แฉอีก แม่น้องวีนไม่เปิดยอดบริจาค บอกให้เงียบไว้พอ
ยังไม่จบเรื่อง ‘น้องวีน’ หลังถูกชาวเน็ตแฉออกมารับบริจาคเงินเรียนหมอทั้งที่ตัวเองจนไม่จริง ล่าสุดคนทำเคสช่วยเหลือจนเป็นข่าวดังออกมาเปิดใจ เสียความรู้สึกที่สุดที่เคยทำมา ไปขอให้แม่เด็กแจ้งยอดเงินบริจาคกลับไปรับคำตอบว่า “ไม่” ได้เงินมาแล้ว จบแล้ว ให้เงียบไว้
วันที่ 17 ม.ค. 66 กรณีดราม่านักเรียนชายใน จ.พัทลุง ที่มีข่าวว่าสอบติดคณะแพทย์ แต่ครอบครัวยากจนขาดทุนทรัพย์ จึงออกมาขอความช่วยเหลือเปิดรับบริจาคเงิน ก่อนที่จะประกาศปิดการรับบริจาคไปพร้อมกับถูกชาวเน็ตขุดว่าครอบครัวดังกล่าวไม่ได้จนจริง โดยตัวเด็กมีโทรศัพท์มือถือรุ่นไอโฟน12แมกซ์ใช้ และมีนาฬิกาแอปเปิ้ลวอทช์เรือนหลักหมื่นใส่ ส่วนตัวแม่ก็ไม่จนจริง มีทั้งรถกระบะ สร้อยทอง เสื้อผ้าแบรนด์เนม ฯลฯ
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ปวริศา เนียมสกุล ออกมาเปิดใจในฐานะหนึ่งในคนที่เคยให้ความช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว โดยเธอระบุว่า
“เราอึดอัดเราอยากระบายมาฟังเราสักนิด #เราผิดไปแล้วอย่าด่าเยอะนะเราสำนึกผิดไม่ทัน
-ตั้งแต่ทำเคสแบบนี้มา ไม่เคยเสียใจและเสียความรู้สึกแบบนี้มาก่อน สื่อทุกช่องทุกคนโดนต้มซะจนเปื่อยว่าครอบครัวนี้จน
-ตอนนั้นใครว่าน้องว่าแม่ เราปกป้องเต็มที่ จนไม่ลืมหูลืมตา เพราะอยากให้น้องได้มีเงินเรียน
-จนมีชาวเน็ตขุดคุ้ยประวัติแม่และน้อง เราก็ตามด่าชาวเน็ตว่า ไม่ช่วยแล้วยังเสือก แถมอิจฉาน้องที่เขาได้เงิน
-จนมีคนโทรมาเตือน มาทักว่า ก่อนจะทำเคสนี้เช็คดีหรือยัง มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่คุณเข้าใจซ่อนอยู่ เราก็เริ่มคิด เริ่มเช็คเพราะข่าวนี้เราไม่ได้ลงพื้นที่เอง เพียงแต่เล่นข่าวต่อมา เพราะตอนนั้นเราอยู่ภาคเหนือ
-หลังจากนั้นก็มีคนโทรมาด่าพวกเรามากมายว่า ร่วมกันหลอกลวงขอรับเงินบริจาคร่วมกับครอบครัวนี้ บอกตรงๆว่าเครียดมาก
1.จนยังไงใช้ไอโฟน 12 โปร ราคา26,000 ใช้นาฬิกาหรู ที่เด็กถ้ายากจนจริง ไม่มีปัญญาได้ใช้
2.แม่ใส่ทองทั้งตัว เที่ยวผับกินเหล้า ขับรถเก๋งหรูพาลูกเที่ยว เวลาไปประชุมผู้ปกครองใส่เสื้อผ้าแบรนเนมด์ เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะ
3.เด็กบอกว่าชีวิตนี้ไม่เคยกินหมูกะทะ ก็ใช่สิ หมูกระทะเด็กไม่กิน แต่แม่พาไปกินไก่ KFC ตามห้างดัง เพราะลูกชอบ
4.เราบอกว่าให้แม่กับลูกออกมาแถลงข่าว ออกมาขอบคุณและแจ้งยอดแล้วปิดบัญชี แม่กับลูกบอกว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องพูดอะไรเงียบไว้ ได้เงินมาแล้วมันจบแล้ว
#แล้วที่ช้ำใจ สื่อส่วนกลางไทยรัฐ อัมรินทร์ ช่อง7 ขอไปที่บ้านไปดูว่าจนจริงไหม โดนปฎิเสธจากแม่และคนชื่อทีป โดยอ้างว่าน้องจะต้องอ่านหนังสือ ไม่พร้อมพบสื่อ (ซึ่งตอนนั้นคงยังไม่ได้เตรียมคำพูดกลัวแสดงไม่เนียน)
5.เราโทรไปขอร้องแม่และลูกเป็นครั้งที่ 2 ขอร้องว่าออกมาขอบคุณและแจ้งยอด ให้ทุกคนได้รู้หน่อย สงสารพวกเราเถอะ เพราะหลังจากนี้พวกเราไม่สามารถที่จะช่วยใครที่ลำบากอีกได้เลย เพราะว่าที่หมอ มาหัวหมอแบบนี้ คำตอบที่ได้มาคือ ไม่! แบบสั้นๆ ห้วนๆ ไม่มีหางเสียง
6.คำพูดของแม่ที่เจ็บใจที่สุดที่พูดกับเราคือ คุณมาทำข่าวเอง คุณก็แก้เองสิ
เราจบแล้วได้เงินมาแล้ว ไม่พูดอะไรแล้ว
แล้วคนที่พูดกับเราอีกคนในคำพูดนี้คือ คนชื่อทีป ซึ่งแม่และลูกก็จะฟังแค่คำสั่งของคนชื่อทีปแค่คนเดียว ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาคือใคร
#สรุปคือตอนนี้ทุกคนไม่ทราบเลยว่ายอดเงินเท่าไร แต่ที่รู้คือแม่และน้องสร้างเรื่องและเล่นละครเก่ง จากที่เคยแต่งหน้าจัดมาก
วันนั้นพอรู้ว่านักข่าวจะไปถึง นางล้างหน้าและปล่อยให้หน้าดำและดูโทรม ซึ่งจริงๆ ชีวิตนางในแต่ละวัน ไม่ได้เป็นแบบนั้น
จบแค่นี้ค่ะระบายไม่หมดมันจุก”
.
ที่มา ปวริศา เนียมสกุล
.
ติดตามเพจข่าวเวิร์คพอยท์23 ที่ https://www.facebook.com/NewsWorkpoint