ชีวิตทุกคนต่างมีเรื่องให้ต้อง “ผ่านพ้น” อยู่เสมอ ราวกับเป็นการเดินทางระยะไกลที่เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่บางครั้งก็ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “อุปสรรค” บางเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ยากเกินกว่าที่ตัวเราจะก้าวผ่านไปได้อย่างง่ายดาย หากแต่จำเป็นต้องอาศัยการยอมรับ ความเข้าใจ และกระบวนเยียวยาที่แตกต่างกันออกไป เพราะแบบนี้การไปต่อจึงไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แม้ว่าภายในใจจะต้องการหรือพยายามมากแค่ไหน บทสรุปของการเป็นคน “ย่ำอยู่ที่เดิม” จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่ดี
กระนั้น ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็ไม่ได้แปลว่า “การเริ่มต้นใหม่” จะเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมหรือไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ หากแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆสิ่งก็เท่านั้น , 5 ภาพยนตร์ที่เราหยิบมานำแนะนำก็เช่นกัน ทุกเรื่องต่างว่าด้วยความเจ็บปวด การสูญเสีย และปัญหาที่มนุษย์ไม่สามารถจัดการ (หรือยากจะที่เอาชนะ) แต่มันไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น ภายใต้เรื่องราวแย่ ๆ กลับมีหนทางบางอย่างที่ทำให้มนุษย์เหล่านั้นสามารถก้าวไปต่อ อาจเป็นเพราะใครสักคน เหตุการณ์บางสิ่ง หรือกระทั่งการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น แม้หนัง 5 เรื่องนี้จะมอบความเศร้าระหว่างชมแค่ไหน มันก็มีพลังให้เราเข้าใจชีวิตเพื่อเริ่มต้นใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นอาจเป็นการยืนยันคุณค่าของความเจ็บปวด ที่ซุกซ่อนความสวยงามให้เราในแบบที่ความสุขไม่สามารถทำได้
1.Manchester by the Sea
เล่าเรื่องราวของ ลี แชนด์เลอร์ ภารโรงและช่างซ่อมประจำหอพักที่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า โจ พี่ชายของเขาเสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคร้าย ลี จึงจำเป็นต้องกลับมายังบ้านเกิดเพื่อจัดการงานศพ พินัยกรรม และดูแล แพทริค หลานชายของเขา โดยที่ตัวเขาเองก็ต้องต่อสู้และเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ณ ชุมชนแห่งนี้เช่นกัน
นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกภายหลัง “การสูญเสีย” ได้ดีที่สุด ผ่านวิธีเล่าเรื่องที่เป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการนำเสนอความเจ็บปวดเพื่อสร้างความเจ็บปวดอย่างย้อนแย้งแก่ผู้ชมอีกที (ตัวหนังราวกับเป็นคอมเมดี้หน่อย ๆ เพียงแต่หลายครั้งมันก็ตลกไม่ออก) สิ่งที่ดีและงดงามในเรื่องนี้คือการพูดถึงมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับบาดแผลทางจิตใจในแง่มุมที่แตกต่างกันไป เพราะทุกคนต่างมีวิธีรับมือในแบบฉบับของตัวเอง ทั้งการพยายามทำตัวเป็นปกติ (ที่ไม่ปกติ) , การเลือกที่จะเดินหนีไป หรือการเก็บส่วนที่เจ็บไว้และเริ่มต้นใหม่เพราะท้ายที่สุดไม่ควรมีใครต้องแบกรับความรู้สึกบางอย่างตลอดไป – นี่จึงเป็นภาพยนตร์ดราม่าที่อยากให้ทุกคนได้ชมกัน ไม่ว่าชีวิตคุณกำลังขัดข้องในตอนนี้หรือยังไม่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดสำคัญก็ตาม
2.A Monster Calls
จากวรรณกรรมเยาวชนในชื่อเดียวกัน หนังเล่าเรื่องราวของ คอเนอร์ เด็กชายวัย 13 ปีที่ต้องเผชิญกับปัญหามากมายที่ถาโถมใส่เขาพร้อมๆกัน หนึ่งในนั้นคือการที่เขาพบว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียแม่ไปจากโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง คอเนอร์ ก็ได้พบกับอสูรกายยักษ์ในร่างของต้นไม้ที่ปรากฎตัวมาเพื่อเล่านิทานให้เขาฟัง เนื้อหาในนิทานทั้ง 3 เรื่องนั้นกลายเป็นข้อคิดและพลังให้เขาต่อสู้ฟันฝ่ากับปัญหาเล็กๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ แม้บางครั้งจะต้องแลกมาด้วยบทเรียนอันโหดร้ายที่หนักหนาเกินกว่าเด็กคนหนึ่งจะแบกรับ แต่ก็เป็นทางเดียวที่เขาจะสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งได้
A Monster Calls มีเนื้อหาใจความสำคัญในการพูดถึงการเผชิญหน้ากับบาดแผลชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อมีบางสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขได้เคลือบคลานเข้ามา สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาได้จึงเป็นการรับมือกับอุปสรรคนั้นให้ดีที่สุด ยอมรับ และเข้าใจเพื่อให้เราเจ็บตัวน้อยที่สุด แม้ว่าหน้าหนังจะมีแอนิเมชั่นและความแฟนตาซีเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นหลัก แต่อยากจะบอกว่านี่คือภาพยนตร์ Coming of Age ที่ร้าวรานอย่างเป็นมนุษย์มาก ๆ เรื่องหนึ่งเลย ยิ่งใครที่เคยผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายแบบนั้นมาคงจะเข้าใจได้ดี
