24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 กันยายน 2567
>> หนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ ชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ร่างกระเด็นเสียชีวิตที่ร่องกลางถนน
07.20 น. รับแจ้งจาก สมาคมพุทธอุปถัมภ์แห่งประเทศไทย(กู้ภัยพนม) มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับรถบพ่วง 18 ล้อ และมีผู้เสียชีวิต ริมถนนทางหลวงหมายเลข 304 บริเวณบ่อขยะบ้านหนองสองห้อง ม.15 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
ที่เกิดเหตุ พบรถพ่วง ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน 6574 ฉะเชิงเทรา จอดอยู่ริมถนน ห่างออกไปที่ร่องกลางถนน พบรถจักรยานยนต์ ซูซุกิ สีดำ ไม่พบป้ายทะเบียน ล้มคว่ำในสภาพรถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 20 - 30 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมสารคาม
>> รถจักรยานยนต์ 2 คันชนกันกลางถนน บาดเจ็บสาหัส 1 และเสียชีวิต 1 ราย
08.10น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ภัยอยุธยา จุดท่าเรือ รถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บริเวณใกล้เคียงสะพานพรหมรังสี ในพื้นที่ ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน 8949 ลพบุรี ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีขาว ป้ายทะเบียน 5328 สระบุรี ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสทั้ง 2 ราย โดยเป็นชาย อายุ 30 ปี อาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ท่าเรือ ส่วนอีก 1 รายเป็นชาย อายุประมาณ 60 - 70 ปี มีบาดแผลฉีกขาดขาขวา และเท้าซ้าย ประสานรถกู้ชีพ รพ.ท่าเรือ ออกปฏิบัติการและนำส่งที่ รพ.ท่าเรือ ก่อนจะรับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือ
>> ปภ. รายงานมีสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ยังคงปฏิบัติการระบายน้ำและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนต่อเนื่อง
10.30 น. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. - 1 ก.ย. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 102 อำเภอ 421 ตำบล 2,277 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69,130 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย
โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด รวม 18 อำเภอ 70 ตำบล 223 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,979 ครัวเรือน
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
>> รถกระบะ เสียหลักพลิกหงายท้อง ช่วงทางโค้งถนนหมายเลข 3052 บาดเจ็บ 3 รายเป็นทั้งคุณยายและคุณตา
12.49 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัย ฮุก31 จุดไทยสามัคคี มีอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย ถนนหมายเลข 3052 ช่วงทางโค้งบ้านไร่คุณนาย ในพื้นที่ บ้านโพธิ์ทอง ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ นิสสัน สีดำ ป้ายทะเบียน 9823 นครราชสีมา ลักษณะพลิกหงายท้องล้อชี้ฟ้า ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชายไทย อายุ 84 ปี และหญิงไทย 2 ราย อายุ 83 ปี (คนขับ) , อายุ 84 ปี ทางอาสาสมัครให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.วังน้ำเขียว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว
>> ไฟไหม้ ที่ทำการฯ และบ้านพักของผู้ใหญ่บ้าน เสียหายวอดทั้งหลัง จ.สุราษฎร์ธานี
13.13 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางมะเดื่อ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านนายพัฒนพงค์ แก้วทองประเสริฐ หรือผู้ใหญ่พัฒน์ ในพื้นที่ หมู่ 11 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นอยู่ตรงกลางและมีบ้านพักชั้นเดียวอยู่ติดกันอีก 3 หลัง โดยเพลิงได้ลุกไหม้จากอาคารไม้ชั้นบน แล้วลุกลามไหม้ลงมาชั้นล่างและบ้านหลังหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวบ้านใกล้เคียงได้ช่วยกันขนทรัพย์สินสิ่งของและโต๊ะเก้าอี้ออกมาได้บางส่วน เบื้องต้นไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองท่าข้าม, อบต.บางงอน พร้อมระดมรถดับเพลิงท้องที่ใกล้เคียงและรถบรรทุกน้ำเอกชน รวมทั้งกู้ภัยเข้าช่วยระงับเหตุ
ทั้งนี้ทีมดับเพลิงได้ใช้เวลาประมาณร่วมชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ โดยอาคาร 2 ชั้น ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ส่วนบ้านชั้นเดียวหลังขวามือถูกไหม้เกือบหมด ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
>> จนท. แจ้งความเอาผิดนักท่องเที่ยวโพสต์ภาพตกปลาในพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่
14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีนักท่องเที่ยวรายหนึ่ง โพสต์ภาพลงในกลุ่มอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) พร้อมแคปชั่นเก๋ๆ ใจความว่า "ชิลๆ วันเสาร์ ตกปลาหน่อย ณ ทุ่งกวาง 555 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" ทำให้มีชาวเน็ตคอมเมนต์กันสนั่น เพราะสิ่งที่กำลังกระทำอยู่นั้นผิดกฎหมาย
ล่าสุด นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งความเอาผิด มอบหมายให้นิติกรประจำอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าแจ้งความทันทีที่ สภ.เมืองนครนายก เพื่อดำเนินคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 เขตอุทยานแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใดกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังนี้ ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ, เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ และนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีนักท่องเที่ยวทำแบบนี้ และขอฝากถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังดูอยู่ด้วยว่าก่อนจะเข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ ขอให้ศึกษากฎระเบียบกฎหมายให้ดี
>> เด็กชายวัย 5 ขวบจมน้ำนานกว่า 30 นาที ทีมแพทย์เร่งยื้อชีวิต แต่สุดท้ายไม่เป็นผล
14.32 น. หน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลฯ จุดบึงโขงหลง ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนจมน้ำที่หาดคำสมบูรณ์ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ
