โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เจาะใจ ‘ลูกน้ำ พาเมล่า’ กับคำครหา “พอเงินจาง นางก็จร” ไม่เอาแล้วชีวิตรัก ตั้งสัจจะไม่มีคู่ตลอดไป

Khaosod

อัพเดต 02 ม.ค. เวลา 11.46 น. • เผยแพร่ 02 ม.ค. เวลา 11.46 น.

เจาะใจ ‘ลูกน้ำ พาเมล่า’ กับคำครหา “พอเงินจาง นางก็จร” ไม่เอาแล้วชีวิตรัก ตั้งสัจจะไม่มีคู่ตลอดไป

จากครั้งก่อนดารานักร้องยุค 90 ‘ลูกน้ำ’ พาเมล่า เบาว์เด้นท์ ได้เล่าเรื่องราวชีวิตรักกับอดีตสามีนักแสดงตลกดัง ‘แห้ว รีเจนซี่’ ตั้งแต่รักจนต้องจบทางรักกันแล้ว ผู้สื่อข่าว “ข่าวสดบันเทิง” ยังเจาะลึกไปถึง คำครหา “พอเงินจาง นางก็จร” ที่นักร้องสาวต้องทนอยู่กับมันมาเกือบ 20 ปี โดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีโอกาสมาออกมาชี้แจง

เลิกกันปุ๊บ เราก็โดนคำครหา?
“ใช่ เขาบอก “พอเงินจาง นางก็จร” เดี่ยวเราไม่เคยขอเงินเขาใช้แหมแต่บาทเดียว ไม่เคยเลย ตรงกันข้าม ในตอนที่เขามีปัญหาเราก็ช่วยซัพพอร์ตเขาด้วย แล้วคำกล่าวนี้ มันเป็นข้อหาที่ติดตัวพี่มาถึงทุกวันนี้เลย

พอมีข่าวปุ๊บ คนก็จะโยงพี่เขาเข้ามา แล้วก็จะพูดถึงจุดนี้ เราก็จะรู้สึกว่ามันยังไม่จบอีกเหรอ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่ข่าวมาใหม่ๆ เราไม่ได้เคลียร์ตัวเองเลย เราไม่มีโอกาสได้เคลียร์ตัวเอง จะให้เราโทรหาพี่ๆ นักข่าวมันไม่ใช่ แล้วตอนนั้นเราก็เก็บตัวด้วย คิดว่าอยู่นิ่งๆ ดีกว่า

แต่ไม่คิดว่าการที่เราอยู่นิ่งๆ มันจะเท่ากับยอมรับข้อหานั้น มันยาวมาจนถึงทุกวันนี้ โอ้ย เราสงสารคนที่รับข่าวสาร แล้วเขาก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น มันไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เลย”

หลังจากนั้นเราได้คุยกับอดีตสามีไหม?
“ไม่ได้คุยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ (กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้นานไหม) พี่ไม่ได้ล้มนะ เราแค่หยุดให้เวลากับตัวเอง ให้เราได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่นาน เราก็เล่นละคร ร้องเพลงของเราเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นข่าวอะไรมากมาย เราไม่รู้สึกอะไร เราไม่ได้อินกับอะไร

เพราะว่าเราไม่ได้ไปหวือหวากับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือคำพูด เราเป็นอย่างไร คนที่เขาได้เจอเรา เขาก็จะรู้เอง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พี่ก็ยังมีงานทำอยู่เรื่อยๆ แล้วทุกคนที่ได้ร่วมงานกัน เขาก็น่ารักกับเรา เพราะว่าเราไม่ได้มีอะไรกับใคร พี่เชื่อว่าความจริงก็คือความจริงอยู่นั้นเอง แต่เวลาเราไปอ่านเจอมันก็สะท้อนเหมือนกันว่า อ้าว.. ยังอยู่อีกเหรอ(หัวเราะ)

เราแค่อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ จริงๆ แล้วผู้หญิงไทย สัญชาติไทยที่แต่งงาน ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้สามีเลี้ยงดูทุกบาททุกสตางค์นะคะ ไม่ใช่ทุกคนที่ว่า พอสามีเงินเดือนออก เอาเงินมา น้ำคนหนึ่งที่ไม่ใช่แบบนั้น ต่างคนต่างมี ต่างคนต่างใช้ ถ้าผู้หญิงสักคนจะแต่งงานกับผู้ชายสักคน

เพราะว่าต้องการความมั่นคงทางชีวิต ทางด้านทรัพย์สินเราก็ควรหาคนที่เขาเป็นปึกแผ่น เราคนวงการเดียวกัน อาจจะไม่มองด้วยซ้ำเพราะเรารู้ว่าอาชีพเราไม่แน่นอน วันนี้มีงานจ้าง พรุ่งนี้จะมีหรือเปล่าไม่รู้ ละครปิดกล้องแล้วจะมีเรื่องใหม่หรือเปล่าก็ไม่รู้

แต่พี่เลือกที่จะแต่งงานกับคนในวงการเดียวกัน มีเท่าๆกันเลย แล้วถ้าเราแต่งกับเขาเพื่อจะกอบโกยจากเขา จะไปโกยอะไรจากเขา มันก็มีเท่าๆกัน ไม่สงสารเขาเหรอ พออ่านข่าวไปๆมาๆ ก็สงสารเขานะ มันจะไม่ฉลาดนะ ถ้าแต่งงานแล้วจะให้ผู้หญิงคนนึงเอาเงินของเขาไปหมด
เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาเป็นคนวางแผนการใช้เงินอย่างดี เขายังสอนเราด้วยซ้ำว่าตรงนี้ควรเก็บ ตรงนี้ควรทำอย่างไร เราถึงได้มีพอที่ไปซัพพอร์ตเขาในช่วงหลังด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่”

จากประสบการณ์ชีวิตครั้งนั้น ทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม?
“ไม่ค่อยเปลี่ยนนะ หลังจากนั้นเราก็มีคุยกับใครบ้าง แต่พอมาถึง จุดจุดหนึ่งพี่มีความรู้สึกว่ามันไม่เวิร์ก เราได้คุยกับคนหลายๆแบบ จนรู้สึกว่าพอแล้ว ไหนลองอยู่คนเดียวซิ มันอยู่ได้ มันมั่นใจตัวเองมากขึ้น มันเบาตัวดี จนเราตั้งมั่นว่าไหนลองดูซิ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้ 16 ปีแล้ว มีคนเข้ามา แต่พอปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำกระบอก เขาให้ถือสัจจะ พี่ก็ถวายเป็นสัจจะเลย พี่จะไม่มีคู่ที่เป็นแฟนตลอดชีวิต”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจาะใจ ‘ลูกน้ำ พาเมล่า’ กับคำครหา “พอเงินจาง นางก็จร” ไม่เอาแล้วชีวิตรัก ตั้งสัจจะไม่มีคู่ตลอดไป

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...