3.The Skeleton Twins
ภาพยนตร์ คอมเมดี้-ดราม่า ว่าด้วยเรื่องราวสองพี่น้องฝาแฝดชายหญิงที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งภายหลังทั้งสองเกือบต้องจบชีวิตลงจากการพยายามฆ่าตัวตาย (แฝดหญิงกำลังจะฆ่าตัวตายแต่ได้รับสายจากโรงพยาบาลให้ไปดูอาการของแฝดชายที่เพิ่งฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ) ทั้งสองได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ แต่มากไปกว่านั้น ทั้งสองยังได้กลับมาสานต่อสัมพันธ์ที่ห่างเหิน เรียนรู้ชีวิตของกันและกัน และที่สำคัญ ได้รักษาเยียวยาปัญหาจากอีกฝ่ายให้กันอีกด้วย
The Skeleton Twins เล่าเรื่องราวด้วยความหรรษาผ่านความสัมพันธ์ของพี่น้องที่เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด กระนั้น ประเด็นของภาวะซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย ก็เป็นสิ่งที่หนังอธิบายอย่างเข้มข้นและจริงจังด้วย ประเด็นน่าสนใจของหนังคือการพูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครอาจเข้าใจได้นอกจากกันและกัน การแชร์ความคิด แชร์ความรู้สึกต่อใครสักคนที่เรารู้สึกสบายใจอาจช่วยให้เราก้าวข้ามบางสิ่งได้ในแบบที่ไม่คาดคิด และที่สำคัญ การได้รับความช่วยเหลือจากใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องแย่ โดยเฉพาะคนที่อยู่เคียงข้างและเข้าใจเราเสมอมา
4.Demolition
หนังดราม่าตลกร้ายเล่าเรื่องราวของ เดวิส ชายผู้สูญเสียภรรยาสาวไปจากอุบัติเหตุรถยนต์อย่างกะทันหัน ทำเอาเขาเสียสมดุล ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างในชีวิต ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดวิส เริ่มเขียนจดหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่คำร้องเรียนไปจนถึงการเปิดเผยความรู้สึกตัวเอง จนวันหนึ่งเขาได้รู้จักกับ เคเรน ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าและลูกชายของเธอที่เข้ามาเป็นพลังใจให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง: ด้วยการทำลายชีวิตเดิมให้สิ้นซากเสียก่อน
สิ่งที่น่าสนใจใน Demolition นอกเหนือจากเรื่องราวการรับมือกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นฉับพลัน ก็คือแง่มุมการจัดการกับความผิดปกติในใจที่หนังถ่ายทอดออกมาได้ดี หนังเปรียบเปรยชีวิตคนเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า วันดีคืนดีเรารู้สึกว่ามันมีปัญหา ทำงานไม่ปกติ สิ่งที่เราทำได้อย่างเดียวอาจเป็นการชำแหละส่วนประกอบทั้งหมดในเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น เพื่อดูว่าตรงไหนกันที่มีปัญหาถึงจะสามารถรักษาและซ่อมแซมได้ถูก ซึ่งพอหนังเอาพล็อตดราม่ามาผสมผสานกับเรื่องราวการทำลายบ้าน ทำลายเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเริ่มต้นใหม่แล้วมันเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะบางทีชีวิตเราก็อาจจะต้องทำแบบนั้น เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเรากำลังรู้สึกอะไร มีปัญหาอะไร และจะรับมือกับมันได้ยังไง
5.The Perks of Being a Wallflower
ภาพยนตร์ดราม่า Coming of Age เล่าเรื่องราวของ ชาร์ลี กับชีวิตของเขาในช่วงไฮสคูลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ตั้งแต่ มิตรภาพ ความรัก ความสุข ความเจ็บปวด ฯลฯ ผ่านความสัมพันธ์ของเขากับ แซม แพทริก อาจารย์ และคนในครอบครัว ที่ค่อย ๆ ชำแหละตัวตน ความคิด และความรู้สึกของเขาออกมาทีละนิด ทั้งเรื่องราวบาดแผลในอดีต ความอ้างว้างในใจที่เป็นอยู่ปัจจุบัน การเสาะแสวงหาพื้นที่ที่ตัวเองจะมีตัวตน และก้าวผ่านความเลวร้ายทั้งหมดได้อาจเป็นคำนิยามที่ใครหลายคนมักพูดกันว่า “เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย”
สิ่งที่น่าสนใจของ The Perks of Being a Wallflower คือการพาผู้ชมไปไกลกว่าหนังวัยรุ่นเรื่องอื่น ๆ ที่เคยดูมา หนังโฟกัสกับสภาวะจิตใจอันบอบช้ำของ ชาร์ลี ผ่านเหตุการณ์ฝังใจในอดีตที่ไม่มีวันหายไปซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริง เช่นเดียวกับการนำเสนอความสัมพันธ์ของเพื่อน 3 คนที่ร่วมฟันฝ่าปัญหาต่าง ๆ ไปด้วยกัน (และต่างมีบาดแผลในแบบของตนเอง) นี่จึงเป็นหนึ่งในหนังที่นำเสนอการก้าวผ่านความเจ็บปวดที่ลุ่มลึกน่าสนใจ และทำให้เราเห็นว่าการเติบโตขึ้นของใครสักคนนั้นหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ที่มีคุณค่าแล้ว
.
.
ติดตามบทความของเพจ Kanin The Movie ได้บน LINE TODAY ทุกวันพุธ
.
.
ความเห็น 0