รู้ก่อนแก้ทัน! 7 สัญญาณที่แสดงว่าคุณยึดติดกับอดีตมากไป

ตอนที่เป็นเด็ก ก็รู้สึกว่าอยากโตเป็นผู้ใหญ่ แต่พอโตแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็ก สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดร่วมสากลของคนทั้งโลก ที่ตอนเด็ก ๆ มองว่าโตแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่พอโตขึ้นมาจริง ๆ กลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าในชีวิตเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ตัวเราก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราต้องพบเจอกับความสูญเสีย พลาดโอกาส เลือกทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองเสียใจ 

แม้ว่าอดีตจะเปรียบเหมือนบทเรียนของชีวิต แต่การที่เราคิดถึงมันมาก ๆ หรืออยู่กับอดีตมากเกินไปมันก็จะกลายเป็นกับดักที่ทำให้เราไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ มาลองสังเกตกันว่าเรายึดติดกับอดีตมากเกินไปหรือเปล่าจากสัญญาณเหล่านี้ เพื่อที่จะรู้เท่าทันความคิดของตัวเองและแก้ไขก่อนจะสายเกินไป

- ยึดติดกับความโกรธแค้น

เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้เราถูกล่ามไว้กับอดีต โดยการไม่ยอมให้อภัยคนอื่น ถือความแค้นความโกรธไว้กับสิ่งที่เขาเคยทำผิดต่อเรา การถือความโกรธแค้นของตนเองไว้ เหมือนเราเลือกที่จะเสียเวลาและพลังงานไปกับประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีตที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การที่ปล่อยให้ความเกลียดแค้นเข้มแข็งขึ้น จะเป็นอุปสรรคต่อการรักษาตัวเอง สิงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือยอมรับความเจ็บปวดและเดินต่อไป

- โทษตัวเองในทุก ๆ เรื่อง

มันต้องใช้ความมีวุฒิภาวะอย่างมากที่จะยอมรับกับความผิดพลาดของตัวเอง รวมไปถึงการรู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเอง แต่มันก็มีความแตกต่างระหว่างความรับผิดชอบ กับการที่แค่อยากจะบ่นตัวเองในสำหรับทุกเรื่องที่ผิดในชีวิต การทุบ ทุบ ทุบ ทุกความผิดของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะว่าการเอาแต่โทษตัวเองไม่ใช่การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ความรู้สึกผิด ละอาย เสียใจ หรือโทษตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้ติดอยู่กับอดีต และเป็นอุปสรรคต่อการมีความสุข ตราบใดที่คุณไม่เรียนรู้ที่จะให้อถัยตัวเอง ก็จะทำให้วนอยู่แต่ในอดีต

- จมอยู่แต่ในอดีต 

บ่อยไหมที่คุณมักจะคุยกับเพื่อนเรื่องวันดี ๆ ในอดีต ที่ผ่านมา หรือคิดถึงแต่ความทรงจำที่แสนสุขที่มีร่วมกันมา ยินดีกับเรื่องรักในอดีตแต่ปัจจุบันกลับว่างเปล่า และไม่อาจเป็นจริงได้ในอนาคต หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า นอสทาเจีย ที่เปรียบเสมือนกับดักทางจิตใจที่เรามันหล่นลงไปบ่อย ๆ แต่มันก็ไม่ได้ดีที่จะอยู่กับมันมากเกินไป พวกเราหลายคนมันรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเพ้อฝันที่ทำให้เราพลาดอะไรที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน การหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถก้าวหน้าในชีวิตได้

- สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว

คิดอยู่ตลอดเวลาว่าอะไรทำให้คุณมาถึงในตอนนี้ ทุก ๆ โอกาสที่พลาดไป ที่ไม่ได้คว้ามันไว้ หรือตัวเลือกที่ไม่เคยเลือกเดินแม้จะผ่านมาเป็นเวลานานเท่าไหร่ก็ได้ นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังตั้งคำถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าถ้ามันมันต่างออกไป ก็อาจจะมีความสุขกว่านี้ได้ ติดอยู่กับการมีความสุขไม่มากพอ ตามสำนวนที่บอกว่าหญ้าของบ้านข้าง ๆ มักจะเขียวกว่าเสมอ แต่ความจริงคือโลกนี้ไม่ได้ให้รางวัลคุณเมื่อคุณได้ตัดสินใจ และก็ไม่ได้ลงโทษคุณเช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรถูกและผิด มันเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น การคิดถึงเรื่องที่เกิดไปแล้วมีแต่จะทำให้เสียเวลาเท่านั้นเอง

