565 เวลา 12.11 น.
🍎Good.🍎
1 ถึง 5 อยากให้ปรับปรุงแก้ไข เพราะมันทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนได้รับผลกระทบไปด้วย
04 ส.ค. 2565 เวลา 05.40 น.
Tkeera
ให้บ่นเราบ่นได้เสมอ น่าแปลกใจที่เราบ่นแต่เราก็อาจจะทำอย่างนั้นถ้าลองคิดดีๆ ไม่อย่างนั้นผลคงไม่ออกมาเป็นภาพรวมแบบนี้
เราอยากให้สังคมเป็นแบบใหน ก็พยายามคิดพูดทำให้ได้อย่างนั้น ต้องสังเกตุตัวเองดู
วันก่อนดูซีรี่เกาหลี ผมชอบความคิดจริตนิสัยนะ
02 ส.ค. 2565 เวลา 03.17 น.
ดูทั้งหมด