ที่เกิดเหตุ อาสากู้ภัยจึงได้ออกตรวจสอบเหตุ พบว่าเป็นเด็กอายุประมาณ 5 ปี พลเมืองดีกำลังช่วยกันทำ CPR ปั้มหัวใจรอรถEMS รพ.บึงโขงหลง ประมาณ 20 นาที แล้วจึงได้นำส่งโรงพยาบาลบึงโขงหลง เพื่อให้แพทย์ทำการฟื้นคืนชีพ และได้รับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบถามเบื้องต้นทราบว่า เด็กที่จมน้ำ เดินทางมากับครอบครัวมาจากอำเภอพรเจริญ มาเที่ยวกับญาติ เวลาเด็กที่หายจากผู้ปกครอง คาดว่าจะจมน้ำประมาณ 30 นาที ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงโขงหลง
>> หนุ่มจมน้ำเสียชีวิต ญาติไม่ติดใจจะเผาทันที แต่หมอพบพิรุธ สั่งอายัดศพไปชันสูตร หวั่นเป็นเหตุฆาตกรรม
16.44 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสรรค์ บุญยะสิงห์ กำนันตำบลน้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้รับแจ้งพบศพชายปริศนา น่าจะเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง อยู่บริเวณบ่อน้ำในหมู่บ้าน ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
เมื่อไปตรวจสอบพบว่า เป็นชาย 30-40 ปี ยังไม่ทราบชื่อ สภาพมีเลือดออกปาก และจมูก ลักษณะผิดสังเกต ซึ่งญาติไม่ติดใจเตรียมทำพิธีเผา แต่แพทย์เห็นว่าสาเหตุการตายยังไม่ชัด จึงยังไม่ให้เผาศพจนกว่าผลัชันสูตรจะออก
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ได้อายัดศพผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง หากพบว่าถูกฆาตกรรม ตำรวจฝ่ายสืบสวนก็จะลงพื้นที่หาข่าวและเบาะแสเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี แต่หากเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือาการป่วย ในเมื่อญาติไม่ติดใจก็จะมอบศพใหญาติกลับไปดำเนินการตามพิธีทางศาสนาต่อไป
>> กรมอุตุ ออกประกาศฉบับ 1 ประเทศไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก 3-7 ก.ย.
17.00 น. ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ฉบับที่ 1 (156/2567) มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 3-7 กันยายน 2567 ความดังนี้
ในช่วงวันที่ 3-7 ก.ย.67 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย.67 ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง พายุดีเปรสชั่นบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวไปทางเกาะไต้หวัน ประเทศจีน โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
>> อุบัติเหตุภายในอุโมงค์รัชดา - สุทธิสาร แล้วเกิดแก๊สรถยนต์รั่วไหล
19.35 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุแก๊สรถยนต์รั่วไหล สถานที่เกิดเหตุ ภายในอุโมงค์รัชดาภิเษก (ฝั่งขาออก ) แยกสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นแก๊สรั่วไหลออกมาจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลชนิดเก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุชนท้ายทำให้เกิดแก๊สรั่วไหล เจ้าหน้าที่ทำการระบายแก๊สเป็นที่เรียบร้อย
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเคลื่อนย้ายรถให้พ้นการกีดขวางจราจร ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยห้วยขวาง
>> 2 โจรบุกชิงทรัพย์ร้านขายของชำ และหญิง 2 พื่น้องเฝ้าร้านได้รับบาดเจ็บ ก่อนซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนี
20.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกเคียน ได้รับแจ้ง มีเหตุคนร้ายบุกชิงทรัพย์ และยิงประชาชนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ริมถนนสายโคกป่าคา – บือราเป๊ะ ในพื้นที่ ม.8 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส
ที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 2 ราย นอนอยู่บริเวณหน้าร้านดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรมฯ จึงได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำคนเจ็บส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ทางร้านขายของชำดังกล่าวยังเปิดให้บริการ โดยมีผู้บาดเจ็บ เป็นหญิง 2 รายเป็นพี่น้องกัน นั่งอยู่ในร้านและกำลังจะเตรียมปิดร้าน ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ไปจอดอยู่บริเวณมุมมืดใกล้ร้านขายของชำ ที่เป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นริมถนน
โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงจากรถ ส่วนคนขับติดเครื่องรออยู่ จากนั้นคนร้ายได้เดินตรงดิ่งเข้าไปภายในร้าน ทำทีว่ากำลังดูสินค้า เมื่อสบโอกาสได้ชักปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดที่เหน็บไว้ที่เอว ออกมาขู่ให้เจ้าของร้านหยิบเงินในลิ้นชัก เมื่อคนร้ายได้เงินไปจำนวนหนึ่ง ทำท่าจะวิ่งหนีไปขึ้นรถ จยย.สองพี่น้องได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ คนร้ายจึงหันมาใช้ปืนยิงใส่ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ และระหว่างทางที่คนร้ายใช้หลบหนี บนถนนสายบือราเป๊ะ-สวนปาล์มบาเจาะ ที่จะต้องผ่านบ้านเรือนประชาชน ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าใส่ตัวบ้าน แต่เคราะห์ดีที่ประตูบ้านปิดไว้ ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำห้อง CCTV ของ สภ.โคกเคียน และ ภ.จว.นราธิวาส ซึ่งห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ไล่ภาพเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของคนร้ายจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ใต้ซุ้มป้าย บริเวณริมถนนหน้าสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สองคนร้ายขี่รถ จยย.หลบหนีไป
>> อุบัติเหตุรถชนกัน แล้วเกิดเพลิงไหม้รถแท็กซี่ เสียหายทั้งคัน กลางถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9
00.23 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 บริเวณใกล้เคียง ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 ซอย 39 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์รับจ้างสาธารณะ ชนิดเก๋ง สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง
สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอุบัติเหตุรถชนกัน เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยเฉลิมพระเกียรติ
ความเห็น 0