- ปฏิเสธโอกาสใหม่ ๆ 

คุณได้ปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่งไปหรือเปล่า หรือว่าคุณยอมที่จะอยู่ในตำแหน่งเดิม เพราะกลัวเกินกว่าจะเลื่อนขั้น คุณเลือกที่จะเรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้านมากกว่าที่จะไปเรียนที่ไกล ๆ หรือเปล่า? หรือว่าคุณยอมที่จะทนอยู่กับคนที่คุณไม่ได้รัก เพราะกลัวที่จะบอกลา การกลัวสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการทำให้พลาดโอกาสในเติบโต เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น และทุกครั้งที่เราปฏิเสธมันเพียงเพราะเรากลัว ก็จะยิ่งให้เราฝังรากลึกไปกับอดีตและก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าสักที

- ไม่มีสิ่งที่ตั้งตารอคอยในชีวิต

คุณอาจจะบรรลุเป้าหมายในชีวิต หรือว่าอาจจะพลาดครั้งใหญ่ในสิ่งที่สำคัญต่อคุณ บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าเดินมาไกลแล้ว หลาย ๆ ครั้งกับคำถามว่า แล้วอย่างไรต่อ แต่หากคำตอบที่ได้กลายเป็นว่าไม่มีสิ่งไหนในชีวิตที่อยากทำ หรือรอคอยอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอะไรในอนาคตให้ตื่นเต้น รวมไปถึงความรู้สึกสิ้นหวัง ไม่หนำซ้ำยังกลัวว่าวันที่ดีจะกลายเป็นอดีต และชีวิตกำลังเดินหน้าไปสู่หายนะ คุณกำลังติดหล่มในชีวิตที่ขาดความหมาย มีแต่เรื่องราวซ้ำ ๆ อยู่ในสิ่งที่สบายใจในอดีต เพราะคุณคิดว่าไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้รออยู่ในอนาคตแล้ว

- ไม่มีแผนการสำหรับอนาคต

หลาย ๆ ครั้งที่พอมีคนมาถามว่า วางแผนอนาคตไว้อย่างไร และคุณไม่มีคำตอบให้พวกเขา สาเหตุก็เพราะว่าคุณปฏิเสธว่าอดีตนั่นจบไปแล้ว และนี่ก็ถึงเวลาสำหรับการเริ่มต้นบทใหม่ ๆ ของชีวิตคุณ คุณต้องการให้ทุกอย่างดำรุงอยู่เหมือนเดิมเพราะกลัวความไม่แน่นอนของวันพรุ่งนี้ คุณจะไม่วางแผนไปหาเพื่อนที่อยู่ต่างเมือง ไม่วางแผนสิ่งที่อยากทำหลังเรียนจบ เพราะว่ากลัวและคิดมากถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ว่าชีวิตมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเมื่อประตูหนึ่งปิด อีกประตูหนึ่งก็จะถูกเปิดเป็นเรื่องธรรมดา

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก แต่มันก็สวยงามได้เหมือนกัน อะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตแม้ว่าคุณจะต้องการหรือไม่ มันถึงเวลาเราแล้วที่คุณจะยอมรับมัน ดื่มด่ำกับมัน และไม่หยุดที่จะต่อสู้ ถ้าคุณยังเป็นคนหนึ่งที่ยังยึดติดอดีต จงรู้ไว้ว่าชีวิตคนเรามันสั้น ถ้าคุณไม่หยุดและมองมันไปรอบ ๆ คุณก็อาจจะพลาดมันไปแล้ว อย่ายึดติด เพราะทุกอย่างล้วนต้องเปลี่ยนแปลง.

ขอบคุณข้อมูลจาก

- psych2go

- psychologytoday