โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ระทึก ‘ภาษีที่ดิน’ 2566 ‘แลนด์ลอร์ด’อ่วม 3 เด้ง ปล่อยร้าง จ่ายเพิ่มเท่าตัว

MATICHON ONLINE

อัพเดต 29 ส.ค. 2565 เวลา 09.28 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. 2565 เวลา 02.30 น.

ระทึก ‘ภาษีที่ดิน’ 2566 ‘แลนด์ลอร์ด’อ่วม 3 เด้ง ปล่อยร้าง จ่ายเพิ่มเท่าตัว

ยังคงเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ทุกปี สำหรับ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ถึงแม้ว่าจะผ่านการบังคับใช้มากว่า 3 ปี แต่ยังมีปมร้อนให้เกาะติดต่อเนื่องจากปี 2565เป็นปีแรกที่รัฐบาลเดินหน้าเก็บภาษีที่ดินเต็มอัตรา 100%

สำหรับปี 2566 กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เป็นอีกปีที่น่าติดตามด้วยใจระทึก เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เพิ่มเติม และเป็นเอฟเฟ็กต์ต่อผู้ต้องเสียภาษีหลายเด้งโดยเฉพาะ “แลนด์ลอร์ด” ชอบตุนที่ดินเปล่าไว้ในมือ

⦁ ปี’66 ‘แลนด์ลอร์ด’ อ่วมเจอ 3 เด้ง

เด้งแรก “ราคาประเมิน” มีคำยืนยันจากกรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จะใช้ราคาประเมินใหม่รอบปี 2566-2569 โดยทั้งประเทศปรับขึ้นเฉลี่ย 8% แยกเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ปรับขึ้น 2.69% และต่างจังหวัดปรับขึ้น 8.81% ดังนั้นเมื่อราคาประเมินปรับขึ้น ภาระด้านภาษีก็ต้องอัพขึ้นตาม โดยเฉพาะที่ดินแนวรถไฟฟ้าย่านสีลม เพลินจิต วิทยุ สยามสแควร์ ราคาพุ่งทะลุ 1 ล้านบาท/ตารางวา

เด้งที่สอง “ที่ดินรกร้างว่างเปล่า” จะครบกำหนด 3 ปีที่ต้องเพิ่มอัตราเก็บภาษีอีก 0.3% จากเดิม 0.3-0.7% หมายความว่า หากไม่ใช้ประโยชน์ที่ดินในเวลาที่กำหนด ต้องเสียภาษีเพิ่มเท่าตัว เช่น จาก 0.3% เป็น 0.6% ของฐานภาษีที่ประเมินได้ หรือจากล้านละ 3,000 บาท เป็นล้านละ 6,000 บาทส่วนผู้ที่ถือครองไม่ครบ 3 ปี จะยังจ่ายภาษีตามอัตราเดิม

เด้งที่สามจับตา“กทม.” จ่อปรับอัตราเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมเต็มเพดาน 0.15% หรือเก็บเพิ่ม 15 เท่า จากล้านละ 100 บาท เป็นล้านละ 1,500 บาท ในพื้นที่ 4 โซน ได้แก่ โซนสีแดงพาณิชยกรรม สีน้ำตาลที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก สีม่วงที่ดินอุตสาหกรรม และสีเม็ดมะปรางที่ดินประเภทคลังสินค้า หวังแก้เผ็ดเศรษฐีที่ดินนิยมนำที่ดินกลางเมืองปลูกกล้วย มะม่วง มะนาว เพื่อให้เสียภาษีถูกลง

โดย กทม.จะเสนอขออนุมัติสภา กทม.ออกเป็นข้อบัญญัติ ขณะนี้รอคำตอบจากกระทรวงการคลัง ตอบปมข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 มาตรา 39 วรรคหก ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตราข้อบัญญัติกำหนดอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บในอัตราที่สูงกว่าที่กำหนด แต่ไม่มีข้อความที่ให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีแยกตามประเภทการใช้ประโยชน์ หรือตามเงื่อนไขในแต่ละประเภทการใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งคาดว่าวันที่ 30 สิงหาคมจะมีแนวทางเบื้องต้นออกมาจากอนุกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินฯ มีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นประธาน

⦁ ไล่บี้ ‘เศรษฐีที่ดิน’ ปลูกกล้วย-ปล่อยร้าง

ขณะที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. สั่ง 50 สำนักงานเขตสำรวจแปลงที่ดินที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมว่ามีการทำเกษตรกรรมจริงเท่าใด เพราะเจตนารมณ์ของการยกร่างข้อบัญญัตินี้ เพื่อให้เจ้าของที่ดินที่มีมูลค่าสูง ไม่ได้ประกอบการอาชีพเกษตรกรรม เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยให้ทุกเขตส่งผลสำรวจภายในวันที่ 30 กันยายน 2565

“ชัชชาติ” กล่าวว่า ภาษีที่ดินเป็นเรื่องใหม่ โดยเก็บตามราคาประเมินที่กรมธนารักษ์กำหนด ซึ่งกฎหมายกำหนดเพดานอัตราภาษีสูงสุดไว้ แต่ประกาศใช้จริงต่ำกว่ากรอบ ซึ่ง กทม.สามารถเก็บเพิ่มได้ แต่ต้องไม่เกินเพดาน โดยที่ผ่านมามีการนำที่ดินในเมืองไปทำการเกษตร ไม่สอดคล้องกับเจตนา จึงมีแนวคิดจะเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมเต็มเพดาน ในโซนสีแดงพาณิชยกรรม เพื่อไม่ให้มีคนอาศัยกฎหมายหลบเลี่ยงไปทำการเกษตร

