เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่พี่ๆ ผู้สูงอายุ ทุกคนพบเจอยามอยู่บ้าน คือไม่อยาก ทิ้งของ ทำให้เกิดปัญหาบ้านรก และถึงจะจัดใหม่จนสะอาดเรียบร้อยแค่ไหนเพียงไม่นานก็กลับมารกเหมือนเดิม
นั่นคงเป็นเพราะชาวสูงวัยส่วนใหญ่ มักจะสะสมข้าวของเครื่องใช้ไว้มากมาย พอจะตัดใจทิ้งก็เสียดาย แต่ถ้าจะเก็บไว้ก็กินเนื้อที่ภายในบ้าน ยากต่อการจัดเก็บอีก
วันนี้ยังแฮปปี้เลยจะมาบอกเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้พี่ๆ ตัดใจ ทิ้งของ ที่ไม่จำเป็นไได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจัดบ้านใหม่เรื่อยๆ อีกต่อไป ส่วนจะมีเทคนิคอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1.จัดการกับแหล่งซ่องสุมของสัมภาระ
หากจะเปรียบการกำจัดข้าวของที่ไม่จำเป็นออกจากบ้าน ก็คงเหมือนกับการกำจัดแมลงศัตรูพืชในไร่สวน ที่ต้องถอนรากถอนโคนจนถึงรังของมัน จึงจะทำได้สำเร็จ เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำคือการทำลายแหล่งซ่องสุมของสัมภาระให้สิ้นซาก เริ่มแรกอาจจะยากสักหน่อย เพราะจะต้องเผชิญหน้ากับข้าวของมากมายที่ล้นทะลักออกมาเกลื่อนกลาดทั่วห้อง แต่จงตั้งสติ แล้วค่อยๆ จัดการทีละส่วน
2.ทิ้งสิ่งที่เป็นขยะอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ควรทำต่อมา คือการเริ่มทิ้งสิ่งที่เป็นขยะอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น กระป๋องเปล่า กล่องใส่ข้าว โบรชัวร์ ของต่างๆ ที่แช่ทิ้งไว้อยู่ในตู้เย็น ลองเอาออกมาเช็คดูว่ามีอะไรหมดอายุแล้วบ้าง จากนั้นก็ทิ้งให้หมด ถัดมาก็พวกเสื้อผ้าในตู้ ตัวไหนที่ยังสภาพดีอยู่แต่ไม่ใส่แล้ว ก็เอาไปบริจาคหรือขาย ส่วนตัวไหนที่เก่า เปื่อย ขาด ก็เอาไปทิ้งเสีย นอกจากนี้ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่เก่าหรือเสียแล้ว ก็สามารถนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าได้
3.ทิ้งของที่มีซ้ำหลายชิ้น
เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับการทิ้งแล้ว ถัดไปคือการกำจัดข้าวของแบบเดียวกันที่มีอยู่หลายชิ้น ลองสำรวจภายในห้อง ว่าเรามีกรรไกรกี่เล่ม ปากกาลูกลื่นกี่ด้าม หรือแก้วน้ำกี่ใบ จากนั้น ตั้งคำถามกับตัวเองดู ทำไมเราต้องมีกรรไกรอยู่ตั้ง 2-3 เล่ม ปากกาลูกลื่น 5-6 ด้ามทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ และแก้วน้ำอีก 10 ใบที่ใช้จริงๆ แค่ 3 ใบ การที่เรามีของคล้ายๆ กันอยู่หลายชิ้น แถมยังวางไม่เป็นที่ ทำให้เราจำไม่ได้ว่ามีของเหล่านี้อยู่ ดังนั้น เพื่อลดจำนวนข้าวของลง ให้ลองทิ้งอันที่ชอบน้อยกว่าไป
4.ทิ้งของที่ไม่ได้ใช้มานานเกิน 1 ปี
กฎเหล็กของการทำให้ข้าวของน้อยลงคือ การทิ้งของที่ไม่ได้ใช้ และทิ้งสิ่งที่คิดว่าคงจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว อย่างเช่นของที่ไม่ได้ใช้เกิน 1 ปี ลองคิดดูง่ายๆ หากเราไม่ได้ใช้สิ่งนี้มาตลอด 1 ปี แต่ยังคงสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ตามปกติ นั่นแปลว่าปีหน้าและปีต่อไปเราก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งนี้เหมือนกัน ยกเว้นข้าวของที่เตรียมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติต่างๆ
5.ถ่ายรูปของที่ตัดใจทิ้งไม่ได้
ไอเดียนี้ดีสำหรับคนที่ยังลังเลและตัดใจทิ้งข้าวของไม่ได้ ซึ่งหลายครั้งไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเพราะความทรงจำที่มีต่อของเหล่านั้นต่างหาก อย่างไรก็ตาม การทิ้งสิ่งของเป็นคนละเรื่องกับการทิ้งความทรงจำที่ผูกติดอยู่กับสิ่งนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น งานประดิษฐ์ของลูกๆ ตั้งแต่สมัยประถม แม้จะไม่ได้สวยอะไร แถมใช้งานไม่ได้อีกด้วย แต่ก็ยากจะตัดใจทิ้ง หากเป็นเช่นนี้ แนะนำให้ลองใช้รูปถ่ายเป็นการเก็บความทรงจำแทนจะดีกว่า
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 เทคนิค ตัดใจทิ้งของอย่างไร ให้บ้านไม่รกอีกเลย หากพี่ๆ มีเทคนิคอื่นๆ ในการตัดใจทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็น อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
ดัดแปลงมาจากหนังสือ ‘อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป’ เขียนโดย ซะซะกิ ฟุมิโอะ สำนักพิมพ์สเต็ปส์
ความเห็น 7
Willie,Han Mok Pong.
เอาไปบริจาค
22 ต.ค. 2564 เวลา 03.31 น.
นานาทัศนคติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆส่วน คนอยู่ในห้องคอนโด แตกต่างจากคนอยู่บ้านเดี่ยว 😁
22 ต.ค. 2564 เวลา 06.00 น.
Willie,Han Mok Pong.
ย้ายบ้านบ่อยๆ/3-4ปีย้ายที
22 ต.ค. 2564 เวลา 03.35 น.
กัญญา 2454
ทิ้งจนผัวด่า เพราะไม่ได้ทิ้งของๆเราอย่างเดียวของแฟนเราที่รกหูรกตาไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ทิ้งหมด รกบ้าน
29 ม.ค. 2565 เวลา 10.27 น.
kru.Chatsuda.
ดีทุกข้อที่แนะนำ เป็นแนวทางปฏิบัติ
22 ต.ค. 2564 เวลา 04.47 น.
ดูทั้งหมด