โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

เจ้าของร้านแก๊สร้องปวีณา หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตร.ตุ๋นเงินกว่า3ล้านบาท

Khaosod

อัพเดต 18 ก.พ. เวลา 03.51 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. เวลา 12.50 น.

เจ้าของร้านแก๊สร้องปวีณา หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตร. อ้างสารพัดจะช่วยเรื่องคดีจยย.หาย และทำร้านให้ถูกกม. สุดท้ายตุ๋นเงินกว่า 3 ล้านบาทหายเงียบ

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 ก.พ.2568 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุล นางเอม (นามสมมติ) อายุ 39 ปี เจ้าของร้านแก๊ส เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจรับจำนำรถจะช่วยเรื่องรถจักรยานยนต์หาย และเรื่องติดสปริงเกอร์ร้านแก๊ส ก่อนจะหลอกโอนสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท ต้องขายรถ ขายทรัพย์สินที่มี เอาเงินฌาปนกิจพ่อแม่ จำนำที่นา และต้องกู้หนี้ยืมสินมาโอนให้จนหมดตัว เครียดจัดจนป่วยเป็นซึมเศร้าเกือบจะกระโดดตึกชั้น 5 หวังจบชีวิตหนีปัญหา ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้จับกุมตัวมิจฉาชีพรายนี้มารับกรรมที่ก่อและรับโทษตามกฎหมายก่อนจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกจำนวนมาก

นางเอม กล่าวว่า ตนเปิดร้านขายแก๊สอยู่ย่านถนนหทัยราษฎร์ ลำลูกกา ปทุมธานี ช่วงเดือน ธ.ค.ปี66 ได้ซื้อรถจักรยานยนต์มือสองผ่านทางเฟซบุ๊กในราคา 8 พันบาท มีทะเบียนรถถูกต้อง ซื้อรถจักรยานยนต์มาได้ 2 วัน ก็มีคนมาสมัครเป็นลูกจ้างที่ร้าน ทำงานได้ 2 วัน วันที่ 28 ธ.ค.66 ลูกจ้างก็ขโมยรถจักรยานยนต์ไป ตนไปแจ้งความตำรวจก็ไม่สามารถรับแจ้งความได้ เพราะว่าทะเบียนรถอยู่ใต้เบาะรถที่ถูกขโมยไป

จากนั้นลูกสาวจึงไปช่วยโพสต์ตามหารถจักรยานยนต์ในเฟซบุ๊ก พอตกดึกตอนตี 3 ได้มีผู้ชายโทรเข้ามาหาตน บอกว่าตัวเองเป็นตำรวจ อายุ 34 ปี อยู่จ.นครปฐม และทำอาชีพรับจำนำรถ มีคนเอารถของตนไปจำนำไว้ ถ้าอยากได้คืนให้โอนเงินค่าน้ำมันมา 2,200 บาท และจะให้คนขี่รถเอามาส่งคืน ตนหลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้ รอถึง 3 วันก็ยังไม่ได้รถคืน

เมื่อตนโทรไปถามชายดังกล่าวอ้างว่าติดเรื่องเอกสาร และมีข้ออ้างต่างๆ นานา โดยกล่าวหาว่าตนซื้อรถจักรยานยนต์มาผิดกฏหมาย ต้องมีการตรวจสอบเพราะอาจจะเข้าข่ายรับซื้อของโจร ต้องติดคุก 6 เดือน และต้องวิ่งขึ้นศาลเพื่อสู้คดี ตนเกิดความกลัวจึงถามไปว่า "ต้องทำอย่างไร" เขาบอกว่าอยากจะช่วยตน และจะตามจับลูกน้องให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย 8 หมื่นบาท ตนก็โอนไปให้ และจะโอนรถเพื่อไม่ติดคดี

จากนั้นเขาก็ให้คุยโทรศัพท์กับอีกหลายคนที่อ้างตัวว่าเป็นทนายความ เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ถึง 4-5 คน ช่วงปีใหม่เขาก็มาหาที่บ้าน เอาผ้าขนหนู กับพระ 2 องค์มามอบให้เป็นของขวัญ เขาจะมีวิธีพูดจูงใจต่างๆ ให้หลงเชื่อระหว่างนั้นก็จะให้ตนโอนเงินให้เรื่อยๆ ครั้งละ 1-3 หมื่นบาท จนยอดโอนสูงถึง 5 แสนบาทแล้วตนก็ยังไม่ได้รถจักรยานยนต์คืน

ต่อมาเขาก็บอกอีกว่า “ตนเปิดร้านแก๊สมีการติดสปริงเกอร์ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่มีจะต้องถูกดำเนินคดีและต้องติดคุก” ตนกลัวมากไม่อยากจะมีปัญหา เขาก็บอกว่าจะช่วยวิ่งเต้นให้ถูกต้องไม่มีปัญหา จากนั้น ก็ให้ตนโอนเงินไปเป็นค่าดำเนินการครั้งละ 5 หมื่น 8 หมื่น ตนต้องขายทรัพย์สินทุกอย่าง เอาเงินฌาปนกิจพ่อแม่ จำนองที่นา กู้หนี้ยืมสินมาโอนให้อีกหลายครั้งเป็นเงิน 2.5 ล้านบาท วันสุดท้ายที่โอนคือวันที่ 13 ก.พ.67 เท่ากับช่วงเวลา 2 เดือนเศษเบ็ดเสร็จตนเสียเงินโอนไปกว่า 3 ล้านบาท จึงมารู้ว่าถูกหลอกและไปแจ้งความที่สภ.คูคต ตนจำหน้าคนร้ายได้ดี เวลาผ่านมาเป็นปีแล้วคนร้ายยังลอยนวล ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ด้วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า หลังทราบเรื่องราวของผู้เสียหายแล้วรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงอย่างยิ่ง กรณีนี้เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการหลอกเหยื่อ ทั้งนี้ได้ประสาน พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต พร้อมมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียหายไปพบ ผกก. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และเร่งติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยนางปวีณา จะประสาน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เพื่อให้จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ และจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดเพราะถือเป็นภัยร้ายของประชาชนอย่างยิ่ง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจ้าของร้านแก๊สร้องปวีณา หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตร.ตุ๋นเงินกว่า3ล้านบาท

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...