ในทางคู่ขนานเพื่อจูงใจให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินมากขึ้น “ชัชชาติ” เพิ่มออปชั่นให้เอกชน หากมอบที่ดินให้ กทม.ใช้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 7 ปี เช่น ทำสวนสาธารณะ ลานกีฬา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

ไม่ใช่แค่ “ชัชชาติ” ที่เร่งแลนด์ลอร์ดคายที่ดิน ล่าสุด รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอกย้ำอีกแรงว่า หากปล่อยที่ดินรกร้างว่างเปล่าเกิน 5 ปีติดต่อกัน หรือไม่ทำประโยชน์ 10 ปีติดต่อกัน ตามมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิในที่ดินเฉพาะส่วนที่ทอดทิ้ง ไม่ทำประโยชน์ หรือที่ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เมื่ออธิบดีกรมที่ดินยื่นคำร้องต่อศาล และศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ใช้กฎหมายเมื่อปี 2522 กรมที่ดินแจ้งว่ายังไม่เคยมีคำสั่งศาลให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ตกเป็นของรัฐแต่อย่างใด

⦁ แห่ขาย-ปล่อยเช่าที่ดินทำเลทอง

จากปมต่างๆ เป็นตัวเร่งให้ “แลนด์ลอร์ด” นำที่ดินออกมาพัฒนา ประกาศขาย ปล่อยเช่าเพื่อลดภาระด้านภาษีมากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินทำเลศักยภาพกลางเมือง ที่นอกจากจะปลูกสวนกล้วยแล้ว ยังเห็นปักป้ายให้เช่าและขายกันหลายทำเล เช่น ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่นำที่ดินหลาย 100 ไร่ มาตัดแบ่งปล่อยเช่าสร้างรายได้

ไม่ใช่แค่เอกชน ล่าสุดสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำที่ดินกว่า 2 ไร่ บริเวณซอยรามคำแหง 24 เขตบางกะปิ เปิดให้เอกชนร่วมลงทุน ส่วนบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด รัฐวิสาหกิจของกองทัพเรือ กำลังเปิดให้เช่าที่ดิน 30 ปี บนถนนเจริญกรุง เนื้อที่ 20 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์ ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมเปิดกรุที่ดินดึงเอกชนร่วมพัฒนาโครงการ เช่น ตลาดคลองสาน 5 ไร่ เป็นต้น

อิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2566 คนเสียภาษีจะมีภาระเพิ่มขึ้น นอกจากจะต้องจ่ายภาษีอัตรา 100% เป็นปีที่ 2แล้ว กรมธนารักษ์ยังประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ และเจ้าของที่ดินเปล่า หากปล่อยที่ดินรกร้างเกิน 3 ปี จะถูกชาร์จเพิ่มเท่าตัวจาก 0.3% เป็น 0.6% จากล้านละ 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท โดยทุก 3 ปี จะถูกชาร์จไปเรื่อยๆ จนถึงล้านละ 30,000 บาท

“ส่วนการที่รัฐจะยึดคืนที่ดิน หากปล่อยทิ้งร้างเกิน 5-10 ปีนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จะเป็นตัวเร่งให้คนนำที่ดินออกมาพัฒนา หรือปล่อยเช่ามากขึ้น เพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาแลนด์ลอร์ดส่วนใหญ่จะนำมาใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรมกันไปหมดแล้ว เพื่อลดภาระด้านภาษี คงไม่มีปล่อยทิ้งร้าง”

สำหรับประเด็นผู้ว่าฯกทม.จะเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมโซนสีแดงเพิ่ม 15 เท่านั้น “อิสระ” กล่าวว่า กทม.มีอำนาจดำเนินการได้ แต่ต้องคำนึกถึงความเหมาะสมด้วย เพราะการไปบังคับ กดดันให้เจ้าของที่ดินใช้ประโยชน์ตามสีผังเมืองจะก่อให้เกิดโอเวอร์ซัพพลายหรือไม่ ซึ่งเคยถกปมนี้กันมาแล้วก่อนที่กฎหมายจะประกาศใช้ ในขณะนั้นมองว่าไม่เป็นไรที่จะทำเกษตรกรรมเพราะถือว่าใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ กทม.ต้องดูวัตถุประสงค์ว่าเพื่ออะไร ต้องมองทั้งระบบ เพราะจะเป็นต้นแบบของจังหวัดอื่นๆ ต่อไป จะมองแค่รายได้คงไม่ได้ เพราะการที่เอกชนนำที่ดินปลูกกล้วย เป็นการบริหารค่าใช้จ่ายด้านภาษีตามปกติภายใต้กรอบกฎหมาย

ฉะนั้น จนกว่าจะมีการสังคายนาครั้งใหญ่ ปมร้อน “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” คงมีให้ถกเถียง เสียงเรียกร้องกันยาวข้ามปี!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...